สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิว Dior Lip Glow ที่โด่งดัง

คือจริงๆเค้ามีมานานแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อซักทีเพราะว่ายังทำใจเรื่องราคาลิปมันไม่ได้! 

แต่สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง ทนการป้ายยาไม่ไหวจริงๆ บวกกับได้voucher ของเซ็นทรัลมา เลยรีบพุ่งไป Dior อย่างไว

สำหรับใครที่ชอบฟังมากกว่า สามารถดูเวอร์ชั่นวีดีโอได้ปุ่มข้างล่างเลยครับ

แต่หากชอบอ่านมากกว่า งั้นเลื่อนลงมาเลยยยย

ชื่ออเต็มๆของเค้าคือ Dior Addict Lip Glow 

ราคา 1,390 บาท สีที่เลือกมาคือสีออริจินอลของเค้า นั่นคือเบอร์ 001 Pink นะครับ เพราะคิดว่าสีนี้น่าจะเข้ากับปากผมมากที่สุด จะเป็นสีชมพูตามชื่อเลยครับ 

เริ่มกันที่ Packaging ครับ
Packaging ของเค้าคือ ดูหรูหราเจ้าหญิงฟรุ้งฟริ้งเอเวอรี่ติงจิงเกอร์เบล

ผมว่ามันดูเป็นเอกลักษณ์ของเค้านะ เพราะมองปุ๊บรู้เลยว่านี่คือ Dior
ตัวปลอกทำจากพลากติกที่ค่อนข้างหนาและดูแข็งแรง
ดูไม่ก๊องแก๊ง แต่จะมีความหนาเทอะทะนิดหน่อยหากต้องเอาไปพกใส่กระเป๋า
 ผู้หญิงชอบกันเยอะ แต่สำหรับผู้ชายหากต้องควักขึ้นมาเติมระหว่างวันอาจจะมีการเขินนิดนึงนะครับ แต่ถามว่าแคร์ป่ะ?(เสียงหวาย) ก็ไม่ค่อยนะ  555+

มาที่เรื่องของราคา
ลิปมันราคาแท่งละเกือบ 1,400 บาทนี่เอาเรื่องนะครับ เพราะปกติจะทาลิปมันบ่อยกว่ากว่าลิปสติกใช่ไหมครับ มันก็จะหมดไวกว่า แล้วแท่งละเท่านี้ก็ต้องมาดูแล้วแหละว่าเค้าดีสมคำร่ำลือกันรึเปล่า? แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่คือ Dior เค้า High end อะเนอะ

เนื้อผลิตภัณฑ์ เป็นสีชมพูขุ่นๆแบบนี้ครับ

เรื่องของกลิ่น 

Dior Addict Lip Glow เค้ามีกลิ่นนะครับ
จะเป็นกลิ่นวนิลาที่มีติ่งของมิ้นอยู่นิดนึง (แต่วนิลานี่คือโชยมาเต็มๆ)
กลิ่นออกแนวเหมือนพวกลิปสติกอ่ะครับ ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นค่อนข้างแรงครับ ใครที่ไม่มายเรื่องกลิ่นหรือชอบกลิ่นวนิลา คงจะชอบ
แต่สำหรับผม ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นวนิลาเท่าไหร่ และเค้ามาเวอร์ชั่นค่อนข้างแรง
เวลาเปิดฝาเอามาทา หรือตอนอยู่บนปากแล้วเราเลียริมฝีปากจะจะได้ลิ้มรสของเค้า (ที่ผมว่ามันไม่อร่อย....แล้วใครให้แกกิน?)
แต่ว่าใช้ไปเรื่อยๆก็ชิน ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ (แหงละ ซื้อมาแล้วนิ !) 

เรื่องของสี

​
พอเราทาลงไปเค้าจะเป็นสีชมพูอ่อนๆนิดเดียวครับ
แล้วจะค่อยๆเข้มขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น แต่ว่าไม่ได้ถึงกับว่าชมพูแป๊ดเกินไปนะครับ เป็นชมพูที่ดูสุขภาพดี ดูสุภาพ ดูแบบว่า อุ้ยไปทำไรมาอะ? อยู่ๆปากก็ชมพูเลยอะเธอ
ถ้าเราซับความมันออก หรือทิ้งลิปไว้บนปากซักครู่ จะทิ้งสีชมพูจางๆไว้บนปากครับ
นั่นหมายความว่า ถ้าเราเผลอเลียปากเราบ่อยๆจนความมันหายไป ปากเราก็ยังจะคงมีสีชมพูระเรื่ออยู่จางๆนั่นเอง

ในรูปข้างล่างคือผมปาดทิ้งไว้ซักครู่แล้วเช็ดออก สีจะมีทิ้นเหลือไว้จางๆครับ

ในเรื่องของความชุ่มชื้น 

​
ต้องบอกเลยว่าชุ่มชื้นดีมากครับสามารถช่วยกู้ปากแห้งได้เป็นอย่างดีเลยแหละ
เค้าจะมีความวาวออกมาตามภาษาลิปมันนะครับ

เวลาซับออกจะมีสีติดออกมาจางๆแบบรูปข้างล่างครับ

ผู้ชายใช้แล้วรอดไหม?

จากที่ลองใช้มานะครับ ผมว่ารอดนะ เพราะสีเค้าไม่ได้แรงสดแบบตึกตึกโป๊ะ ตึกตึก ตึกตึกโป๊ะ เฮ้!!
ทาแล้วดูบางๆสุขภาพดีแบบนั้นอ่ะครับ แต่ถ้ากลัวเรื่องสีจัดไป หรือว่าความวาวจะมากไปเหมือนไปกินข้าวมันไก่ประตูน้ำมา ก็แนะนำให้ทาทิ้งไว้ซักครู่ แล้วซับออกด้วยทิชชู่นะครับ ซึ่งผลที่ได้ก็จะซ๊อฟลงครับ เพราะเค้าจะมีการทิ้งสี Stain ไว้บนปากบางๆด้วยแหละ แต่การทำแบบนี้ ปัจจัยเรื่องของความชุ่มชื้นสำหรับคนที่ปากแห้งมากๆก็จะลดลงไปด้วยครับ

ทาบ่อยๆได้ไหม?

ทาได้ครับ ผมเองเวลาใช้ก็ทาระหว่างวันหลายรอบนะ เพราะกินน้ำบ่อยหรือชอบเลียริมฝีปากมันก็จะหลุดแห้งต้องคอยเติม แต่เวลาผมเติม ผมจะเติมแค่นิดเดียว ไม่ได้ทาปื้ดๆเยอะๆเหมือนตอนทารอบแรกครับ

สรุป

ผมว่า Dior Addict Lip Glow นี่ก็สมคำรำ่ลือจริงๆแหละครับ
เค้าดีอย่างที่หลายๆคนว่าจริงๆ คุณภาพด้านความชุ่ม และเรื่องสีที่สวยดูเป็นธรรมชาติและสุภาพคือต้องให้
เพียงแต่ปัจจัยในเรื่องของราคาที่สูงอาจจะทำให้เราชะงักนิดนึง
ถ้าใครสนใจแต่งบน้อยก็เตรียมเก็บเงินรอได้เลย ไม่ยากจนเกินไปครับ
อ้อแต่สิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดคือเรื่องกลิ่นที่เป็นกลิ่นวนิลาที่ค่อนข้างแรงของเค้าครับ
(อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ) แต่ใช้ไปเรื่อยๆก็ชินครับ

หากใครสนใจ สามารถซื้อได้ที่ Counter Dior, Sephora, และทาง Duty Free ครับ (ทำไปทำมาจะเป็นสาวก Dior แล้ว เพราะปีนี้ซื้อDior มาลอง 2-3 อย่าง แล้วรู้สึกว่าแต่ละอย่างคือดีทุกชิ้นเลย)

หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์นะครับ
แล้วพบกันใหม่ในกระทู้หน้า

สวัสดีครับ

Can you bring high fashion by Uncle Bank