เพราะอะไร เวที VS Show ต้องถึงคราวทบทวนทิศทางใหม่

49 14
ในครั้งแรกที่ได้ยินข่าวว่า Victoria's Secret Fashion Show  จะถอนตัวออกจากการถ่ายทอดสดผ่านรายการโทรทัศน์  เราอาจจะไม่ถึงกับประหลาดใจ เพราะรู้ดีว่า  ตัวเลขเรตติ้งของ show  อันมีชื่อเสียงยาวนานนี้เริ่มหดหายมากลงไปเรื่อยๆ   ละลองเดาเอาเองว่าผู้บริหารคงอยากจะfocus การถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์ดังที่มีหลายธุรกิจประสบความสำเร็จสุดปังมาแล้ว

แต่ล่าสุด Shanina Shaik นางแบบตาคมชาวออสซี่ได้ปล่อยข้อมูลที่ทำให้หลายคนต้องเลิกคิ้วสูงใส่ ปีนี้จะไม่มี VS show ! และ brand ก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธข่าวอย่างทันควัน


เราจะนำเสนอเรื่องราวของ VS show ผ่านพื้นที่ของ Mouth On The Web ในแทบทุกปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงหลังๆ เสน่ห์ที่เคยตราตรึงใจได้ลดลงจนน่าใจหาย เราได้ยินเสียงเรียกร้องจากแฟนตัวยงที่เห็นพ้องต้องกันว่า ผู้สร้าง show จำเป็นต้องปรับทิศทางใหม่ๆตามโลกที่เปลี่ยนไป มิเช่นนั้น เราคงไม่ได้ชม show อันงดงามตระการตานี้อีก


จะมีเหตุผลใดบ้างที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า VS show ไม่เจิดจรัสเทียบเท่าในอดีต


มาติดตามกันค่ะ




การตลาดแบบ Fantasy ที่เอื้อมไม่ถึงโดนใจผู้ชมน้อยลง



เมื่อพูดถึงนางแบบ Victoria's Secret พวกเราจะจินตนาการเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากสาวงามลอนผมเด้งดึ๋ง ผิวเนียนเรียบและมีประกาย ที่หลุด concept ไปไม่ได้เลยคือรูปร่างสูงผอม แต่ต้องอวดส่วนเว้าส่วนโค้งที่ claim ว่ามีผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในเป็นตัวช่วย


ถ้าคุณมองความสำเร็จของ Fenty ที่ก้าวจากความ high street มาเป็น luxury ก็ต้องยอมรับว่า ความสำเร็จในการรณรงค์ให้ผู้คนยอมรับเรื่อง "ความหลากหลาย" (diversity) นั้นทำให้ผู้บริโภคเรียกร้องให้แบรนด์นำเสนอสินค้าที่ทำให้รู้สึก "เข้าถึงได้" (inclusive) ไม่ใช่เป็นสิ่งมีไว้ให้ชื่นชมความงดงามสมบูรณ์แบบทจนแตะต้องไม่ได้ แต่เป็นผลงานที่ทำให้พวกเรารู้สึกมีส่วนร่วมและสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้าว่า เราก็สามารถดูดีได้ด้วยสินค้าเหล่านี้เช่นกัน



แต่สำหรับผู้บริโภครุ่นใหม่จำนวนมาก Victoria's Secret ไม่ได้เพียงแต่หยุดอยู่กับที่ แต่กำลังเดินก้าวถอยหลัง และถ้ายังมีกระแสต่อต้านต่อไปเรื่อยๆ brand ก็อาจจะถึงทางตันเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่อื่นๆมาแล้ว


ลองมาขยายกันให้ชุัดเจนกว่านี้สักนิดค่ะ

ทัศนคติของผู้บริหารที่แสดงออกถึงการกีดกันความแตกต่าง จนทำให้ brand ถูกถล่มเละเทะ
Ed Razek  อาจจะถูกยกให้เป็นชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ VS show     เขาเพิ่งประกาศรีไทร์ไปจากแบรนด์เมื่อเร็วๆนี้  แต่จะให้บอกว่าเป็นการลงจากตำแหน่งอย่างสง่างามเต็มร้อยก็คงพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำ   นั่นเป็นเพราะคำให้สัมภาษณ์VOGUEที่ทำให้ผู้คนมากมายไม่สบอารมณ์  ชาวเน็ทและนางแบบหลายคนร่วมแสดงเจตจำนงต่อต้านทัศนคติของ CMO ชื่อดังรายนี้  จนมีการคาดการณ์ไว้ว่านี่อาจจะเป็นขาลงของ brand ที่กำลังพยายามเรียกความนิยมให้กระเตื้องขึ้นมาก็เป็นได้



" ผมมีความคิดเรื่องความหลากหลายอยู่ในหัวบ้างรึเปล่า    ใช่      แล้ว  brand ล่ะ คิดเรื่องนี้บ้างมั้ย  ก็ใช่    พวกเราทำชุดไซส์ที่ใหญ่ขึ้นมารึเปล่า   เราทำ       มีคำถามว่าทำไมไม่ทำ50   60   หรือ 24    ทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้  ทำไมเราไม่มีนางแบบทรานส์ใน show     ไม่นะไม่   ผมไม่คิดว่าเราควรจะมี     ทำไมน่ะเหรอ   ก็ show นี่คือ fantasyไงครับ   มันเป็นความบันเทิงสุดพิเศษความยาว 42 นาที   มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก    brand อื่นๆยังต้องยอมรับ รวมไปถึง brand คู่แข่งที่จ้องจับผิดเพราะพวกเราคือผู้นำ  ถึงพวกเค้าจะไม่ปริปากถึงพวกเรา ผมก็ยอมรับได้ และยังนับถือการกระทำนั้นด้วย     แต่เราไม่ได้เป็นมือที่สาม   เราคือรักแรกของพวกเค้า  Victoria's Secret ก็คือรักครั้งแรกของสาวๆมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที"


"ถ้าถามว่าเราเคยพิจารณาการคัดเลือกนางแบบทรานส์หรือplus size เข้าไปใน show รึเปล่า เราเคยคิด เรามีนางแบบ plus size ใน show ของ brand น้องคือ Lane Bryant แต่เรามีเป้าหมายเฉพาะว่าเป็นลุ่มใด และเป้าหมายการตลาดของเราไม่ใช่เป็นคนทั้งโลกนะครับ"

"เราพยายามจะทำรายการพิเศษสำหรับplus size ออกอากาศทางโทรทัศน์ แต่ไม่มีใครสนใจเลยสักนิด ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครแล"

(เรื่องนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่า มีเส้นบางๆระหว่างการพูดตรงไปตรงมากับการพูดจาเชือดเฉือนไม่คำนึงถึงจิตใจผู้อื่นจนก่อให้เกิดความขัดแย้ง)



แฟนๆของ brand อาจจะคุ้นเคยกับคำพูดที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของผู้บริหารรายนี้ แต่ประสบการณ์ในชีวิตก็ได้เป็นบทเรียนสำคัญให้กับพวกเรามาตลอดว่า "คำพูดคือนายของเรา" การให้สัมภาษณ์ที่สื่อว่านางแบบทรานส์ไม่สามารถเป็น fantasy ของใครได้ก็ทำให้มีการต่อต้านแบบลุกฮือ จนถึงขั้นมีกระแสกดดันให้เขาลาออก แม้จะมีส่งคำขอโทษอย่างเป็นทางการออกมาแล้วก็ตาม






Victoria's Secret ขึ้นชื่อลือชาในการคัดเลือกนางแบบเอวบางร่างน้อยมาร่วมสร้างfantasy ระยิบระยับบนเวทีglitter พูดง่ายๆว่า อย่าข้ามไปถึงนางแบบ plus size กันเลย มันดูเป็นไปได้ยากด้วยซ้ำที่จะได้เห็นนางแบบที่มีรูปร่างแบบ Katy Perry หรือ Rihanna

หลังจากที่ Tyra Banks โบกมือลาจาก brand ไปเนิ่นนานหลายปี เราก็แทบไม่ได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งแบบเต็มตาอีกเลย   สาวหุ่นสวยมีเนื้อหนังอย่าง Barbara Palvin กลายมาเป็นนางแบบที่ตัวใหญ่ที่สุดใน show  

แม้กระทั่งอดีตนางฟ้าก็ยังเคยออกมาตัดพ้อว่าเธอต้องจิตตกที่ถูกสั่งให้ลดน้ำหนัก และตัดสินใจแขวนปีก เดินแยกทางออกจาก brand เพื่อสุขกายจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น


ทุกๆปี เมื่อนางแบบที่ได้ตัดเลือกจะต้องทุ่มเทคุมอาหารและออกกำลังอย่างหนักเพื่อให้ดูเพรียวบางมากกว่าปกติก็แสดงให้ชัดแล้วว่า brand เชิดชูรูปร่างที่เรียกว่า unrealistic เพราะแม้แต่เหล่านางแบบที่ดูแลรูปร่างจนผอมบางกันอยู่แแล้วก็ยังต้องเทรนให้หนักขึ้นราวกับนักกีฬา

แต่ในความเป็นจริง ในกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายของ brand นั้น จะมีหญิงสาวสักกี่คนที่มีส่วนสูงเกือบ 180 ที่มาพร้อมกับรอบเอว 24 นิ้ว ?



เมื่อก่อน เราอาจจะเคยได้ยินชาวเน็ทวิพากษ์เรื่องการประท้วงแบรนด์ว่าเป็นเรื่อง "องุ่นเปรี้ยว" จากกลุ่มคนที่ไม่พอใจเมื่อได้เห็นสาวงามหุ่นผอมสูงในชุดชั้นใน sexy แต่ดราม่าจากการไม่ยอมรับความแตกต่างที่เกิดขึ้นเนืองๆนั้นได้ฉุดให้ชื่อเสียงของ brand มัวหมองลงไป


"ทุกคนเอาแต่ฮือฮากับ show ของ Rihanna" Ed Razek ได้ฟันเปรี้ยงเรื่อง fashion show ที่มี diversity โดยไม่เกรงต่อกระแสวิจารณ์
" ถ้าเราทำ show เหมือนกับเธอ ก็คงถูกกล่าวหาว่าสร้างกระแสอย่างไม่ต้องสงสัย"

"และอันที่จริงนะ ที่ผ่านมาในshow ของเรามีนางแบบตั้งท้องเดินแบบมาแล้วสามคน ใครๆต่างโจษจันเรื่อง นางแบบตั้งท้องเดินใน Savage x Fenty   เราดู show นั้นเหมือนกันและก็รู้สึกบันเทิงดี   แต่เราไม่ได้ตามน้ำไปด้วย     สิ่งทั้งหลายแหล่ที่พวกเค้าปั้นขึ้นมาน่ะ  เราเคยทำและก็มุ่งมั่นก้าวต่อไป"






ชาวเน็ทหลายคน LoL ใส่ความเห็นของ Ed ที่ว่าน VS show ก็มีนางแบบตั้งท้องมาเดินสวยเริ่ดมาก่อนแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเธอต่างเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ บ้างก็แต่งกายแบบพรางไว้แบบเนียนๆ เมื่อเห็นหน้าท้องเรียบแบนอย่างกับกระดานของ Doutzen คุณก็อาจจะสับสนนิดๆว่า CMO จะสื่อถึงอะไร
คุณกำลังจะบอกว่าทำ show ที่นำเสนอนางแบบท้องมาก่อน Rihanna  แต่ให้พวกเธอปกปิดจนคนไม่รู้ว่าท้องใช่รึเปล่า?


แม้ Ed จะโบกมือลาจากVictoria's Secret ไปแล้ว และมีรายงานว่า brand ได้ว่าจ้างนางแบบทรานส์มาร่วมงานเป็นครั้งแรก แต่ก็ได้รับเสียงวิจารณ์ว่า อาจจะเป็นการตลาดแบบ "ขายผ้าเอาหน้ารอด" จากที่สังคมกดดันด้วยความไม่พอใจจากคำพูดของอดีต CMO และที่เพิ่งจะมาตอบรับความแตกต่างในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ทันเจ้าอื่นๆไปแล้ว


Kate Upton นางแบบที่เคยถูก Sophia Neophitou หนึ่งในทีม casting ของ VS จิกกัดอย่างรุนแรงราวกับถูกเธอแย่งแฟนว่า ไม่มีทางจ้าง Kateมาเป็นนางแบบ VS เพราะเธอดูเหมือนนางแบบโป๊หน้า 3 รูปร่างหน้าตาดูเป็นประเภทที่แค่มีเงินก็ไปหิ้วกลับมาจากที่เที่ยวข้างนอกได้

Kate เอาคืนโดยไม่ต้องใช้คำพูดแรงๆกลับ เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนางแบบ commercial เมื่อวันที่มีข่าวลือว่าจะไม่มีVS show ในปีนี้ ก็มีคนรีบไถ่ถามความคิดเห็นของเธอในราบการสัมภาษณ์   และเจ้าตัวก็ตอบแบบสวยๆว่า

"รู้อะไรมั้ยคะ พวกเราเบื่อที่จะเห็น body type แบบเดียวกันซ้ำๆ ในตอนนี้คุณจะต้องนำเสนอรูปร่างที่หลากหลายค่ะ และต้องมีการนำเสนอความเป็นผู้หญิงทุกรูปแบบ ไม่เช่นนั้นมันก็กลายเป็นงานเทศกาลที่ชวนง่วงเหงาหาวนอน"

คำพูดของ Kate เรียกเสียงปรบมือชื่นชมจากฝั่งผู้ชมในรายการได้เกรียวกราว







Models



เราคิดมาพักใหญ่แล้วว่า ในยุคเรืองรองของ VS show นั้น ทั้งนางฟ้าและนางแบบรับเชิญจำนวนมากมีชื่อเสียงระดับที่มีแฟนคลับรอคอยติดตามชม บางคนเป็นนางแบบระดับตำนานที่การันตีได้เลยว่าถึงเธอจะใส่ถุงดำใส่ขยะออกมาก็จะสร้างความประทับใจได้


ดังเช่น 

ความรู้สึกที่ขาดหายไปจาก VS show ก็ตามภาพเลยค่ะ
ยืนยันเหมือนเดิมว่า นางฟ้าในยุค 2000s ไม่จำเป็นต้องมีชุดที่หรูหราอลังการก็เจิดจรัสได้สุดๆ  
นางฟ้าแต่ล่ะคน ก่อนจะเซ็นสัญญากับ brand ก็ดังเปรี้ยง และมีผลงานเป็นที่จดจำมามากมายก่อนหน้าแล้วค่ะ   Gisele   Tyra   Heidi  (รายนี้เก่งรอบด้านขนาดเป็นผู้ดำเนินรายการเองได้ด้วยซ้ำ)


เรียกได้ว่า  แค่ได้ยินชื่อพวกเธอก็คาดไว้ได้ล่วงหน้าว่า show มันต้องปังแน่ๆ
นางแบบที่ปั้นขึ้นมาเป็นนางฟ้าdream team  ก็สร้างชื่อโด่งดังขึ้นมาทดแทนนางฟ้ารุ่นเดิมได้    ส่วนนางแบบรับเชิญก็สับขาประชันกันไม่ให้น้อยหน้า   หลายคนมีชื่อเสียงนอกglitter runway กันอยู่แล้ว


จนย่างเข้าสู่ปีหลังๆ ที่นางฟ้ารุ่นเก่าแขวนปีกกันไปเยอะ brand ได้ปั้น new dream team ขึ้นมา แต่ต้องยอมรับจริงๆค่ะว่ากระแสตอบรับไม่เป็นเช่นเคย พวกเธอสวยสะเด็ด และหลายคนก็มีแววว่าจะดังเปรี้ยงได้ แต่ charisma ที่พวกเราเคยประทับใจมันจางหายไป แฟนๆ จำนวนมากเรียกร้องว่าอยากจะเห็นเสน่ห์ที่Gisele เคยฝากไว้


แต่จากมุมมองของเรา มันเกี่ยวข้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปนั่นเองค่ะ



แม้แต่นางแบบระดับตำนานก็ยังยอมรับว่า ยุคของ supermodel มันจบไปแล้ว และที่ก้าวเข้ามายึดครองทุกพื้นที่คือนางแบบเซเลบ brand ย่อมปรับตัวด้วยการดึงนางแบบที่มีผู้ติดตามบน social media ในหลักสิบล้านร้อยล้านมาร่วมงานด้วย


แต่แฟนๆของ show จำนวนมากเห็นพ้องต้องกันว่า  ตัวเลขผู้ติดตามมากมายและการได้รับความสนใจจากสื่อแซงหน้านางแบบคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะเหมาะกับงานนี้    ในบางครั้งการเดินของนางแบบเซเลบดูกร่อยจนน่าใจหาย  แต่ก็ยังได้รับเสียงยกยอจากสื่อ จนทำให้ชาวเน็ทงิพากษ์วิจารณ์ไม่ยั้ง
ภาพจากผู้ชมข้างๆ runwayที่แสดงให้ท่าทางการเดินที่ดูไร้พลังและเสน่ห์ดึงดูดของ Kendall Jenner กลายเป็น viral จนชาวเน็ทโจมตี   บางคนถึงกับโวยว่า รู้ดีว่า brand ให้เธอมาร่วมงานมากแค่ไหน  แต่ช่วยแสดงความพยายามขึ้นมาอีกนิดไม่ได้รึไง !


ไม่ว่าจะเป็นนางแบบเซเลบที่มีนามสกุลดังหรือเป็นsupermodel    หากมีคนทำ meme ล้อเลียนเรื่องการเดินแบบใน show ที่โด่งดังในระดับนี้  มันจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของ brand และเจ้าตัวแน่ๆ


มีต่อ


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE