สรุปเหตุการณ์เงินในบัญชีถูกหักไปเกือบหมดแบบงงๆ

30 15
           วันนี้แป้งจะมาสรุปเหตุการณ์ที่เงินถูกหักไปที่ Facebook เกือบหมด โดยที่แป้งไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ 
          เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 11 ก.ค. นะคะ ด้วยความที่แป้งเพิ่งว่างงานก็เลยตื่นสายนิดนึง ตื่นมาตอน 08.30 น. แล้วแป้งก็ได้เห็นว่ามี SMS จาก Kbank เข้ามาหลายรายการ เป็น SMS แจ้งการหักเงินในบัญชีของแป้งค่ะ แป้งตกใจแบบตัวชาเลยค่ะ เป็นหักเงินแบบรัวๆ ยอดคล้ายๆ กัน ในช่วงเวลา 08.45 น. - 06.58 น. ทีแรกก็แอบคิดว่าโทรศัพท์เราอาจจะแค่ลวนรึป่าว เลยเปิดเข้าไปเช็คที่แอพ K-plus เพื่อ Confirm ช็อคเลยค่ะ เพราะมันคือความจริงค่ะ เงินที่มีในบัญชี 7,000 นิดๆ เหลืออยู่แค่ 200 เศษๆ
          หลังจากนั้นแป้งก็กดเข้าไปแช็คตรงรายละเอียดการชำระเงิน ตรงผู้รับเงินขึ้นว่าเครื่องรูดบัตร EDC งง หนักเลยค่ะ เพราะตอนนั้นคือบัตรก็อยู่ที่แป้ง แล้วแป้งก็เพิ่งตื่นด้วย แต่ทำไมเป็นแบบนี้ได้ ก็เลยหาเบอร์ Call Center จากเว็บของธนาคารกสิกรแล้วก็ไปให้เขาชอบตรวจสอบข้อมูลให้ แล้วแป้งก็แจ้งเจ้าหน้าที่ไปว่า มี SMS แจ้งหักเงินเขามา โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย ลองไปเช็คในแอพก็ขึ้นว่าเป็นการชำระเงินด้วยเครื่องรูดบัตร EDC แต่ตอนนี้บัตรก็อยู่ที่ตัว ช่วงเวลาที่ทำรายการเราก็ยังไม่ตื่น อยากทราบว่ามันคือค่าใช้จ่ายจ่ายอะไร เจ้าหน้าที่ก็ขอข้อมูลของเราเพิ่มเติมเป็นพวกเลขบัญชี เเลขบัตรเดบิตหรือเครดิตของเราที่มีปัญหา แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะถามว่า เราชื่อจริงนามสกุลอะไร เบอร์โทรศัพท์อะไร เพื่อคอนเฟิร์มว่าเราเป็นเจ้าของจริงๆ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ถามว่า ช่วงเวลาที่มีปัญหาเป็นช่วงวันไหนเวลาไหนบ้าง 2 วันก่อนแล้ววันนี้เราได้มีการฝากถอนหรือโอรเงินบ้างมั้ย พอเจ้าหน้าเขาเช็คข้อมูลเสร็จเขาก็แจ้งมาว่า เงินทั้งหมดไม่ได้ถูกชำระด้วยเครื่องรูดบัตร แต่เป็นการหักเงินออนไลน์ไปที่ Facebook ยอดเงินทั้งหมดในช่วงเวลาที่แจ้งไปทีเดียวกันทั้งหมด แป็งก็บอกเขาไปว่าช่วงนี้ไม่ได้ทำอะไรใน Facebook ที่มีค่าใช้จ่ายเลย เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาว่าให้แป้งลองเช็คกับ Facebook ดีๆ อีกทีก่อน เผื่อกเราไปกดอะไรผิดแล้วมันมีค่าใช้จ่ายหรือค้างชำระอะไรเอาไว้แล้วลืม หรือถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้ลองติดต่อกับทาง Facebook ก่อน แป้งก็ตามนั้นค่ะ วางสายไปแล้วก็พยายามเช็คทุกอย่างแต่ก็ไม่พบต้นสายปลายเหตุอะไรเลย
         คือต้องบอกก่อนนะคะว่าแป้งเคยเป็นแม่ค่าออนไลน์มาก่อน แป้งก็เลยเคยมีการซื้อโฆษณาใน Facebook มาบ้างแล้ว ซึ่งวิธีการชำระเงินของแป้งก็คือ การผูกบัตรเดบิตเอาไว้เพื่อให้ Facebook หักค่าใช้จ่ายได้ แต่ว่าปกติที่ผ่านมาเวลามีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทาง Facebook จะมีการแจ้งเราอย่างละเอียดทั้งผ่านแอพและ e-mail ว่าจะมีการหักเงินเราวันไหน ยอดเงินเท่าไร หลังจากหักเงินเสร็จก็มีแจ้งในแอพแล้วก็มีหลักฐานการรับเงินของ Facebook แจ้งมาทาง e-mail ด้วย แล้วมี SMS แจ้งหักเงินจากทางธนาคารเข้ามาเป็นยอดนั้นยอดเดียว แต่อันนี้คือไม่มีแจ้งเตือนอะไรทั้งสิ้น ยกเว้น SMS แล้วก็เป็นหักเงินที่ดูไม่ปกติด้วย เพราะว่าหักหลายครั้งแบบรัวๆ และยอดก็คล้ายๆ กัน แถมในช่วงแรกก็มีการหักเงินไปแล้วคืนเงินกลับเหมือนเวลาเราผูกบัตรใหม่ด้วย ที่สำคัญที่ปกติ Facebook จะหักเงินวันที่ 30 31 หรือ 1 เท่านั้น ยกเว้นเงินในบัตรเรามีไม่พอจ่าย หรือบัครนั้นใช้ไม่ได้ ถึงจะมีการหักไปเลยเงินนอกช่วงเวลาปกติ ซึ่งอันนี้คือถ้ามียอดค้างจริงก็สามารถหักเงินตามปกติได้ไม่มีอะไรติดขัด
          แล้วแป้งก็หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความชัวร์ด้วยการไปเปิดดูประวัติการหักเงินค่าโฆษณาที่ผ่านมา ก็ได้เห็นว่า รายการชำระเงินล่าสุดมีแค่ของเดือนกุมภา ย้ำเพิ่มเติมด้วยการดูประวัติการใช้จ่ายภายใน 30 วันที่ผ่านมาก็ไม่เห็นยอดอะไรปรากฎเลย มีแค่ยอดที่เป็นเศษสตางค์จากการที่แป้งทดลองซื่อโฆษณาตัวนึง เป้นโพสต์ที่มีลิงก์ YouTube แปะอยู่ด้วย แต่พอรู้ว่าซื้อได้ปุ๊บแป้งก็ปิดเลย เพราะแค่อยากรู้เฉยๆ ยังไม่ได้ตั้งใจจะซื้อจริง ก็เลยทำให้แป้งมั่นใจว่ามันไม่ใช่แล้ว ไม่ปกติแล้ว แป้งก็เลยรวบรวมข้อมูลที่หมดที่แป้งเข็คแล้วก็เขียนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วก็แจ้งทาง Facebook Support ไป แล้วเย็นวันนั่นแป้งก็เอาข้อมูลนั้นไปแจ้งความด้วย แต่แป้งก็ยังไม่อายัดบัตร เพราะว่ายังไงมันก็แทบจะไม่เหลือเงินให้ทำอะไรแล้ว ถ้าหักอะไรก็อีกเต็มที่ก็แค่เงินหมด ไม่เหมือนบัตรเครดิตที่สามารถสร้างหนี้ให้เราได้
          และตรงนี้แป้งก็อยากจะบอกอย่างนึงว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้แล้วก็ไม่แจ้งความแบบแป้งหละก็อย่าเปิดประเด็นว่าตัวเองถูกแฮ็ค Facebook เด็ดขาด เพราะเราจะโดนปัดประเด็นไป เพราะว่าตำรวจไปสามารถช่วยเราเรื่องนี้ได้ ถ้าจะแจ้งเรื่องโดนแฮคคือเราต้องแจ้งที่กระทรวง ICT ค่ะ คือประเด็นที่แป้งไปแจ้งความเพราะตอนนั้นรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้ นึกอะไรไม่ออก เพราะแจ้ง Facebook Support ไปก็ไม่มีการตอบกลับ อยากไปเพื่อลงบันทึกประจำวันเพื่อให้มีข้อมูลเผื่อมีคนที่โดนเหมือนกัน แค่จากเหตุการณ์ที่ไปแจ้งความวันนั้นคือ ตอนที่เขาถามว่า โดนอะไรมา แป้งก็ไม่รู้จะพูดว่ามันเป็นเรื่องอะไร พี่ที่พาแป้งไปก็เลยพูดไปว่า น้องโดน Hack Facebook ค่ะ แล้วก็มีการเอาเงินเราไปใช้ แล้วแป้งก็เอาเอกสารที่แป้งรวบรวมมายื่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล้วก็เล่าเรื่องให้ฟัง แต่ว่าระหว่างการเล่าก็ทีการถามแทรกขึ้นมาตลอดว่า เหตุเกิดวันไหน ตอนไหน ที่ไหน ใครทำ แป้งก็ตอบได้ทุกข้อยกเว้นข้อสุดท้าย รู้แค่ว่าเงินเราไปที่ Facebook แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนใช้เงินของเรา แล้วก็มีถามมาอักว่าแล้วตอนนี้เฟสเรายังใช้ได้อยู่มั้ย แปเงก็ตอบไปว่ายังใช้ได้ปกติ เขาก็บอกว่าถ้างั้นก็ไม่ได้โดนแฮ็คสิ แล้วเงินเราหายจริงมั้ย ตอนี้คือเป้งยอมรับเลยนะคะว่าเริ่มสตอแล้วแล้วเพราะเรากำลังเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังแต่ก็มีแต่ถามแทรก แป้งก็ตอบไปว่าก็จาก 7,000 เหลือ 200 ค่ะ แล้วก็เจอคำถามนึงที่ทำให้รู้สึกแย่มากคือ แล้วจะให้ไปจับใคร  คือตอนที่ปป้งคิดจะไปแจ้งความเนี่ยแป้งก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องให้ไปจับหรือเอาเรื่องใครคือรู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้ก็แค่อยากมาลงบันทึกประจำวัเพื่อฝากข้อมูลไว้เฉยๆ คือเหตุการณ์ตอนนั้นแป้งจำได้ไม่หมดนะคะ แต่ระหว่างการคุยนั้นก็จะมีพูดอยู่ตลอดว่า ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่เข้าใจ แต่ก็มีบอกอยู่ว่าเรื่องนี้ต้องกระทรวง ICT แล้วยังไงถ้าต้องแจ้งความเขาจะส่งเรื่องมาที่นี่เอง แต่ด้วยความที่มาแล้วแป้งก็ไม่อยากที่จะมาแล้วก็กลับไปเฉยๆเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เลยยอมลงบันทึกประจำวันและออกใบแจ้งความให้ระหว่างพิมพ์ข้อมูลก็ถามคำถามแบบเดิมๆ เหมือนตอนแรก ตอนแรกก็ไม่อะไรแต่คือด้วยความที่เป็นถามแบบพูดจาฮ่วนๆ พอได้ยินคำว่าแล้วยังไงต่อก็เลยทำให้แป้งน้ำตาไหล เพราะตอนนั้นโมโหก็ทุกคำพูดทุกคำถามที่เจอมากแต่ทำอะไรไม่ได้เลย อึดอัดใจมากๆ แต่สุดท้ายก็ได้ใบแจ้งความมานะคะเป็นข้อความสิ้นสุดอยู่ตรงที่แป้งร้องให้เลย เพราะจริงๆ ตรงนั้นมันก็จบประเด็นแล้ว
          หลังจากได้ใบแจ้งความมาแล้วพี่แป้งก็พาแป้งออกมานั่งตั้งสติอยู่พักนึงก็มีพี่วินที่นั่งอยู่แถวๆ นั้น เขาได้นอนเหตุการณ์ที่เล่า เขาเข้ามาบอกแป้งว่าเขาเคยเป็นคล้ายๆ แบบแป้ง เขาบอกว่าให้แป้งเข้าไปติดต่อที่ธนาคารเลยไปธนาคารที่เราเปิดบัญชีได้ยิ่งดี ให้ธนาคารจัดการตรวจสอบเรื่องให้ เขาบอกว่าธนาคารสามารถดึงเงินคืนให้เราได้ ด้วยความที่ธนาคารที่แป้งเปิดบัญชีเป็นธนาคารในห้างเปิดถึงสองทุ่มแป้งก็เลยไปที่ธนาคารต่อได้เลย แป้งก็เข้าไปแจ้งเรื่องพร้อมกับตัวเอกสารขุดเดิม เจ้าหน้าที่เขาก็เลยให้แป้งกรอกเอกสารทักท้วงขอคืนเงิน แล้วก็ยื่นพวกเอกสารสมุดบัญชีแล้วก็บัตรเดบิตที่มีมีปัญหา เสร็จแล้วแป้งก็อายัดบัตรไปพร้อมเลยเพราะว่ายังไงก็คิดว่าไม่กล้าใช้บัตรเดิมแล้ว พอทำทุกอย่างเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า จะส่งเอกสารเข้าระบบให้เลยแล้วก็ให้เรารอการตรวจสอบถ้าไม่มีปัญหาอะไรเลยก็รอไม่เกิน 20 วัน แต่ถ้ามีก็จะมีการติดต่อมาข้อมูบเพิ่ม ถ้ากังวลแล้วอยากให้เรื่องไวก็ให้โทรตามเรื่องกับ Call Center ได้เลย
           ผ่านมาได้ 3 วัน แป้งก็เลยลองโทรไปเช็คความคืบหน้าที่ Call Center ดู ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่มีเรื่องแจ้งเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็เลยขอข้อมูลแป้งเพื่อรับเรื่อง แล้วก็ยอกให้แป้งส่งเอกสารให้ โดยให้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มบนเว็บหรือเข้าไปกรอกข้อมูลที่ธนาคารสาขาใดก็ได้ แป้งก็เลยบอกไปว่าแป้งได้เข้าไปส่งเอกสารที่ธนาคารเจ้าของบัญชีไปตั้งแค่วันที่ 11 แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาว่าเดี๋ยวเขาจะตามเอกสารกับทางนั้นให้ ผ่านมาอีก 2 วัน ก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารโทรมาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารของเรา แล้วก็ขอข้อมูลเพิ่มเติมว่า แป้งยื่นเอกสารไว้ที่ไหน วันที่เท่าไร ช่วงเวลาไหน เจ้าหน้าที่ผู้ชายหรือผู้หญิง และเลขเค้าท์เตอร์ แบ้วด้วยความที่วันนั้นพี่แป้งก็เข้ามาหาแป้งพอดี พอแป้งเล่าให้พี่ฟังว่าเอกสารยังไม่ถูงส่งเข้าระบบ พี่แป้งก็เลยพาแป้งไปตามเรื่องที่ธนาคาร แล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ส่งเอกสารให้อีกรอบ
          จนวันที่ 22 ก.ค. แป้งเปิดเข้าไปในแอพ K-plus จำไม่ได้ว่าตอนนั้นจะกดเปิดเข้าไปทำอะไร แต่ว่าก็ได้เห็นว่าตรงยอดเงืนมันกลับมาเป็น 7,000 นิดๆ พอกดเข้าไปดูตรงประวัติการใช้จ่ายเงินก็เลยรู้ว่สทางธนาคารโอนทุกยอดให้แป้งคืนมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. แล้ว ดีใจมากที่ได้เงินคืนครบทุกบาททุกสตางค์
          แต่ว่าก็ยังสรุปไม่ได้นะคะว่า สรุปแล้วมันคืออะไรยังไง เพราะทาง Facebookได้มีการติดต่อกลับมาเลย แต่จากที่ขอคำปรึกษาจ่างๆ จากเพื่อนๆ ใน Facebook และ Jeban แล้วก็คือในช่วยวันก่อนที่แป้งจะเกิดเรื่องก็มีหลายคนที่โดนคล้ายๆ กัน แต่ว่าเป็นแบบมีร่องรอยให้เห็น คือเหมือนกับว่าใช้ Facebook ของเราไปซื้อโฆษณาให้เพจตัวเอง มี e-mail มีแจ้งเตือนทุกอย่างเข้ามาเหมือนเราซื้อโฆษณาปกติแต่ชื่อเพจที่ซื้อโฆษณาไม่ใช่เพจของเรา
          และบางเคสก็ที่มีการติดคามเรื่องอย่างจริงจังก็คือมีบอก มีแฮ็คเกอร์ที่ต่างประเทศแฮ็คู้ดูแลระบบ Facebook ได้ แล้วก็ตั้งค่าอนุญาตให้ตัวเองเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ Facebook ทั้งหมดได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ของแป้งก็น่าจะเป็นการเอาข้อมูลบัตรที่แป้งผูกไว้กับ Facebook ไปใช้ผูกกับบัญชีของตัวเองแล้วก็ทำรายการทุกอย่างเอง ถึงได้มีการผูกบัตรใหม่ให้เห็น แล้วก็มีแค่ SMS หักเงินจากธนาคารเข้ามา แค่ไม่มีแจ้งเตือนอื่นๆ จากทาง Facebook เลย แต่ว่าก็เป็นข้อสันนิฐานนะคะ สรุปแบบชัดเจนไม่ได้ เพราะว่าทาง Facebook ไม่ได้มีการติดต่อกลับมาแจ้งว่าเกิดปัญหาจากอะไร
          เพื่อนๆ คนไหนที่มีการผูกบัตรเอาไว้แบบแป้ง แป้งก็อยากจะแนะนำว่าอย่างผูกทิ้งไว้ ให้ผูกแค่คอนที่จะใช้ก็พอ หรือถ้าขี้เกียจผูกบัตรใหม่หลายรอบก็ให้ปยกบัญชีเอาไว้ ให้เป็นบัญชีที่เอาไว้ใช้ผูกอย่างเดียวไม่ต้องใส่เงินไว้เยอะ พอจะต้องจ่ายค่อยโอนเข้า เพราะว่าอย่างแป้งก็ถือว่าโชคดีที่แยกบัญชีไว้เหมือนกัน คือบัญชีนี้จะเป็นบัญชีที่แป้งเอาไว้ทำธุรกรรมต่างๆ แล้วก็เอาไว้กดเงินใช้ เพราะแป้งจะบังคับตัวเองว่าในแต่ละเดือนจะใช้เงินไม่เกินเท่าไรเอาแบบนี้ เงินสำรองกับเงินเก็บแป้งจะแยกไว้บัญชีที่ไม่มีบัตร ไม่งั้นแป้งก็คงหมดตัวไม่มีเงินใช้ในช่วงที่ทำเรื่องยังไม่เสร็จ หรือถ้าโชคร้ายขอเงินคืนไม่ได้คงรำบากแย่ หรือถ้าใครที่กำลังเจอปัญหาเลยได้เข้ามาดูคบิปนี้ แป้งก็ขอแนะนำให้แจ้ง Facebook Support ไว้ก่อนเลยอันดับแรก จะมีการตอบกลับหรือไม่ตอบก็ต้องแจ้ง เพราะอย่างน้องก็คือให้ทาง Facebook ได้ทราบปัญหา แล้วก็ไปทำเรื่องที่ธนาคารเลย ถ้าทางธนาคารให้แจ้งความก่อนก็ค่อยไปแจ้งความเพราะถ้าไปแจ้งตวาทก่อนอาจจะต้องอารมณ์เสียแบบแป้งได้ หรือถ้าเป็นเหมือนเคสอื่นๆ ที่มีร้องรอยให้ตามจะแจ้งกระทวง ICT ด้วยก็ได้ค่ะ แต่ที่สำคัญคือเราอย่าสติแตก พยายามรวมข้อมูลหรือหลักฐานต่างๆ ที่จะบอกได้ว่ามันไม่ปกคิหรือบอกว่าไม่ใช่การระทำของเราเองให้ได้มากที่สุดเพื่อให้สะดวกแต่การดำเนินเรื่องทุกอย่างค่ะ


Pangculalla

Pangculalla

Name’s Pang. I’m albino in Thailand. I'm not unusual, but I'm just like no other.
Thank, for your like my blogs.

FULL PROFILE