รีวิวสำหรับคนอยากเจาะ!
Apinya Ben
44
15
สวัสดีค่ะ เราจะพูดถึงเรื่องการเจาะกระดูกหู การดูแลและผลกระทบต่างๆหลังจากเจาะ
เจาะหูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คนเจาะกันเยอะแยะแต่ถ้าดูแลไม่ดีก็อาจเป็นเรื่องใหญ่ได้ เนื้อหายาวหน่อยนะคะ สำหรับคนที่สนใจอยากให้ตัดสินใจดีๆก่อนเจาะค่ะ
จริงๆเราไม่มีความคิดที่จะเจาะหูตรงที่แปลกๆเลย แค่ติ่งหูรูสองรูที่มีก็พอใจแล้ว แต่ไปบังเอิญเห็นบล็อกเกอร์คนนึงเจาะแล้วน่ารักดี ใส่ต่างหูวิบวับๆ ก็เกิดอยากจะเจาะบ้าง เราหาข้อมูลอยู่สองวันเต็มๆและคิดว่า เอออ สบายมาก ไม่น่าจะดูแลยาก เลยตัดสินใจไปเจาะเมื่อ 16 มิ.ย. 62 ที่ผ่านมาที่ร้านดังแถวสยามซอย 3 พี่ที่ร้านก็น่ารักพูดจาดี มีความชำนาญและเจาะด้วยมือ จากที่หาข้อมูลมาหลายๆคนบอกว่าเจาะด้วยมือแผลจะหายเร็วกว่าใช้เครื่องซึ่งมีแรงกระแทกสูง
ขั้นตอนการเจาะ :
เลือกตำแหน่งที่จะเจาะ > เลือกจิว > เจาะ > ใส่จิว = เสร็จ (แค่นี้จริงๆ ไม่มีอะไรวุ่นวาย สิ่งที่วุ่นวายคือชีวิตหลังเจาะ)
ที่ร้านมีจิวให้เลือกเยอะจนตาลาย ได้จิวแล้วพี่เค้าก็จะใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดตรงที่จะเจาะ และม๊าคจุดให้เราดูว่าโอเคไหม แล้วแกะเข็มใหม่ออกจากซองแทงเข้าหูเลย ไม่เกิน 3 วิเข็มก็ทะลุ และใส่จิวอีกประมาณ 5 วิ เอาวาสลีนแต้มๆห้ามเลือดไว้หน่อยก็เสร็จ แจ้งวิธีดูแลทำความสะอาด จ่ายตัง ออกจากร้านได้
ราคา :
ค่าเจาะรูละ 300 ไม่รวมจิว 299 399 มีอีกหลายราคาแล้วแต่เราเลือก
ความรู้สึกตอนเจาะและหลังเจาะ :
เราเจาะพร้อมกันสามรูคือ Tragus Conch และ Helix ตอนเจาะก็เจ็บพอๆกันทั้งสามรู แต่เจ็บเเบบทนได้ หลังเจาะเสร็จยังเดินเล่นต่อได้ชิวๆ 3 ชม.แรกรู้สึกจี๊ดๆแสบๆที่หูตลอดเวลา พอตกค่ำถึงบ้านเริ่มปวดหน่วงๆ เรากินพาราดักไว้เลย 2 เม็ด ตกกลางคืนปวดระบมมากขึ้น จนหลับไม่สนิท ผวาทั้งคืน กลัวผมเกี่ยว กลัวหมอนโดน กลัวเผลอตะแคงไปทับ คือเจ็บจริงจังตื่นมาก็ยังกินพาราต่ออีกสองวันจนหมดแผง สามคืนแรกหลับๆตื่นๆทั้งคืน ลมพัดมาทีผมพันกับจิว ไม่กล้าหยิบผมออกจริงๆถ้าไม่ได้ดูกระจก เพราะเจ็บมากกกกกกกก โดนนิดเดียวน้ำตาก็แทบเล็ด เลือดซึม สามสี่วันไปแล้วถึงจะเจ็บน้อยลง
การทำความสะอาดและดูแลแผล :
ตามที่ร้านแนะนำคือล้างด้วยน้ำเกลือ ทาเบตาดีน อย่าไปจับไปยุ่งจนกว่าแผลจะหาย
เราก็คิดว่ามันไม่ได้ยุ่งยากเลย แต่เอาจริงๆมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เรารักษาความสะอาดและดูแลอย่างดีแล้ว แต่เราคงโชคไม่ดี แผลหายช้า ติดเชื้อ มีหนอง เลือดซึมอยู่บ่อยๆ และดูเหมือนจะมีคีย์ลอยอีก แต่ยังดีที่มันไม่ใหญ่ไปกว่านี้
สิ่งที่ยุ่งยากสำหรับเราคือ :
- ต้องล้างแผลทุกวัน เช้า-เย็น จนถึงวันนี้ก็สองเดือนแล้ว ยังต้องล้างต่อไป (ขั้นตอนของเราคือเอาสบู่ Asepso ฟอกให้เกิดฟอง แล้วเอาฟองมาป้ายที่แผลปล่อยไว้สักสองสามนาที เอาน้ำเกลือมาราดทำความสะอาด เช็ดอย่างเบามือด้วย Cotton bud แล้วเป่าลมให้แห้ง ถ้าแผลช้ำๆมีเลือดหนองไหล ใช้เบตาดีนหยดใส่ ถ้ามีตุ่ม Bubble ขึ้นใช้ Tea tree oil ทา ขั้นตอนเหล่านี้ทำทุกเช้าเย็น)
- บางช่วงแผลแห้งแล้ว แต่เผลอไปโดนเสื้อเกี่ยว ผมเกี่ยวนิดๆหน่อยๆ แผลกลับมาช้ำเหมือนเดิม
- ใส่หูฟังไม่ได้ ถ้าแผลยังไม่หายดี ไปดันทุรังใส่ แผลก็ช้ำอีก
- ตั้งแต่เจาะมาก็นอนตะเเคงไม่ได้เลย ต้องเอาแขนวางหรือหาท่า หาร่องให้หูไม่โดนหมอนถึงจะตะแคงได้ ไม่สามารถเอาหูแนบไปที่หมอนจังๆได้เลย
- แผลเดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวช้ำ บางทีมี bubble ขึ้น ยุบแล้วขึ้นใหม่วนไป บางทีก็คันๆอยากเกา เกามากก็ช้ำอักเสบ
ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจไปเจาะ :
- หาร้านที่เชื่อถือได้ ความสะอาดสำคัญมากๆ จิวที่ใส่ก็เหมือนกัน
- ถ้าขี้เกียจ ดูแลล้างแผลทุกวันไม่ได้บวกกับเป็นคนที่แผลหายช้า ช้ำง่ายติดเชื้อง่าย อย่าเจาะ
- ถ้ามีประวัติหรือเคยเป็นแผลคีย์ลอย อย่าเสี่ยงเจาะ บางคนแผลนูนออกมาเยอะจนต้องไปฉีดไปผ่าตัดออกเสียเงินอีกมากมาย หูผิดรูปไปเลยก็มี มีรูปให้ดูเยอะแยะในgoogle หรือบางคนไม่มีประวัติก็ทำใจไว้บ้างว่าอาจจะเกิดกับเราได้ อย่างเราก็มี Bubble เล็กๆขึ้นมาเฉยเลย
- บางตำแหน่งเจาะแล้วใส่หูฟังลำบาก ช่วงแผลยังไม่หายดีต้องงดไปก่อน
- นอนตะแคงทับไม่ได้เด็ดขาด ที่หาข้อมูลมาคือแผลจะหายดีใช้เวลา 6 เดือนขึ้นไป จนถึงตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะนอนตะเเคงได้จริงๆไหม หรือไปทับไปเกี่ยวแผลจะช้ำขึ้นมาอีก
- ต้องหมั่นสังเกตแผลทุกวัน ถ้ามันดูลุกลามแบบควบคุมไม่ได้ควรไปหาหมอ อย่าปล่อยไว้มันอันตรายมาก ถ้าติดเชื้อรุนแรงอาจต้องตัดหูทิ้ง ถ้าเน่าที่ติ่งยังตัดแค่ติ่ง แต่กระดูกหูทั้งใบมันชิ้นเดียวกัน ก็ต้องตัดทั้งใบหู อันนี้อ่านเจอมา น่ากลัวมาก
จริงๆก็ไม่วุ่นวายอะไรมากถ้ามันเป็นความชอบ เจาะไปแล้วก็แค่ต้องหันมาใส่ใจดูแลมัน ถ้าเบื่อหรือเหนื่อยที่จะดูแลก็เอาออกแค่เสียเงินฟรี+แผลเป็นนิดหน่อย(ถ้าไม่เป็นคีย์ลอย) ก็ถือว่าได้ลองได้รู้ :P