มาคุยกันทำงานมาแล้ว 1 ปีเป็นยังไงบ้าง .....
Pafable 62 13
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวจีบันทุกคนเป็นยังไงกันบ้างคะ? จะสิ้นปีแล้วเนอะ ปีนี้ก็เป็นอีกปีนึงค่ะที่แพรวได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไป ;) วันนี้แพรวจะมาแบ่งปันเรื่องราว เล่าสู่กันฟังว่าช่วงเวลาที่เปลี่ยนจากวัยเรียนสู่วัยทำงานในมุมมองของแพรวเป็นยังไงบ้าง
แพรวเรียนจบมาในสายงานบัญชีและตรวจสอบบัญชีเริ่มงานแรกที่บริษัทตรวจสอบบัญชีแห่งหนึ่ง ยอมรับเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ๆ และหน้าที่และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นแบบที่เรียกได้ว่าต้องเรียนรู้และจัดการกับรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่ทั้งหมด แต่ที่นี่ก็เป็นที่ที่ทำให้แพรวได้เรียนรู้ถึงแนวทางการทำงาน และความรู้พื้นฐานต่างๆที่จำเป็นในการทำงานเยอะพอสมควร รวมถึงวิธีการในการปรับตัวเพื่อจะอยู่กับคนในสังคมที่เราไม่คุ้นเคย
พอทำงานมาได้ซักพักก็มีบริษัทอีกที่ติดต่อเข้ามาในตำแหน่งงานที่เราสนใจพอดี แพรวเลยเลือกที่จะให้โอกาสตัวเองได้ไปเรียนรู้งานนั้น เพราะในตอนนั้นแพรวเองก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเราชอบทำงานในสายงานไหนกันแน่ การที่ได้ไปลงมือทำงานนั้นจริงๆ แพรวมองว่าก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับงานได้มากกว่าการนั่งอ่านหนังสือหรือทำรายงานวิชาสัมนาในห้องเรียนอย่างแน่นอน ที่นี่แพรวได้ร่วมงานกับคนเยอะมากๆ ได้ร่วมงานกับเพื่อนต่างชาติ ได้ทำงานในหลายๆรูปแบบธุรกิจ ได้ร่วมโปรเจคงานที่ไม่คิดว่าจะได้ทำมาก่อน การทำงานที่นี่ค่อนข้างให้ความรู้สึกที่เป็นกันเอง อบอุ่น เป็นมิตร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการทำงานเลยแต่ทุกๆปัญหาก็ทำให้แพรวได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างทั้งเรื่องคนและเรื่องงาน
ที่ต่อมาเป็นบริษัทที่ใหญ่พอสมควรที่นี่จึงเป็นที่ที่ทำให้แพรวเรียนรู้รูปแบบการทำงานที่มีความเป็นระบบ เนื่องจากตัวบริษัทเองค่อนข้างมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในสายงานนี้ แพรวได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆที่น่ารักหลายคนที่คอยสอนและให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ
สุดท้ายเป็นที่ทำงานปัจจุบันของแพรวที่นี่เป็นที่ที่แพรวทำงานนานที่สุดเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่วันที่เริ่มทำงานวันแรกก็เกือบจะครึ่งปีแล้วค่ะ ที่ทำงานนี้ค่อนข้างมีความหลากหลายทั้งในด้านระบบการทำงาน และช่วงวัยของพนักงาน เป็นที่ที่มีอะไรใหม่ๆให้ทำเยอะมาก ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้เจอสังสังที่เรียกได้ว่าหลากหลายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
พอทำงานมาได้ซักพักก็มีบริษัทอีกที่ติดต่อเข้ามาในตำแหน่งงานที่เราสนใจพอดี แพรวเลยเลือกที่จะให้โอกาสตัวเองได้ไปเรียนรู้งานนั้น เพราะในตอนนั้นแพรวเองก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเราชอบทำงานในสายงานไหนกันแน่ การที่ได้ไปลงมือทำงานนั้นจริงๆ แพรวมองว่าก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับงานได้มากกว่าการนั่งอ่านหนังสือหรือทำรายงานวิชาสัมนาในห้องเรียนอย่างแน่นอน ที่นี่แพรวได้ร่วมงานกับคนเยอะมากๆ ได้ร่วมงานกับเพื่อนต่างชาติ ได้ทำงานในหลายๆรูปแบบธุรกิจ ได้ร่วมโปรเจคงานที่ไม่คิดว่าจะได้ทำมาก่อน การทำงานที่นี่ค่อนข้างให้ความรู้สึกที่เป็นกันเอง อบอุ่น เป็นมิตร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการทำงานเลยแต่ทุกๆปัญหาก็ทำให้แพรวได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างทั้งเรื่องคนและเรื่องงาน
ที่ต่อมาเป็นบริษัทที่ใหญ่พอสมควรที่นี่จึงเป็นที่ที่ทำให้แพรวเรียนรู้รูปแบบการทำงานที่มีความเป็นระบบ เนื่องจากตัวบริษัทเองค่อนข้างมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในสายงานนี้ แพรวได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆที่น่ารักหลายคนที่คอยสอนและให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ
สุดท้ายเป็นที่ทำงานปัจจุบันของแพรวที่นี่เป็นที่ที่แพรวทำงานนานที่สุดเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่วันที่เริ่มทำงานวันแรกก็เกือบจะครึ่งปีแล้วค่ะ ที่ทำงานนี้ค่อนข้างมีความหลากหลายทั้งในด้านระบบการทำงาน และช่วงวัยของพนักงาน เป็นที่ที่มีอะไรใหม่ๆให้ทำเยอะมาก ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้เจอสังสังที่เรียกได้ว่าหลากหลายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
หลังจากที่เล่าเรื่องราวมาเยอะพอสมควร บางคนอาจสงสัยว่าเอะทำไมแพรวเปลี่ยนงานบ่อยจัง? เปลี่ยนแล้วเป็นยังไงบ้าง? แล้วได้อะไรกับการทำงานหลายๆที่บ้างมั๊ย?
บอกเลยค่ะว่าจริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยที่เราจะต้องปรับตัวเพื่อที่จะอยูในสังคมใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างหนึ่งที่แพรวคิดว่าจะไม่ยอมเสียมันไปแน่ๆก็คือโอกาสค่ะ โอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ โอกาสที่จะทำให้เราเติบโต เราไม่รู้หรอกค่ะว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้างจะดีหรือร้ายแต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกๆคนให้กับตัวเองก็คือโอกาสที่จะได้ทำตามความฝันของตัวเอง แต่อย่าลืมนะคะว่าเราจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะเข้ามาอยู่เสมอ เพราะบางครั้งโอกาสก็ไม่ได้รอเราให้เราพร้อมค่ะ :) ณ วันนี้แพรวก็ยังคงตามหาตัวเองอยู่ว่าจริงๆแล้วเราชอบทำอะไรกันแน่ งานอะไรที่ทำแล้วเรามีความสุขไปกับมัน ดีใจกับทุกๆคนที่ตามหาตัวเองเจอแล้วนะคะ ใครที่ยังตามหาตัวเองอยู่เราสู้ไปด้วยกันนะ :)
อีกอย่างนึงที่แพรวได้เรียนรู้สำหรับหนึ่งปีที่ผ่านมาก็คือ " Every single person deserve to be HAPPY " กับความจริงที่ว่าเราสามารถเลือกได้ว่าวันนี้เราจะมีความสุข หรือจะทุกข์กับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แน่นอนค่ะแพรวก็เป็นมนุษย์คนนึงไม่ได้เป็นยอดมนุษย์อะไร มีความรู้สึก ดีใจได้ ร้องไห้เป็น แรกๆที่เจอปัญหาทั้งเรื่องงาน เรื่องสังคมการทำงาน หรือเรื่องส่วนตัวก็ดี แล้วถ้าอยู่ในช่วงที่ทุกเรื่องมีปัญหาพร้อมๆกันนี่แบบจะเศร้านานก็ไม่ได้นะคะ เศร้าเวลาทำงานก็ไม่ได้เดี๋ยวงานไม่เสร็จ (เป็นผู้ใหญ่นี่มันยากจริงๆเนอะ5555) เซเลยค่ะชีวิตช่วงนั้นแต่ในวันที่เราปรับตัวได้ก็ทำให้เรียนรู้ว่า เราคือคนนึงที่ต้องรักตัวเองให้มากๆ ให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขในแบบของเรา บางครั้งเลิกเอาใจไปใส่กับคำพูดหรือการกระทำที่มันบั่นทอนความรู้สึกเรา อยู่ในระยะห่างที่พอดี ทำตามจุดมุ่งหมายของตัวเอง ใช้ชีวิตในแบบของเรา เคารพและยอมรับในสิ่งที่ตัวคิดและตัดสินใจ อะไรที่ดีก็เก็บมาเป็นกำลังใจมาพัฒนาปรับปรุง อยู่ใกล้ๆกับคนเก่งและคนดีค่ะเรียนรู้จากเขา ศึกษาวิธีคิดและทัศนคติของเขาแล้วนำมาปรับใช้กับตัวเราค่ะ ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าเราจะต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดแต่เป็นสิ่งที่มีความหมายและเหมาะสมกับเรามากที่สุดสำหรับแพรวแพรวว่ามันเพียงพอแล้วค่ะ วันนึงที่เรามองเห็นคุณค่าของตัวเองมากพอมันง่ายมากเลยที่จะตัดทุกอย่างที่บั่นทอนชีวิตเราออกไป
สุดท้ายนี้แพรวก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ ใครที่มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นก็ดีใจด้วยนะคะ สนุกกับมันให้เต็มที่ แต่สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหาหรือรู้สึกไม่โอเคก็สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้สำหรับทุกคนค่ะ แพรวเชื่อว่าทุกๆคนจะสามารถผ่านทุกเรื่องไปได้ไม่ว่าช้าหรือเร็ว อย่าลืมมีความสุขในทุกๆวันนะคะ :) หาความสุขของตัวเองให้เจอแล้วทำมันในทุกๆวันนะคะ สำหรับเพื่อนๆพี่ๆคนไหนมีอะไรอยากแบ่งปัน เล่าสู่กันฟัง หรือแนะนำอะไรคอมเมนต์กันมาได้เลยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
- - - Best Wish - - -
บอกเลยค่ะว่าจริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลยที่เราจะต้องปรับตัวเพื่อที่จะอยูในสังคมใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างหนึ่งที่แพรวคิดว่าจะไม่ยอมเสียมันไปแน่ๆก็คือโอกาสค่ะ โอกาสที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ โอกาสที่จะทำให้เราเติบโต เราไม่รู้หรอกค่ะว่าข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้างจะดีหรือร้ายแต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกๆคนให้กับตัวเองก็คือโอกาสที่จะได้ทำตามความฝันของตัวเอง แต่อย่าลืมนะคะว่าเราจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะเข้ามาอยู่เสมอ เพราะบางครั้งโอกาสก็ไม่ได้รอเราให้เราพร้อมค่ะ :) ณ วันนี้แพรวก็ยังคงตามหาตัวเองอยู่ว่าจริงๆแล้วเราชอบทำอะไรกันแน่ งานอะไรที่ทำแล้วเรามีความสุขไปกับมัน ดีใจกับทุกๆคนที่ตามหาตัวเองเจอแล้วนะคะ ใครที่ยังตามหาตัวเองอยู่เราสู้ไปด้วยกันนะ :)
อีกอย่างนึงที่แพรวได้เรียนรู้สำหรับหนึ่งปีที่ผ่านมาก็คือ " Every single person deserve to be HAPPY " กับความจริงที่ว่าเราสามารถเลือกได้ว่าวันนี้เราจะมีความสุข หรือจะทุกข์กับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แน่นอนค่ะแพรวก็เป็นมนุษย์คนนึงไม่ได้เป็นยอดมนุษย์อะไร มีความรู้สึก ดีใจได้ ร้องไห้เป็น แรกๆที่เจอปัญหาทั้งเรื่องงาน เรื่องสังคมการทำงาน หรือเรื่องส่วนตัวก็ดี แล้วถ้าอยู่ในช่วงที่ทุกเรื่องมีปัญหาพร้อมๆกันนี่แบบจะเศร้านานก็ไม่ได้นะคะ เศร้าเวลาทำงานก็ไม่ได้เดี๋ยวงานไม่เสร็จ (เป็นผู้ใหญ่นี่มันยากจริงๆเนอะ5555) เซเลยค่ะชีวิตช่วงนั้นแต่ในวันที่เราปรับตัวได้ก็ทำให้เรียนรู้ว่า เราคือคนนึงที่ต้องรักตัวเองให้มากๆ ให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขในแบบของเรา บางครั้งเลิกเอาใจไปใส่กับคำพูดหรือการกระทำที่มันบั่นทอนความรู้สึกเรา อยู่ในระยะห่างที่พอดี ทำตามจุดมุ่งหมายของตัวเอง ใช้ชีวิตในแบบของเรา เคารพและยอมรับในสิ่งที่ตัวคิดและตัดสินใจ อะไรที่ดีก็เก็บมาเป็นกำลังใจมาพัฒนาปรับปรุง อยู่ใกล้ๆกับคนเก่งและคนดีค่ะเรียนรู้จากเขา ศึกษาวิธีคิดและทัศนคติของเขาแล้วนำมาปรับใช้กับตัวเราค่ะ ชีวิตเราไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าเราจะต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดแต่เป็นสิ่งที่มีความหมายและเหมาะสมกับเรามากที่สุดสำหรับแพรวแพรวว่ามันเพียงพอแล้วค่ะ วันนึงที่เรามองเห็นคุณค่าของตัวเองมากพอมันง่ายมากเลยที่จะตัดทุกอย่างที่บั่นทอนชีวิตเราออกไป
สุดท้ายนี้แพรวก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ ใครที่มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นก็ดีใจด้วยนะคะ สนุกกับมันให้เต็มที่ แต่สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหาหรือรู้สึกไม่โอเคก็สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้สำหรับทุกคนค่ะ แพรวเชื่อว่าทุกๆคนจะสามารถผ่านทุกเรื่องไปได้ไม่ว่าช้าหรือเร็ว อย่าลืมมีความสุขในทุกๆวันนะคะ :) หาความสุขของตัวเองให้เจอแล้วทำมันในทุกๆวันนะคะ สำหรับเพื่อนๆพี่ๆคนไหนมีอะไรอยากแบ่งปัน เล่าสู่กันฟัง หรือแนะนำอะไรคอมเมนต์กันมาได้เลยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
- - - Best Wish - - -