Jeban's LAB : ทาอายแชโดว์วิธีไหนติดทนที่สุด เทียบแบรนด์ถูก-แพง
natiprada 78 31
Jeban's LAB กลับมาแล้วจ้าาาา ไม่ได้เทสต์ไอเท็มฝั่งเมคอัพซะนาน ครั้งนี้เลยขอเอาใจคนที่รักการแต่งตากันบ้าง กับการเทสต์ความติดทนของทาอายแชโดว์ในวิธีต่างๆ เทียบกันระหว่างแบรนด์ Hi-end vs Drugstore ไปเลยจ้าาา
4 เทคนิคที่แบมจะเทสต์ในครั้งนี้คือ
4 เทคนิคที่แบมจะเทสต์ในครั้งนี้คือ
- ใช้นิ้วมือ
- ใช้แปรงแต่งตา
- ลงอายไพรเมอร์
- ใช้สเปรย์ฉีดลงบนแปรงแต่งตา
ถ้าถามว่าแค่ทาอายแชโดว์ ทำไมต้องเทสต์อะไรมากมายด้วย บอกเลยว่าให้คิดใหม่นะจ๊ะ เพราะหลังจากที่แบมได้ลองเทสต์ดูแล้วก็ตะลึงอยู่เหมือนกัน ไม่คิดว่าแค่ปรับเทคนิคเล็กน้อยจะช่วยให้สีของอายแชโดว์ตัวโปรดของเราชัดและสวยขึ้นมากๆ
ซึ่งทั้ง 4 วิธีนี้ให้ผลที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของเม็ดสีที่แน่นขึ้น ชัดขึ้น หรือให้ลุคซอฟต์ๆ เบาๆ ก็มี ถ้าพร้อมแล้วก็มาเทสต์กันเลยค่าาา
ซึ่งทั้ง 4 วิธีนี้ให้ผลที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของเม็ดสีที่แน่นขึ้น ชัดขึ้น หรือให้ลุคซอฟต์ๆ เบาๆ ก็มี ถ้าพร้อมแล้วก็มาเทสต์กันเลยค่าาา
อย่างที่บอกว่าอายแชโดว์ที่เลือกใช้เทสต์ครั้งนี้คือแบรนด์ Hi-end และ Drugstore ซึ่งโทนสีที่เลือกใช้จะเป็นเฉดสีที่ใกล้เคียงกัน คือทองอมน้ำตาล มีเม็ดชิมเมอร์เล็กๆ
URBAN DECAY Naked Honey Palette
ราคา 2,500 บาท
หาซื้อได้ที่ : เคาน์เตอร์ URBAN DECAY และ Sephora
สีที่ใช้คือ : HBIC
M SERIES by Mistine Sexy Eyeshadow Palette
ราคา 299 บาท
หาซื้อได้ที่ : EVEANDBOY
สีที่ใช้คือ : สีที่ 4 เรียงจากฝั่งซ้าย
URBAN DECAY Naked Honey Palette
ราคา 2,500 บาท
หาซื้อได้ที่ : เคาน์เตอร์ URBAN DECAY และ Sephora
สีที่ใช้คือ : HBIC
M SERIES by Mistine Sexy Eyeshadow Palette
ราคา 299 บาท
หาซื้อได้ที่ : EVEANDBOY
สีที่ใช้คือ : สีที่ 4 เรียงจากฝั่งซ้าย
1. ทาด้วยนิ้วมือ
การใช้นิ้วถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายและเบสิกที่สุดสำหรับการทาอายแชโดว์ที่เนื้อมีความวาว ชิมเมอร์ เพราะมือของเรามีอุณหภูมิที่อุ่นเลยทำให้เนื้ออายแชโดว์เกาะบนผิวง่าย และน้ำหนักมือที่เราสามารถกำหนดความหนัก-เบาได้
ผลที่ได้คือ
Hi-end : เนื้อสีเกาะที่นิ้วได้ดีมาก พอเกลี่ยลงบนเปลือกตา ยิ่งทำให้เห็นเม็ดสีชัด แต่มีความเป็นก้อนๆ กระจุก อยู่ตรงจุดที่ลงน้ำหนักมือ
Drugstore : เนื้อสีเกาะบนนิ้วได้ระดับนึง ด้วยความที่เม็ดสีไม่ติดนิ้วมาก เลยทำให้การกระจายตัวของเนื้ออายแชโดว์ไม่เป็นก้อนๆ
2. ใช้แปรงแต่งตา
แปรงแต่งตาถือเป็นไอเท็มสำคัญที่ใช้ในการลงสีในจุดต่างๆ ที่นิ้วมือเราไม่สามารถลงได้ และช่วยในการเบลนให้สีอายแชโดว์ดูฟุ้ง ไม่เป็นก้อน เหมาะกับการแต่งตาที่ใช้อายแชโดว์หลายสี แถมยังไม่ทำให้มือเราเลอะเทอะด้วยค่ะ
*การเทสต์ครั้งนี้แบมใช้แปรงของ Naked Honey
ผลที่ได้คือ
Hi-end : เม็ดสีเกาะบนแปรงได้ดี ใกล้เคียงกับการใช้นิ้วทา แต่มีความฟุ้ง เบลอขอบได้ดีกว่า
Drugstore : เห็นได้ชัดว่าเนื้ออายแชโดว์มีความเบากว่าตัว Hi-end มาก ที่เฉดสีที่เบากว่า และไม่เห็นความวาวของเม็ดชิมเมอร์เลย
3. ลงอายไพรเมอร์
การลงอายไพรเมอร์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้อายแชโดว์ติดทนมากขึ้น และช่วยให้เม็ดสีชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะอายแชโดว์ที่มีเนื้อเป็นชิมเมอร์หรือกลิตเตอร์ นอกจากนี้อายไพรเมอร์บางแบรนด์ยังช่วยลดความมันบนเปลือกตาได้ด้วยนะคะ
วิธีง่ายๆ คือทาไพรเมอร์ลงไปที่เปลือกตาและค่อยๆ ใช้นิ้วมือเกลี่ยให้เนื้อซึมลงบนผิว รอสักครู่ประมาณ 1-2 นาที เพื่อให้เนื้อไพรเมอร์เซ็ตตัว จากนั้นก็แต่งตาได้ตามปกติเลยค่ะ
ผลที่ได้คือ
Hi-end : เม็ดสีมีความชัดขึ้น เนื้อสีดูชัดระดับ HD
Drugstore : ถือว่าเห็นเม็ดสีของเนื้ออายแชโดว์อยู่ แต่ยังไม่ชัดมาก แนะนำให้ทาย้ำอีกรอบ สำหรับคนที่ต้องการความแน่นค่ะ
4 .ฉีดสเปรย์ลงบนแปรงแต่งตา
การฉีดสเปรย์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้อายแชโดว์ของเราติดทนมากขึ้น ซึ่งสเปรย์ที่เราใช้สามารถใช้ได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ สเปรย์น้ำแร่ , สเปรย์เซ็ตเมคอัพ , สเปรย์บำรุงผิว
วิธีการเทสต์ คือ
- ฉีดสเปรย์ลงบนแปรงแต่งตา (เว้นระยะห่างประมาณ 1 ช่วงแขน)
- ฉีดประมาณ 1-2 ครั้ง เพื่อให้แปรงมีความเปียก แต่ไม่ถึงกับชุ่ม
- ใช้แปรงแตะลงบนอายแชโดว์
- ทาลงบนเปลือกตาทันที
ผลที่ได้คือ
Hi-end : เม็ดสีชัดเจนที่สุดจากทั้ง 4 เทคนิค เห็นถึงความวาว เม็ดชิมเมอร์ และเม็ดสีแน่นปังทุกองศา!
Drugstore : เม็ดสีชัดขึ้น เห็นเนื้อชิมเมอร์ แต่เฉดสีต่างออกไปจากทั้ง 4 วิธี คือติดชมพูมากขึ้น
สวอชให้ดูเทียบกันชัดๆ เลยว่าทั้ง 4 วิธีนี้ ได้เฉดสีที่ต่างกันจริงๆ
Naked honey
แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ Hi-end ที่คุณภาพเม็ดสีชัด เห็นความวาวของชิมเมอร์ แต่ด้วยวิธีที่ต่างกัน ก็ใช่ว่าจะเหมือนกันทุกเทคนิคการทา เห็นได้ชัดเลยว่าการใช้
ไพรเมอร์ : เม็ดสีมีความชัด และเห็นความวาวของชิมเมอร์ชัดขึ้น
ฉีดสเปรย์ลงบนแปรง : ช่วยให้เนื้ออายแชโดว์คมชัดขึ้น และเฉดสีที่ต่างไปจากแบบวิธีการอื่น
m Sexy
โดยรวม 3 วิธีแรกที่ทาออกมา ให้เฉดสี และความวาวที่ใกล้เคียงกันมาก แต่สิ่งที่ต่างมากที่สุดคือ
ฉีดสเปรย์ลงบนแปรง : เห็นได้ชัดว่าสีความชัดขึ้นมาก และโทนสีมีความติดชมพูนิดๆ ด้วยค่ะ
สรุปความแตกของทั้ง 4 เทคนิคว่าแบบไหนเหมาะกับใคร
- ใช้นิ้วมือ : เหมาะกับคนที่ชอบทาอายแชโดว์สีเดียว ไม่เน้นเรื่องความแน่นปัง มีเวลาแต่งหน้าน้อย ปาดๆ ทีเดียวจบ เช่น สายเกา , เน้นแต่งหน้าง่ายๆ สบายๆ แบบ Everyday look
- ใช้แปรงแต่งตา : เหมาะกับคนที่เน้นงานดีเทล แต่งตา คัดเบ้า หรือชอบไล่เฉดอายแชโดว์
- ลงไพรเมอร์ : เหมาะกับคนที่ต้องการความแน่น ชัด ปัง และติดทนตลอดทั้งวัน เช่น แต่งตาไปงานสำคัญ
- ใช้สเปรย์ฉีดลงบนแปรงแต่งตา : เหมาะกับคนที่ต้องการความแน่น ชัด ปัง ของเม็ดสีแบบสุดๆ! เช่น งาน Smokey eye