Favorite of 2019 สกินแคร์สิว ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย จัดเต็ม!!!
nuengst
02 ม.ค. 63
54
23
สวัสดีปีใหม่ 2020 ชาวจีบันทุกๆ คนนะครับบบบ ขอให้ปีนี้มีแต่ความสุข ความโชคดี ไม่เจ็บ ไม่ป่วยกันนะฮะ 1 ปีผ่านไปก็ได้เวลาของการมารีวิวของที่ใช้แล้วชอบประจำปีกัน ปีที่ผ่านมาเราได้ลองใช้ของเยอะมากกก ทั้งซื้อเองและแบรนด์ส่งมาให้ สกินแคร์ก็จะเน้นในเรื่องสิว ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ซึ่งก็เป็นเรื่องดีใจที่สิวเราหายเกือบหมดแล้ว แต่ยังเหลือรอยแดงทิ้งเอาไว้อยู่ การรักษาของเราคือพบแพทย์เพื่อกินยา + ใช้สกินแคร์ของตัวเอง มันก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากครับ ถ้าพร้อมแล้วมารับชมกันเลยยย
VIDEO
ใครอยากดูแบบวิดีโอเพลินๆ ก็คลิกดูด้านบนนี้ได้เลยนะครับ ส่วนใครอยากอ่านก็มาเริ่มกันเลย
Cleansing Water
Ainterol Himalayan Micellar Cleansing Water (465.-) เป็นคลีนซิ่งถูกและดีมากๆ ด้วยปริมาณ 500 ml ที่ใช้ได้นาน แถมมาในราคาประมาณ 300 บาท ส่วนผสมมาจากธรรมชาติด้วย ผิวแพ้ง่ายคือไม่ต้องกังวลเลย กลิ่นก็มีความกลิ่นผักๆ ถ้าบนหน้ามีแค่กันแดดกับแป้งฝุ่น เช็ดประมาณ 2-3 รอบก็สะอาดแล้ว แต่ถ้ามีเมคอัพที่ติดทนมากๆ ก็ต้องเช็ดหลายรอบหน่อย หลังเช็ดจะไม่มีความเหนียวหนึบทิ้งไว้บนหน้า เข้าตาก็ไม่แสบด้วยครับEucerin Pro Acne Solution Acne & Make Up Cleansing Water (729.-) อันนี้ก็จะราคาสูงขึ้นมาหน่อย มาจากไลน์รักษาสิวอันโด่งดังของ Eucerin ซึ่งเค้าเคลมมาว่าช่วยลดสิวอุดตัน รอยสิว ถามว่าเห็นผลตรงนั้นมั้ย บอกตรงๆ ว่าไม่ครับ แต่สิ่งที่ชอบจากอันนี้คือไม่มีกลิ่นใดๆ เลย เช็ดเมคอัพที่ติดทนอย่างรองพื้นออกมาได้เยอะมากในรอบแรกที่เช็ด ไม่ทิ้งความเหนอะเอาไว้ และไม่แสบตาครับ
Facial Cleanser
Fyne Gentle Facial Cleansing Gel (390.-) อันนี้เป็นเจลล้างหน้าสูตรปรับใหม่ของ Fyne ที่อ่อนโยนกว่าเดิม ถึงแม้สูตรเดิมจะอ่อนโยนอยู่แล้ว ใครที่แพ้ง่ายมากแบบมากที่สุดคือควรลอง ตัวเจลล้างหน้ามีฟองพอประมาณ ไม่ได้เยอะมาก กลิ่นจะเป็นกลิ่นจากส่วนผสมเลย หลังล้างไม่เอี๊ยด ไม่แห้ง ไม่ตึงครับ เหมาะกับการใช้ตอนเช้าCosrx Low pH Good Morning Gel Cleanser (410.-) ถึงแม้ว่าอันนี้จะเป็นอันล่าสุดที่ได้ใช้ แต่ใช้แล้วชอบมากจริงๆ เป็นเจลล้างหน้าที่ฟองเยอะมาก เกือบจะเยอะเท่าโฟมล้างหน้าเลย แต่แค่ไม่ใช่ฟองแบบแน่นๆ ทำให้ใช้ล้างเวลาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เฉพาะตอนเช้า ส่วนผสมส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติ มีกลิ่นอ่อนๆ จาก tea tree oil ใช้แล้วหน้าไม่เอี๊ยด ไม่แห้ง ไม่ตึงครับInnisfree Bija Trouble Facial Foam (360.-) โฟมล้างหน้าที่ชอบมาเสมอก็ยังยกให้อันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากนัก ด้วยความเอี๊ยดค่อนข้างเยอะ และแห้งเล็กน้อยหลังล้าง แต่ฟีลลิ่งจากอันนี้คือดีมากจริงๆ กลิ่นบิจาหอมสดชื่น หลังล้างจะเย็นสดชื่นอีกด้วย เหมาะกับการล้างตอนเย็นหลังจากกลับบ้านที่สุด ล้างได้สะอาดมากครับGilla 8 Cica Penta Cleansing Foam (390.-) อีก 1 โฟมล้างหน้าที่ฟีลลิ่งดีก็อันนี้เลย อันนี้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย มีส่วนผสมจาก cica (centella asiatica) หลังล้างจะเอี๊ยดไม่มากถ้าเทียบกับ Innisfree และไม่ค่อยแห้งเท่าไหร่ ที่ชอบสุดคือกลิ่นนี่แหละ เป็นกลิ่นเปลือกส้ม ซึ่งมาจากส่วนผสมจริงๆ ไม่ใช่น้ำหอมครับ ใครชอบความสดชื่นๆ ซิตรัสๆ น่าจะชอบ
Mask & Scrub
The Body Shop Tea Tree Skin Clearing Clay Mask (790.-) มาส์กโคลนที่ชอบและใช้บ่อยในช่วงครึ่งปีหลังคืออันนี้เลย ด้วยส่วนผสมจาก tea tree oil ทำให้เราชอบมากๆ ระหว่างมาส์กจะเย็นสดชื่นนิดๆ ไม่ได้เห็นผลเรื่องสิวเท่าไหร่ แต่ทำให้หน้าดูสดใสขึ้นทันทีหลังล้าง หน้าไม่ค่อยแห้งด้วยครับLa Roche-Posay Effaclar Mask (600.-) สำหรับมาส์กโคลนอีกอันที่ชอบในช่วงต้นปีก็คืออันนี้ มาในปริมาณที่เยอะ ใช้ได้นาน ราคาไม่แพงมาก กลิ่นจะเหมือนกับโปรดักส์อื่นๆ ในไลน์ Effaclar เลย ไม่ได้เห็นผลในเรื่องสิวเท่าไหร่ แต่เห็นผลมากในเรื่องทำให้หน้าเรียบเนียน และสดใสขึ้นนิดๆ St.Ives Fresh Skin Apricot Scrub (229.-) St.Ives ก็ยังเป็นแบรนด์สครับที่เราชอบเสมอ สำหรับปีนี้ได้มาลองใช้สูตรแอปปริคอตครับ เม็ดสครับจะใหญ่นิดนึง แต่มีความครีมๆ เยอะ เลยไม่ค่อยบาดหน้าเท่าไหร่ หลังล้างออกหน้าจะสดใสมากกกก ผลัดเซลล์ผิวออกได้ดีเลย กลิ่นหอมสดชื่นมาก ทำให้เราชอบกลิ่นนี้มากสุด แต่ใครที่มีสิวอักเสบก็ยังไม่แนะนำให้ใช้นะครับ อาจจะระคายเคืองได้
Toner & Mist
Biotherm Skin Oxygen Oxygenating Lotion (900.-) ปีนี้ก็ได้ลองโทนเนอร์หลายตัวอยู่เหมือนกัน แต่ที่เห็นผลและชอบสุดก็เป็นตัวนี้แหละ มีส่วนผสมที่น่าสนใจเยอะ ทั้งเปปเปอร์มินต์ Salicylic Acid และออยล์ประมาณ 8 ชนิดได้ ซึ่งกลิ่นก็คือเปปเปอร์มินต์เลย หอมสดชื่นมากจริงๆ ฟีลลิ่งตอนเช็ดก็เย็นๆ ด้วย ป้องกันมลภาวะมั้ยไม่แน่ใจ แต่ช่วยกระชับรูขุมขนที่จมูกได้นิดนึงครับ ข้อเสียอย่างนึงคือมี Alcohol Denat แอบทำให้หน้าแห้งเล็กน้อยครับGino McCray Mineral Water Spray (235.-) เป็นสเปรย์น้ำแร่ที่ถูกและดีมากกกก คุณภาพไม่ไก่กาเลย มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หัวสเปรย์ฟุ้งกระจายได้ดีมาก ฉีดแล้วสดชื่นเวอร์ๆ ปีนี้ใช้ไปหลายขวดเลย เพราะเค้าลดราคาบ่อย ทั้ง 1 แถม 1 ทั้งลด 50% ถ้าลดราคาคือควรตำ!
Yuki Yuki Silky Cotton Puff (59.-) สำหรับสำลีที่ใช้สำหรับโทนเนอร์เราใช้อันนี้มาตลอดทั้งปีโดยไม่เปลี่ยนใจเลย ด้วยราคาที่ถูกมาก แค่ 59 บาท มีโปร 1 แถม 1 ตลอด แผ่นบางกำลังดี เนียนนุ่ม ไม่บาดหน้า ไม่เป็นขุย ทำให้ไม่เปลืองโทนเนอร์ที่เราซื้อมาแพง? แล้วของแบรนด์นี้ รุ่นนี้จะแผ่นใหญ่ที่สุดด้วย เลยคุ้มสุดๆ
Treatment Essence
La Mer The Treatment Lotion (5100.-) แพงและดีก็ต้องยกให้น้ำตบ La Mer จริงๆ มีส่วนผสมของ Miracle Broth ที่ได้จากการหมักบ่มสาหร่าย Sea Celpt จากการใช้มาที่ชอบคือกลิ่นที่หอมอ่อนๆ ดูแพง น้ำตบดูเหมือนจะเหนียวๆ ข้นๆ แต่ซึมเร็ว ไม่ทิ้งความเหนอะไว้เลย ช่วยในเรื่องชุ่มชื้นได้ดีมากกกกก ในวันที่อยู่บ้านชิลๆ ลงแค่น้ำตบตัวเดียวก็ยังรอด หน้าไม่มัน และไม่แห้งครับScinic First Treatment Essence (1090.-) น้ำตบสำหรับผิวแพ้ง่าย แต่อยากผิวขาวใสขี้น อันนี้ก็ตอบโจทย์มากทีเดียว มีส่วนผสมหลักๆ จาก Galactomyces และ Niacinamide มีกลิ่นอ่อนๆ จากส่วนผสม ใช้ในช่วงแรกอาจจะไม่เห็นผล แต่พอผ่านไปเดือนนึงจะเห็นผลชัดมากว่าหน้าขาวขึ้นครับ
Eye Care
Kuron Skin Enhancer (1490.-) ในส่วนของอายครีมปีนี้ไม่ได้ถูกใจอะไรเป็นพิเศษ แต่ชอบเจ้าเครื่องนวดใต้ตาอันนี้มากๆ ทำงานโดยการสั่น หัวเป็นโลหะทำให้เวลานวดจะเย็นๆ ช่วยให้อายครีมที่ทาลงไปซึมได้ดีขึ้น ที่สำคัญคือลดอาการบวมได้ดี ใส่ถ่าน AAA ไปครั้งนึงใช้ได้นานเกิน 6 เดือนเลย นอกจากจะใช้กับใต้ตาได้แล้ว ยังใช้นวดเพื่อยกกระชับทั้งหน้าได้ด้วย
Serum
Fyne BHA Clarifying Serum (990.-) เป็น bha ที่เราชอบมากกก เป็นเนื้อเซรั่มออกเจลๆ ไม่ได้มีแค่ส่วนผสมจาก Salicylic Acid แต่ยังมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นใส่มาด้วย หมดปัญหาใช้แล้วหน้าแห้งลอกไปได้เลย เราใช้ช่วงที่มีสิวเยอะ ก็ช่วยให้สิวดันออกมาแล้วแห้งไปเอง ส่วนช่วงที่แทบไม่มีสิว ใช้แล้วก็ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้ดีมากครับClarins V Shaping Facial Lift อันนี้เราได้เทสเตอร์มาบ่อยมากๆ เลยเอาเทสเตอร์ทั้งหมดมาใช้ได้ประมาณ 1 เดือน เด็ดสุดคือกลิ่นจริงๆ กลิ่นหอมมากกกกก หอมแพงสไตล์ Clarins เนื้อเซรั่มมีความเข้มข้น ใช้วิธีนวดตามวิธีที่แบรนด์แนะนำมามันเห็นผลมากๆ แก้มเราดูกระชับขึ้นประมาณนึงเลย โครงหน้าดูชัดขึ้น และทำให้หน้าเนียนมากๆ ตั้งแต่ช่วงแรกที่ใช้ ถ้าจัดการกับสิว รอยสิวได้หมด ก็อยากลองซื้อไซส์จริงมาใช้เหมือนกันครับ
Moisturizer
Clinique Dramatically Different Hydrating Jelly (1650.-) ในปีนี้ก็ยังชอบ Clinique DDHJ อยู่ ด้วยเนื้อเจลลี่ที่สบายผิวมาก เน้นในเรื่องชุ่มชื้นจริงๆ ให้ความชุ่มชื้นที่มากพอสำหรับผิวผสมอย่างเรา ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้แพ้ได้ง่าย ราคาสูงก็จริง แต่ขวดนึงใช้ได้นานเป็นปีเลย แถมหลังจากเปิดใช้แล้วยังมีอายุถึง 2 ปีด้วย ใช้กันจนคุ้มเลยทีเดียวFyne Skin Barrier Serum-in-Cream (1390.-) เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะมากกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิว ผิวมันที่สุด มีส่วนผสมอย่าง Ceramide ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง และส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบของผิว ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้แพ้ เนื้อครีมบางเบามากกก แต่ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ไม่มีกลิ่นอะไรเท่าไหร่ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอนเลยครับCerave Moisturizing Cream (195.-) สำหรับครีมถูกและดีก็ต้องยกให้อันนี้ มีส่วนผสมหลักๆ คือ Ceramide และ Hyaluronic Acid เน้นให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น เนื้อครีมมีความเข้มข้นมากๆ แต่ไม่เหนียวเท่าไหร่เวลาทาลงบนหน้า แต่ก็เหมาะกับการใช้เฉพาะกลางคืนมากกว่า และแทบไม่มีกลิ่นอะไรNaturals by Watsons Aloe Vera Soothing Gel (200.-) เจลว่านหางเราจะใช้เวลาหลังอาบน้ำตอนกลางคืนที่ยังไม่ได้ลงสกินแคร์แบบจริงจัง เพื่อให้ผิวหน้ายังคงชุ่มชื้น ไม่แห้งครับ เจลว่านหางของวัตสันอันนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก ด้วยราคาที่ถูก มีส่วนผสมออร์แกนิก นอกจากจะมีว่านหางแล้ว ยังมีใส่ส่วนผสมของชาเขียว อโวคาโดออยล์ และแตงกวามาด้วย เสียอย่างเดียวมีน้ำหอมนี่แหละ แต่ไม่ใช่กลิ่นที่แรงนะ ตัวเจลเองก็ไม่เหนอะหนะ ซึมเร็ว ทาแล้วสดชื่นๆ
Acne Cream
Matchaakiii Anti Acne Cream (89.-) สำหรับครีมแต้มสิวที่ปีนี้ชอบสุดมีแค่อันเดียว มีส่วนผสมจาก Salicylic Acid, ชาเขียว, Tea Tree Oil โดยกลิ่นจะเป็นกลิ่นของ Tea Tree Oil เลย ใช้แล้วไม่แสบผิว และไม่เหนอะหนะ สิวอาจจะไม่ได้ยุบเร็วมาก แต่ช่วยสิวได้หลายแบบทั้งสิวอักเสบหัวหนอง สิวบวมแดง เม็ดเล็ก เม็ดใหญ่ก็ช่วยได้หมด แถมหลอดเล็กๆ แบบนี้ใช้ได้นานมาก
Sunscreen
Eucerin Sun Dry Touch Acne Oil Control SPF 50+ PA+++ (1260.-) เป็นกันแดดคุมมันที่ดีมากๆ ตัวนึงที่เราได้ลองปีนี้ เป็นเนื้อแบบเจลครีม ซึมค่อนข้างเร็ว ไม่เหนอะหนะ สีออกเหลืองนิดๆ ใช้แล้วหน้าไม่ลอย ไม่วอก ป้องกันแสงได้ครอบคลุม แต่ถ้าใครแพ้ง่ายมากจริงๆ ต้องลองเทสต์ก่อนซื้อนะครับ เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างชัดเลย แต่เหมาะกับคนเป็นสิวแน่นอน ใช้แล้วไม่อุดตันครับFyne Hybrid Light Hydrating Sunscreen Broadspectrum SPF 50 PA+++ (1290.-) จาก Fyne เยอะหน่อยนะครับ อันนี้อันสุดท้ายละ? ทางแบรนด์ไม่ได้มาสปอนเซอร์ใดๆ ในรีวิวนี้นะฮะ แต่ของเค้าดีจริงๆ ถ้าใครแพ้ง่ายขั้นสุดควรลองอันนี้ ไม่มีทั้งแอลกอฮอล์ ซิลิโคน น้ำหอม และสารอันตรายทั้งหลายคือไม่มีเลย ป้องกันแสงได้ครบ ป้องกันไม่ให้ฝุ่น มลภาวะมาเกาะหน้าได้ เป็นเนื้อครีมบางเบา ใช้เวลาซักแปบนึงถึงจะซึมเข้าผิว ไม่มัน ไม่เหนอะครับKA UV Superbloc Fluid Protector SPF 50+ PA+++ (39.-) แนะนำของแพงกันไปแล้ว ของถูกก็มีนะครับ เป็นกันแดดเนื้อแบบน้ำนมที่ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่ไม่ทำให้เหนอะหนะ คุมมันได้ดีด้วย เรื่องการป้องกันแสงอาจจะไม่ได้ครอบคลุมหมด แต่ก็มีส่วนผสมที่ช่วยป้องกันมลภาวะได้ครับ
Lip Care
Lovella Organics Rose Cupcake Lip Treatment (290.-) เป็นลิปบาล์มที่ใช้บ่อยมากสุดในครึ่งปีแรกเลย ด้วยกลิ่นและรสชาติที่หอมหวานสมกับชื่อมากๆ ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากIra Natural Lip Balm Peach (198.-) อันนี้ก็เป็นลิปบาล์มที่ใช้บ่อยสุดในช่วงครึ่งปีหลัง กลิ่นพีชคือดีมากๆๆๆๆๆ กลิ่นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง แพคเกจจิ้งก็เป็นกระดาษ รักษ์โลกมากครับ ให้ความชุ่มชื้นได้ดีเลยLaneige Lip Sleeping Mask [Berry] (700.-) ลิปสลีปปิ้งมาส์กที่น่าจะยืนหนึ่งไปในทุกๆ ปีจนกว่าจะได้ลองอันที่ดีกว่านี้ ด้วยราคาที่ไม่ได้แพงมากมายขนาดนั้น แถมมาในกระปุกใหญ่ใช้ได้ทั้งปี กลิ่นและรสชาติเบอร์รี่คือดีงาม ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ จากการใช้มาหลายปีเค้าช่วยให้ปากอมชมพูขึ้นได้จริงๆ เพราะทำงานโดยการผลัดเซลล์ผิวครับ
Body Care
Jergens Ultra Healing (295.-) เป็นโลชั่นที่เหมาะกับคนที่ผิวแห้งมากกกๆ เนื้อโลชั่นเข้มข้นขั้นสุด แอบหนึบนิดนึง เวลาอาบน้ำต้องฟอกสบู่เยอะๆ หน่อย เพราะติดผิวนานมากครับ ราคาอาจจะแรงกว่าแบรนด์อื่นๆ แต่ด้วยความขวดใหญ่มาก บวกกับความเข้มข้น ทำให้ไม่ต้องใช้เยอะเลยEucerin pH5 Hydro Serum (495.-) เป็นโลชั่นที่ใช้หมดไปหลายขวดแล้ว เป็นเนื้อโลชั่นแบบเจลครีม เกลี่ยง่าย ทิ้งความหนึบไว้เล็กน้อย ตัวโลชั่นจะมีความเคลือบผิวเอาไว้ ทำให้ชุ่มชื้นได้นาน ตื่นนอนมาก็ยังรู้สึกถึงโลชั่นที่เคลือบไว้อยู่ ฟื้นฟูผิวแห้งแตก แห้งลอกได้ดีมากBiore UV Anti-Polution Body Care Serum Refresh Bright SPF 50+ PA+++ (290.-) กันแดดทาตัวก็จะไม่ค่อยได้ลองใช้เยอะเท่าไหร่ สำหรับปีนี้ได้ลองของบิโอเรก็คือชอบเลย เนื้อกันแดดเป็นแบบเจลครีม ทาลงไปแล้วจะเย็นๆ ผิวมากในช่วงแรก แต่หลังๆ มาก็ไม่ได้เย็นเท่าไหร่ ที่ชอบคือเนื้อบางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนอะ ช่วยป้องกันให้ผิวไม่คล้ำไปมากกว่าเดิม
Hair Care
Sunsilk Collagen Filler Super Conditioner Power Shine (135.-) ในปีนี้ได้ลองแชมพูเยอะประมาณนึง แต่ก็ไม่ได้ถูกใจอันไหนเป็นพิเศษ เลยมาเริ่มที่ครีมนวดผมกันเลย อันนี้เราใช้ช่วงทำสีผมใหม่พอดี ช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้เร็วมากกกก แถมกลิ่นก็หอมติดหัวด้วยL'Oreal Botanicals Fresh Care Safflower Rich Infusion Conditioning Balm (399.-) อันนี้เป็นอันล่าสุดที่ได้ลองใช้ ทดลองใช้ในช่วงทำสีผมใหม่รอบนี้ที่ทำมาอย่างหนักหน่วงพอดี พบว่ามันเลิศมากกกก เส้นผมเราฟื้นฟูเร็วมาก ทั้งๆ ที่ฟอก + ลงสีรวม 4 รอบ เส้นผมนุ่มมาก กลิ่นก็ดีที่สุด ด้วยความที่มีส่วนผสมจากน้ำมันมะพร้าว ก็จะเป็นกลิ่นมะพร้าวเลย ติดหัวนานอีกด้วยL'Oreal Elseve Extraordinary Oil French Rose Oil Infusion (349.-) ปีนี้เราได้มีการลองสูตรใหม่อย่างลาเวนเดอร์ด้วย แต่ถ้าชอบสุดก็ต้องกุหลาบจริงๆ กลิ่นหอม และติดทนกว่า ช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้กลางๆ ทำให้เส้นผมดูเงาขึ้น มีกิมมิคตรงที่ใส่ดอกไม้แห้งมาในขวดเพิ่มความน่าใช้
Philips ThermoProtect HP8230 (2100W) (1090.-) มาถึงอันสุดท้ายกับไดร์เป่าผมนะครับ เป็นไดร์ที่พึ่งซื้อในปีนี้ กิเลสเกิดจากการที่ไปลองใช้ของพี่สาวแล้วชอบมาก เลยต้องซื้อตาม ราคาไม่แรง แถมมีฟังก์ชั่นเยอะกว่ารุ่นอื่นที่แพงกว่าซะอีก ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับคือ เย็น ร้อนนิดๆ ร้อนมาก และปรับความแรงได้ 2 ระดับ โดยมีปุ่มที่กดแล้วจะทำให้อุณหภูมิเย็นลงมาด้วย ลมแรงสุดช่วยให้การเป่าผมทำได้เร็วมาก แปบเดียวคือแห้ง เพิ่มวอลลุ่มได้ดี ส่วนลมเย็นก็ช่วยให้ผมเซตอยู่ทรงได้ด้วยครับ
สำหรับ Favorite of 2019 ทั้งหมด 30 กว่าชิ้นก็จบลงไปแล้วนะครับ ใครที่ใช้อะไรเหมือนกับเราก็แวะมาคอมเมนท์กันได้เน้อ แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้า สวัสดีครับบบบ