Morning Skincare Routine ขั้นตอนง่ายๆ ในแบบผิวมัน เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย

ช่วงนี้สกินแคร์ที่ใช้ในตอนเช้าค่อนข้างนิ่ง ไม่ค่อยเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่ เลยแวะมาอัพเดทให้ชมกันครับ

สภาพผิวของเราคือผิวผสม ค่อนไปทางมัน แพ้ง่าย มีสิวนิดหน่อย

Fyne Gentle Facial Cleansing Gel 

ขั้นแรกคือการล้างหน้า สำหรับตอนเช้าที่หน้าเราไม่ได้สกปรก ไม่ได้ผ่านอะไรมามาก ก็จะชอบใช้เป็นเจลล้างหน้าครับ สำหรับ Fyne ตัวนี้ก็เคยมีรีวิวเต็มๆ ไปแล้ว ตอนนี้ทางแบรนด์ออกสูตรปรับปรุงใหม่มาเลยได้มาลองใช้ครับ ซึ่งสูตรใหม่นี้ก็เปลี่ยนส่วนผสมไปเยอะเลยทีเดียว จากสูตรเดิม SLS/SLES Free ในสูตรใหม่อ่อนโยนกว่าเดิมเป็น Sulfate Free เลย  มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นอย่าง Hyaluronic Acid ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนคือกลิ่นครับ แต่ก็เป็นกลิ่นที่โอเค

ตัวเจลล้างหน้ามีฟองเยอะกำลังดี ไม่มากไม่น้อยไป ลดความมันแต่ไม่ทำให้หน้าเอี๊ยดหรือแห้งตึง และไม่มีส่วนผสมอันตรายใดๆ ผิวแพ้ง่าย เป็นสิวสามารถใช้ได้แบบไม่มีปัญหาครับ

Biotherm Skin Oxygen Oxygenating Lotion

ขั้นตอนของโทนเนอร์ก็เป็นอีกขั้นตอนที่จำเป็นถึงแม้ว่าจะเป็นตอนเช้าก็ตาม เพื่อเป็นการ recheck ความสะอาดอีกที ซึ่งโทนเนอร์อันนี้เราใช้มาหลายเดือนจนใกล้จะหมดขวดแล้ว ช่วยในเรื่องกระชับรูขุมขน ป้องกัน PM2.5 โดยมีส่วนผสมจากออยล์หลายชนิดมากๆ แต่ไม่ทำให้อุดตัน, มี Salicylic Acid นิดๆ ช่วยลดการอุดตัน, มี Life Plankton ในปริมาณ 1% และมีส่วนผสมจากเปปเปอร์มินต์ที่ทำให้โทนเนอร์อันนี้มีฟีลลิ่งที่ดีมาก

ทุกครั้งที่เช็ดจะเย็นผิวมากๆ เช็ดในตอนเช้าคือสดชื่น ปลุกผิวได้ดีเลย กลิ่นก็หอมด้วย แต่ผลลัพธ์จากการใช้มาจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ โดยเฉพาะการป้องกัน PM2.5 ที่สังเกตยากมาก ส่วนรูขุมขนบริเวณจมูกก็กระชับนิดเดียวครับ นิดจริงๆ หลักๆ ชอบเฉพาะฟีลลิ่งตอนใช้ครับ

Real Barrier Essence Mist

หลังจากเช็ดโทนเนอร์แล้วก็จะตามด้วยการฉีดมิสต์อันนี้ครับ คิดว่าหลายๆ คนคงรู้จักกัน เพราะเจ้าตัวนี้ช่วยในการเสริมชั้นผิว มีส่วนผสม MLE เฉพาะของแบรนด์ที่ช่วยเสริมชั้นผิวให้แข็งแรง มี Hyaluronic Acid ช่วยให้ความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว แล้วก็มีส่วนผสมที่ลดการอักเสบของผิวด้วยครับ

การใช้สิ่งนี้ก็ต้องเขย่าขวดก่อนใช้เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วฉีดให้ทั่วหน้า จากนั้นค่อยๆ ตบเบาๆ ให้เอสเซนส์ซึมเข้าผิวครับ ตัวเอสเซนส์จะทิ้งความหนึบนิดๆ ไว้แปบเดียวเท่านั้น ซึ่งให้ความชุ่มชื้นได้ดีเลยทีเดียว แต่ในจุดที่ผิวแห้งอย่างเช่นแก้ม รู้สึกว่ายังชุ่มชื้นไม่เพียงพอครับ ส่วนในเรื่องผิวแข็งแรง เนื่องจากใช้มาประมาณเดือนเดียวเลยยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนครับ

La Mer The Treatment Lotion 

สำหรับผิวมันที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ ความมัน ก็แนะนำให้ลงสกินแคร์แบบน้ำๆ เข้าไว้ครับ เราก็จะฉีดทั้งมิสต์ของ Real Barrier และลงน้ำตบ La Mer อีกเลเยอร์นึง ซึ่งน้ำตบ La Mer อันนี้คือความชุ่มชื้นหลักของเราเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากลงน้ำตบแล้ว เราจะลงครีมกันแดดต่อเลย โดยไม่มีการลงเซรั่มและมอยเจอร์ไรเซอร์ ซึ่งอันนี้มีส่วนผสมหลักชูโรงอย่าง Miracle Broth ที่มาจากการหมักบ่มของสาหร่าย Sea Kelp ที่ให้ทั้งความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ การระคายเคือง  

น้ำตบของ La Mer จะมีความหนืดนิดๆ แต่ตบลงผิวแล้วไม่ทิ้งความเหนอะเอาไว้เลย ซึมเข้าผิวทันที มีกลิ่นหอมเบาๆ ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญคือให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากๆ แถมยังลดความบวมแดงจากการกดสิวได้นิดๆ ด้วยครับ

Fyne Hybrid Light Hydrating Sunscreen Broadspectrum SPF 50 PA+++ 

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายสำคัญที่สุดกับการครีมกันแดดครับ แน่นอนว่าผิวมันอย่างเราก็ต้องเลือกครีมกันแดดที่บางเบาและคุมมัน โดยครีมกันแดดของ Fyne ก็ตอบโจทย์มากๆ สามารถกันได้ครบทั้ง UVA, UVB, แสงสีฟ้า จุดเด่นคือมีสารสกัดจาก Moringa ที่ช่วยลดการเกาะของฝุ่น มลภาวะ ยังมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นอีกหลายตัวด้วย ผิวแพ้ง่ายก็ไม่ต้องห่วง เพราะถึงแม้จะคุมมัน แต่ไม่มีส่วนผสมอย่างแอลกอฮอล์และซิลิโคนครับ

เนื้อครีมกันแดดจะเป็นครีมที่บางเบา เกลี่ยง่าย ทิ้งไว้แปบเดียวก็ซึมแล้ว เซตตัวแบบกึ่งแมท ไม่มีความวอกหรือลอยใดๆ และไม่มีส่วนผสมจากน้ำหอมเลยไม่ค่อยมีกลิ่นอะไรเท่าไหร่ครับ สามารถคุมมันได้ดีเลย ไม่ลงแป้งฝุ่นก็สามารถอยู่รอดได้ประมาณครึ่งวัน แต่ผิวมันอย่างเราก็ลงแป้งฝุ่นเสมอเพื่อความแมททั้งวันครับ

มารีวิว Morning Skincare Routine ที่เราใช้ในช่วงนี้จบไปแล้วนะครับ เราจะเน้นให้ความชุ่มชื้น แต่หน้าไม่มัน ใครสนใจก็ลองไปซื้อใช้ตามดูได้ฮะ หรือคนที่ผิวแห้งก็สามารถใช้สกินแคร์เซตนี้ได้เหมือนกัน โดยอาจจะเพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์เข้าไปครับ ซึ่งทุกตัวที่ใช้ผ่านการลองใช้มานานในระดับนึงแล้ว ไม่มีอาการแพ้ ระคายเคืองใดๆ 

ใครที่อยากสอบถามอะไรเพิ่มเติมก็แวะมาถามกันได้ที่ Facebook และ Instagram เราได้น้า แล้วเจอกันกระทู้หน้า สวัสดีครับบบบ