Scale Gail : พามาดูวิถีชีวิตและท่องเที่ยวที่เมืองชัยปุระ (Jaipur) ประเทศอินเดีย
Punnapa Kevanon
81
32
นะมัสเต~ สวัสดีภาษาอินตะระเดียค่าา
รีวิวนี้มาพบกับการไปท่องเที่ยวที่อินเดียของเกล
ซึ่งที่นี่มีเมืองท่องเที่ยวต่างๆหลายที่มาก
สิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมด ขึ้นชื่อได้ว่าแต่ละสถานที่สำคัญ
ยิ่งใหญ่อลังการแน่นอน
และ 1 ในนั้นก็คือ เมืองชัยปุระ หรือ นครสีชมพูนั่นเอง
เมืองนี้ใหญ่เป็นลำดับที่ 10 ของอินเดีย มีประชากรประมาน 3ล้านคน ชีวิตข้างทางก็เหมือนกับบ้านเราย่านชานเมืองหน่อยนึงเจ้า
ภาษาที่ใช้คือ ภาษาอังกฤษสื่อสารได้เลย สบายๆ
หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าเค้าแบ่งวรรณะกันอยู่ไหม
ไกด์ได้บอกเกลว่า เค้าเลิกแล้ว
แต่ด้วยความที่เป็นมาแต่ช้านาน ความรู้สึกสำหรับคนต่างวรรณะ
ยังคงชัดเจนอยู่ สำหรับเหตุผลที่ต้องเป็นแบบนั้น
เพราะเค้าคิดว่าการที่คนชั้นเดียวกัน แบบเดียวกัน สื่อสารกัน
จะเข้าใจง่าย และคุยกันรู้เรื่องมากกว่า
ประมานว่าของได้ลองคุยจะรู้เลย ว่าเธอวรรณะอะไร
อันนี้แค่มุมมองในการติดต่อสื่อสารนะ ยังไม่ได้รวมถึงการใช้ชีวิตระยะยาว
เค้าเลยต้องแบ่งกันชัดเจน อย่าให้ข้ามเส้นทีเดียว
ซึ่งการประกอบอาชีพนี่จะแบ่งไปเลยค่ะ ตามตระกูล
วรรณะ และฐานะ
สมมตินาย A อยู่ในวรรณะศูทร
ก็จะประกอบอาชีพ แรงงาน กรรมกร พนังงาน แบบนี้ค่า
ส่วนการคมนาคมที่นี่ มีรถทั่วไปเหมือนบ้านเรา แต่เพิ่มเติมน้องวัว ควายและม้า ข้างทางเดินไปมาได้เลย เวลามีน้องเดินข้าม รถต้องหยุดทุกคันค่า
ต่อไปนี้จะพาไปเที่ยวชมเมืองแล้วน้าา
เริ่มกันเล้ยย
สถานที่แรก ป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort)
ป้อมนี้เป็นเปรียบเสมือนพระราชวังที่รวมศิลปะฮินดูและราชปุต
ตั้งอยู่บนเทือกเขา มองเห็นได้จากไกลๆ
มีกำแพงยาวแบบยาวจริงๆนะ คือใหญ่มากกกกก
ซึ่งที่นี่จะสร้างจากหินทรายสีแดง และหินอ่อนค่า
เราเลยเห็นความสวยงามเป็นสีแดงๆ น้ำตาลๆแบบนี้เจ้า
ภายในมีระเบียงกว้างขวาง สามารถยืนถ่ายรูปได้เป็นการมองวิวจากไกลๆ
มองไปรอบข้าง ก็คล้ายกับกำแพงเมืองจีนเหมือนกันนะ ฮ่าๆ
ส่วนนี้จะอยู่บนป้อมปราการ ตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหมด
เล่นสีแบบพาสเทลมาเลยจ้าา
ชอบความหวานๆนี้
หลบหน่อยค่า หมวยจะเดินนน ><
พื้นสีแดงตัดกับชุดดีนักแหละทุกคน
ตรงนี้ก็เป็นอีกมุมของบนพื้นป้อมค่า เทสีแดงไปเล้ย
สถานที่ต่อมา บ่อน้ำจันเบารี (Chand Baori)
ที่นี่คือไปถึงร้องว้าววดังมากก เพราะบันไดลงไปตักน้ำนี่ลึกได้ใจจริงๆค่าทุกคน
เลยได้ชื่อว่าเป็น บ่อน้ำขั้นบันไดที่ลึกที่สุดในอินเดีย
คือสมัยก่อนเค้าบอกว่า คนอินเดียเวลาจะตักน้ำมาใช้ จะสร้างทางเดินลงไปตัก
เป็นบันไดแบบนี้ทุกที่ เพื่อให้คนในหมู่บ้านสามารถลงไปพร้อมๆกันได้
เอ้ออ เก๋ปะล่ะ
สถานที่ที่ 3 City Palace
สถานที่นี้ตามชื่อเลย เป็นวังที่ตั้งอยู่ในเมือง
ซึ่งเค้าเป็นพระราชวังจริงๆนะ แต่ส่วนนึงได้เปิดสถานที่ท่องเที่ยง และพิพิธภัณฑ์
โดยแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่เดินชมภายนอก อันนี้เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 100-200บาท และส่วนที่สอง เดินขึ้นชมภายในพระราชวัง
เค้าจะแบ่งเป็นห้องตามฤดูกาลและ แต่ละห้องมีความยูนีคมากกก
อลังการคุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอน ค่าเข้าประมาน 1500-1700 บาทค่า
ชอบความชัยปุระที่มีแต่สีสันมากๆ
ทั้งสีชมพู สีแดง สีส้ม เป็นเหมือนการบังคับของราชการว่า
บริเวรไหนใกล้เขตนี้ต้องทาสีเดียวกันทั้งหมด
รูปก็เลยออกมาสวยงาม ทั้งตึก และสถานที่สำคัญต่างๆเองด้วยจ้า
และนี่ก็เป็นหนึ่งใน View Point ของ City Palace
จากรูป เป็นส่วนที่อยู่ในห้องที่ขึ้นไปชมภายในพระราชวัง
เป็นสีฟ้าสดใส เล่นลวดลายทั้งห้องไปเลยฮะ
น่ามาใช่มั้ยล่า
สถานที่ที่ 4 Taj Mahal หรือทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก
โอ้ยยยยย มาเปิดดูรูปแล้วต้องบอกว่า
สวยงามดั่งภาพวาด สมกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ
คืองามมากกกก มองมุมไหนทุกคนจะเห็นเป็นมุมเดียวกัน
อันนี้คือความขลังของที่นี่
ซึ่งความเป็นมาของอนุสรณ์สถานแห่งความรัก เกิดจากพระจักรพรรดิ์
เสียใจต่อการสูญเสียของพระมเหสีอันเป็นที่รักยิ่ง
เลยทุ่มเงินสร้างสุสานแห่งนี้ ด้วยการใช้หินอ่อนสีขาวทั้งหมดในการก่อสร้าง
โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 22 ปี แม้เวลาที่พระองค์สิ้นพระชนม์ไป
แต่พระศพก็ได้เคียงข้างพระมเหสีมุมตัสที่ท่านรัก
กว่าจะได้มุมนี้ต้องเดินหากันนิดนึงค่า
เราต้องกดชัตเตอร์รัวๆ จนได้ภาพปลอดคนแบบนี้มา
ที่นี่เป็นอะไรที่แบบควรมาา ภาพทัชมาฮาลติดตามากจริงๆ
ฮือออ เลิฟอะไรแบบนี้มากเลยค่า
ส่วนมุมนี้จะเป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับ ทัชมาฮาล
เมื่อก่อนจะเป็นสถานที่ หออาซาน (หอสูงสำหรับแจ้งทำละหมาด)
ซึ่งเห็นสีแดงๆ เพราะว่าสร้างมาจากศิลาแดงค่ะ
ตรงนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน
สถานที่ต่อมา ป้อมอัครา หรือ Agra Fort
ป้อมอัครา เป็นอนุสรณ์สถานที่ต้ังอยู่ใกล้กับทัชมาฮาล
ห่างกันเพียงแค่ 2.5 กิโลเมตร
ประวัติความเป็นมาตั้งแต่สร้างป้อมนี่ไม่แน่ใจ
แต่ว่าสนใจตรงที่ ป้อมนี้ก่อนที่พระราชาที่สร้างทัชมาฮาลจะสิ้นพระชนม์
ได้ถูกนำมาขังที่นี่ และก่อนสิ้นใจภาพสุดท้ายคือท่านมองเห็นทัชมาฮาล
ที่มีหญิงที่ท่านรักอยู่
ซึ่งป้อมนี้ก็ใหญ่เวอร์วัง ไม่แพ้กันเลยค่า
ประเทศอินเดียเค้าสร้างแต่อะไรใหญ่ๆจริงๆ
ถ่ายมุมนี้ก็จะเห็นทัชมาฮาลตรงนู้นน
สามารถมองได้จากยอดของป้อมค่า
สถานที่ต่อมา เป็น ฮาวา มาฮาล หรือ พระราชวังสายลม
คุ้นๆมั้ยคะที่นี่ เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชัยปุระ
ใครไม่มาถือว่าไม่ถึงน้าา
แต่เกลได้มีโอกาสแค่นั่งรถผ่านในตอนกลางวันเท่านั้น
จะเห็นเป็นสีชมพูหวานมาเลย แต่ว่าในตอนกลางคืน
เค้าจะเปิดไฟสีส้ม ทอง เป็นประการอลังการอีกแบบ
คือดีมากจริงๆค่า ได้อีกมุมมองนึงที่ไม่ค่อยเห็น
ซึ่งพระราชวังแห่งสายลมนี้ สร้างมาจากหินทรายสีชมพู
มีหน้าต่างฉลุช่องลมสีชมพูอมส้ม 953 ช่อง
ประวัติบอกว่าเพื่อให้นางในวังได้มองกิจกรรมภายนอกหน้าต่างได้โดยไม่ถูกจับตามอง ในขณะเดียวกัน บรรดาช่องเล็กๆ ของหน้าต่างเหล่านี้ก็เป็นตัวช่วยให้อากาศภายในพระราชวังถ่ายเท ดังมีสายลมพัดโชยอยู่ตลอดเวลา
จึงทำให้ภายในมีอากาศเย็นสบาย แม้อากาศภายนอกจะร้อนก็ตาม
สถานที่สุดท้ายของทริปนี้ คือ วัดพระพิฆเณศ (Ganesh temple)
เป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้วยความเป็นมงคลขององค์พระพิฆเนศวร
นับเป็นไฮไลท์สำคัญที่มีผู้คนทั้งใน และนอกเมืองชัยปุระต่างนิยมเข้าชมเคารพบูชา เพื่อเป็นมงคลในชีวิตประจำวัน
เช่น ถ้าคนจะเปิดร้านขายของ ต้องนำของมาบูชาท่านก่อน
จะออกรถใหม่ ต้องขับมาไหว้ท่านก่อน
คือเป็นสถานที่ที่เป็นความเชื่อของที่นี่มากๆ
เกลเองได้ไหว้แล้วคือสัมผัสได้ว่าศักสิทธิ์จริงๆ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศและความเชื่อของคนทั้งหมดที่มารวมกันที่นี่ด้วย
ถือว่าเป็นการมาเที่ยว ที่ได้อิ่มใจไปพร้อมกัน
แต่รอบวัดจะค่อนข้างมีขอทาน หรือกลุ่มคนจัณฑาลเต็มไปหมด
ก็ระวังน้องๆเค้ามาเกาะตัว ขอเงินนิดนึงค่า
สุดท้ายนี้การไปอินเดียนั้น เราเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับเค้า
ทั้งหน้าตาอันหมวยมากก และสีผิวไม่ได้กลมกลืนเลย
ชาวบ้าน คนหนุ่ม คนแก่ สาว ลูก หลาน จะมาหาเราหมดด
ถ่ายรูปทีจะมีคนเดินมาคุย มาขอถ่ายรูปด้วยแบบนี้เลยค่า
ย้ำว่าไปทุกที่ จะเจอหมดดด เหมือนเป็นดารา ฮ่าๆ
สำหรับการไปเที่ยวอินเดียครั้งนี้
เกลชอบนะ ชอบสถานที่ ผู้คน บรรยากาศ
เป็นวิถีชีวิตที่เราหาไม่ได้จากที่อื่น
จริงๆแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ แต่อยากให้ลองมาสัมผัสที่นี่ดู
จะร้องโอ้โห กับหลายเรื่องเลย ฮ่าๆ
ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนอีกจะมาบอกเล่าให้ทุกคนอ่านกันน้าา
สวัสดีค่า