เปิดถุงช้อปปิ้งจากญี่ปุ่น ซื้อแบบนี้เราเสียสติไปแล้วหรอ?
Uncle Bank 55 19สวัสดีครับ
มาแล้ววววววววกับกระทู้เปิดถุงช้อปปิ้ง
เมื่อปลายปีผมไปเที่ยวญี่ปุ่นมาครับ
ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่ซื้ออะไรเยอะหรอก
เพราะไปบ่อยแล้วก็คงมีอะไรเดิมๆ
แต่เอาเข้าจริงก็สติแตกอ่ะครับ 555
เรามาดูกันว่าสอยอะไรมาบ้าง
สำหรับคนที่อยากดูเวอร์ชั่นวีดีโอ
สามาถกดดูกดฟังได้ที่ลิงค์นี้ครับ
ตอนท้ายมี มินิ ทอล์คโชว์นะครับ >0<
แต่ถ้าชอบอ่านมากกว่า งั้นเลื่อนตามลงมาเลยครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยแล้วกันนะครับ
ขอเริ่มจากของที่ซื้อจาใน Duty Free ก่อนแล้วกันครับ
(ภาพตัวอย่างเวลาเสียสติ)
อย่างแรกก็คือ
Chanel Les Beiges Water Fresh Tint
ราคาดิวตี้ฟรีอยู่ที่ 2,380 บาท
ผมซื้อสี Medium มาครับเพราะมันเป็นสีเดียวที่เหลืออยู่ตอนนั้น ตึงงงง!
ตั้งใจจะไปซื้อตัวนี้แบบแรงกล้ามาก เพราะว่าโดนป้ายยาจากในจีบันนี่แหละครับ
เลยไปซื้อที่ดิวตี้ฟรีเพราะไหนๆจะเดินทางอยู่แล้ว
ถูกกว่าเค้าเตอร์ไทย 420 บาทแหนะ
ตัวนี้ผมลองใช้แล้ว ทั้งที่ญี่ปุ่นและที่ไทย
เดี๋ยวมาทำ Full Review พร้อม Wear Test นะครับ
+++++++++++++++++++++++++++
ตัวถัดมาที่ตั้งใจไปซื้อเลยคือรองพื้น Armani Maestro
เพราะหลายๆคนบอกว่าบางเบา งานผิว แต่งเหมือนไม่แต่ง
แต่พอไปลองสีจริงๆ สีเค้าไม่เข้ากับสีผมเท่าไหร่ เฉดสีก้าวกระโดดแปลกๆ
ทางBA เลยแนะนำเป็นอีกรุ่นมาแทนนั่นก็คือ
Armani Lasting Silk Foundation
ผมซื้เบอร์5 มาครับ ราคา 1,630 บาท รุ่นนี้จะต่างจาก Luminous Silk
ที่โด่งดังตรงที่จะคุมมันได้ดีกว่าและ Spf 20 มาด้วย ลองใช้แล้วเช่นกัน
เดี๋ยวมาทำรีวิวนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อมาเป็นส่วนของดิวตี้ฟรีที่นาริตะกันบ้าง
เริ่มกันที่ครีมทามือจากยี่ห้อ
Yojiya
ที่เค้าจะดังในเรื่องของกระดาษซับมัน ซึ่งเป็นแบรนด์เก่าแก่จากเกียวโต
สอยมาสองหลอด เพราะอยากจะบำรุงมือให้กลับมามีความเป็นผู้เป็นคนบ้าง
ความชุ่มชื้นดี เข้มข้นและมีกลิ่นหอมอ่อนๆไม่ฉุนไม่น่ารำคาญครับ
============================================
ถัดมาเป็นแป้งฝุ่นกันบ้าง อยากจะเริ่มปรับนิสัยเซ็ทหน้าด้วยแป้งฝุ่นบ้าง
อ่านรีวิวต่างๆมาหลายที่ หลายคนแนะนำแป้งของThree เลยไปสอยมา
Three Ultimate Diaphanous Loose Powder (4,200 Yen)
ผมเลือกเป็นรุ่น Colorless #1 มาซึ่งจากที่ศึกษามาเค้าบอกว่า
เป็นรุ่นที่บางเบาที่สุด งานผิวที่สุด
แต่จะไม่คุมมันเท่ารุ่น matte แต่จะชนะกันที่ finish ที่ได้
อันนี้ยังไม่ได้ลองนะครับ ลองแล้วจะมารีวิวแน่นอนครับ
=========================================
ถัดมาเป็น ทนการป้ายยาจากเพื่อนๆไม่ไหวจริงๆ
My Armani to go Cushion 4.5 (7,200 Yen)
ราคาเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเงินเยนยังเหลือเลยซื้อมา
พนักงานเลือกสีให้บอกว่าสีนี้แหละดี
หลายคนเคลมว่าทาแล้วผิวสวยและยอมรับกันเป็นเสียงเดียวกันว่า
ควรค่าแก่การมีไว้ครอบครอง ซึ่งเอาจริงๆมันดึงดูดเราตั้งแต่ตลับสีแดงซึ่งเป็นสีถูกโฉลกวันเกิดของผมด้วย
(คนมันจะซื้อ ก็มักจะหาเหตุผลต่างๆมาSupport อะเนอะฮ่าๆ)
อันนี้ยังไม่ได้แกะใช้เหมือนกันครับ
(ขอลองและจะมารีวิวทีละตัวนะครับ อยากจากรีวิวจากการใช้งานจริง จริงๆ)
====================================
ชิ้นสุดท้ายสอยแบบเร่งรีบ เหมือนคนเสียสติมากครับ!!!
ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วๆๆ ซื้ออะไรอีกดีๆ (มันคิดแบบนี้จริงๆนะ กลัวตัวเองแล้ว)
สรุปหลังจากการเดินจ้ำๆหาว่าจะสอยอะไร
ก็ไปเจอกับสิ่งที่แพลนว่าอยากลองและน่าสนใจ นั่นก็คือ
Shiseido Snow Beauty กับตลับ Limited 2019 (6,500 Yen)
ดีไซน์ตลับปี 2019 ก็จะเป็นแนวเกล็ดหิมะสีฟ้าสีน้ำเงิน อารมณ์เอลซ่า
ตลับค่อนข้างใหญ่ ในกล่องจะมีพัฟ2 อันอันนึงแบน อีกอันฟูนุ่มกว่า
แล้วก็มีถุงผ้าสำหรับใส่ตลับไว้พก แป้งตัวนี้ต่างจากแป้งอื่นที่ผมมียังไง?
แป้งตัวนี้โด่งดังในเรื่องของการทาเป็นสกินแคร์ ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส
สามารถทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอน แบบเวลาเราลงสกินแคร์ตอนกลางคืน
แล้วหน้าเราเหนอะมันจากครีม แล้วไม่อยากให้หน้ามันเวลาเรานั่งเล่นนอนเล่น
ก็ทาแป้งนี้ลงไป จะช่วยให้หน้าไม่เหนอะแถมมีสารบำรุงด้วย
ลองใช้ดูแล้วนิดนึง รู้สึกว่าเนียนนุ่ม เซ็ทความเหนอะของหน้าได้ดี
แต่ถ้าทาเยอะๆจะมีความขาวขึ้นมาด้วยนะครับ ตลับสวยฟรุ้งฟรุ้งด้วย
ถ้าใครไปญี่ปุ่น ซื้อไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ
=============================================
มาเป็นหมวดที่ซื้อในญี่ปุ่นกันบ้าง
ซ้ายคือครีมหมักผมของ Shiseido ที่หลายๆคนบอกว่าดี บอกว่าต้องซื้อ
ผมสอยมาจากดองกี้ราคาไม่แพง กลิ่นหอมดีด้วยครับ
ซื้อมาผสมกับตัวหมักผมให้คุณอั้ม ภัชรา-ภาพ
เผื่อจะช่วยกอบกู้ความแห้งกรังของผมที่ถูกทำร้ายมาได้
ถัดมาตรงกลางเป็นครีมทามือจากฮอกไกโด หลอดละ 1,000 เยน
ซื้อจากTokyu Hand ไม่มีกลิ่น แต่มือบความชุ่มชื้นกำลังดี ไม่ได้เหนอะมือ
ที่ซื้อเพราะขวดมันมีความญี่ปุ่นน่ารักๆ !!
อันขวาก็เป็นไฮยาหลอดม่วงที่โด่งดัง จริงๆเมืองไทยก็มีขาย
แต่ว่า “ไหนๆก็มาแล้ว” เลยซื้อมาตุน
แล้วถือโอกาสสอยมาฝากเพื่อนๆเล็กน้อยด้วย เพราะเล็กแต่ดีเกินราคา
==================================
เซ็ทต่อมา
ซ้ายคือมาส์กหน้าลายญี่ปุ่นโบราณ
ซื้อมาเป็นของที่ระลึกเพราะคิดว่าใช้แล้วคงพิลึกน่าดู
ในกล่องจะมี4 ลายตามรูปตัวละครบนกล่องเลยครับ
=
อันกลางคือครีม
PDC Pure Natural Moisturizing Essence Cream
ตัวนี้ผมเคยซื้อจากรอบที่แล้ว
ใช้แล้วชอบมากเลยกลับไปสอยเพิ่ม แต่ที่น่าเจ็บใจคือหายากกว่าเดิม
และพอเจอ ราคาแพงกว่าเก่า กระปุกเก่าผมซื้อมา 650 เยน
แต่กระปุกนี้ได้มาในราคา 900 กว่าเยน ><
ทำไมถึงชอบ?
เป็นครีมเดิมความชุ่มชื้นให้ผิวที่ดีตัวนึงเลย
หลายๆตัวที่เคยลองจะเหนียวเหนอะหนักและเกลี่ยยาก
แต่ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ดี และเกลี่ยได้ง่ายมาก
เอามาผสมรองพื้นเพื่อให้ผิวดูฉ่ำๆก็ยังได้ ทาได้ทั้งเช้าและกลางคืน
แต่ถ้าทาเช้าผมจะใช้ไม่เยอะเพราะไม่งั้นหน้าจะมันเกินไป
ใครไปแล้วหาซื้อได้ผมแนะนำเลย
=
ขวาสุดเป็นโฟมล้างหน้ายี่ห้อ Rosette
Rosette Cleansing Paste
ซื้อจากดองกี้ ราคา 398 เยน เห็นว่าถูกมากเลยสอยมา1
(เสียดายที่ซื้อมาน้อย เพราะกลัวน้ำหนักเกิน)
ผมเคยซื้อมาใช้หลายตลับแล้วครับ ถูกและดี
ล้างหน้าแล้วหน้าสะอาดเอี๊ยดๆถูกจริต แต่รอบนี้ซื้อสีฟ้ามาเฉย
ปกติผมใช้สีชมพูซึ่งอันนั้นดีมาก ผมว่าเค้าดีกว่ารุ่นหลอดหลายๆสีของเค้าอีก
=============================
ต่อมาขอเป็นพวกอุปกรณ์กันบ้าง
เริ่มกันที่กระจกพกพาบานใหญ่จาก
Rosy Rosa
ราคา 1,500 เยน
ก็แค่กระจกธรรมดา ซื้อทำไม? ปีนี้ผมตั้งใจจะทำรีวิวที่มีWear test ด้วย
เลยอยากจะมีกระจกไว้เช็คหน้าตัวเองระหว่างวัน อันนี้บานใหญ่ดี สีดำเรียบๆ
ควักมาส่องก็คงไม่เขินมาก และที่สำคัญเค้าเคลมว่าเป็นกระจกเสมือนจริงสุด
เพราะมีกลไกในเรื่องของการสะท้อนแสงที่จะดูสมจริง ฟังดูเหมือนโอเวอร์
แต่ส่องแล้วจริงอยู่นะครับ เห็นชัดเชียว บางทีก็ชัดไปจนจิตตก ฮ่าๆ
ต่อมาเป็นแปรงจากยี่ห้อ Rosy Rosa เช่นกัน
แปรงลักษณะนี้ผมยังไม่เคยมี และด้วยความที่เป็นคนบ้าแปรงแล้วนั้น
ก็ต้องสอยอ่ะครับ เค้าเคลมว่าแปงนี้จะช่วยปิดรูขุมขนอย่างเป็นธรรมชาติ
เพิ่งลองไป1 ครั้งก็รู้สึกว่าก็แปลกดี ขนแปรงแน่นไม่บาดหน้า
แต่ไม่ได้เนียนนุ่มเวอร์ๆเหมือนของ Real Techniques
แต่เดี๋ยวขอลองใช้ไปอีกซักระยะไปก่อนเนอะ ให้โอกาสเค้าหน่อย
สองชิ้นต่อมาเป็นของยี่ห้อ Tex Mex
ยี่ห้อนี้เค้าจะผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายออกมาหลายตัว น่าสนใจมากครับ
รอบนี้ผมซื้อมาสองอย่าง อย่างแรกคือดินสอเขียนคิ้วสำหรับผู้ชาย
สีดำธรรมชาติ เป็นแบบหมุน และอีกด้านมีแปรงสำหรับปัดขนคิ้วครับ
สีกำลังดี ไม่ดำปื้ดเกินไปแล้วแท่งก็จะดีไซน์คล้ายๆปากกาเรียบๆ
ตัวถัดมาเป็นกรรไกรสำหรับแต่งทรงคิ้ว คนญี่ปุ่นนิยมคิ้วที่บางอ่ะเนอะ
เราก็อยากลองว่าเป็ยังไงเลยซื้อมา แต่สารภาพตามตรงว่า แอบไม่กล้าลอง เพราะกลัวพลาดแล้วไม่เข้ากับเหง้าหน้าตัวเองครับ 555
ต่อมาเป็นยาหยอดตาญี่ปุ่นบ้าง รอบนี้ซื้อมาแค่นี้เพราะที่ซื้อจากรอบที่แล้วยังมีอยู่เพียบเลย จากที่ลองมา ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ใช้ดีพอๆกัน
จะต่างกันเรื่องสารบำรุง แต่ที่ชอบมากๆเพราะถ้าตาเราแดงๆ
หยอดไปไม่นานตาจะหายแดงเลยครับ วิเศษมาก แต่บางอันมันย็นเกินไปมาก
หยอดทีน้ำตาร่วงกราวเลย
=========================
ถัดมาพูดถึงเครื่องสำอางกันบ้างนะครับ
เริ่มกันที่ดินสอเขียนคิ้วของ Shiseido
ผมสอยสีเทาเบอร์ 4 มา เคยพูดในวีดีโอ Favorite makeup ไปแล้ว
สีดี ราคาดี ควรค่าแก่การซื้อตุน ตกแท่งละไม่ถึงร้อยเอง
ถัดมาเป็นบรอนเซอร์ของ Canmake ซื้อมางงๆ
เผื่อเอามาพกใส่กระเป๋าเวลาไปต่างจังหวัด เพราะขนาดเล็ก สีสวยดีด้วย
อันขวาสุดเป็น Shading เนื้อครีม ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นสินค้าใหม่
เพราะเค้าวางแยกออกมาจากชั้นวาง มีด้วยกันสองสี
ซึ่งจะต่างอันเดอร์โทนกันนิดหน่อย ผมสอยเบอร์ 1 มา
อันนี้ยังไม่ได้ลองใช้เลยไม่รู้ว่าอยู่บนหน้าแล้วเป็นยังไงนะครับ
====================================
มาในเรื่องของปากกันบ้าง
ลิปจาก Opera
เป็นอะไรที่ต้องมี!
ได้รับรางวัลและเป็นที่ยอมรับกันว่าคุณภาพดีจริงๆ
ผมซื้อมาสองรุ่น คือรุ่นปกติ (แท่งสั้น) กับรุ่นที่จะมีความวาวมากกว่า(แท่งยาว)
แบบรุ่น Lip Tint ผมเลือกสีเบอร์ 5 มา คิดว่าสีนี้น่าจะรอด
เค้าจะเป็นอารมณ์คล้ายๆ Dior Lip Glow จะมีการทิ้งสีไว้ติดปาก
พร้อมให้ความชุ่มชื้น แต่เนื้อจะนิ่มกว่าของ Dior หน่อย
อีกรุ่นคือ Sheer Lip Colour อันนี้จะเป็นแนวๆกลอส มีความวาวสูงกว่าอีกรุ่น
และสีที่ออกมาจะไม่ชัดเท่ารุ่นข้างบน สีที่เลือกมาคือเบอร์ 2 สีนี้สวยมากกกก
ดูสุภาพทาได้ทุกวัน ซื้อมาใช้เอง หรือฝากเพื่อน ฝากญาติ
ฝากคนรู้จักก็ได้
มันเยอะเหมือนกันเนอะ.... ใกล้จบแล้วๆ
มาถึงอายแชโด้วกันบ้าง
ด้วยความที่ที่บ้านมีสีโทนน้ำตาลเยอะมาก เลยอยากเปลี่ยนแนวบ้าง
มาเป็นสีโทนชมพูๆแดงๆเพื่อหนีความจำเจ รอบนี้เลยมองหาแต่สีแนวๆนี้
เริ่มกันที่พาเลทก่อนแล้วกันนะครับ
ตลับซ้ายของ Excel เบอร์ SR06
ยี่ห้อนี้แบบพาเลทมีหลายโทนสีมากๆเลยครับ น้ำตาลนี่หลายเฉดเลย
อันนี้เป็นสีโทนชมพูสไตล์ Japanese girl มาก
เนื้อนุ่มดีมากด้วยและยังเกลี่ยง่ายอีก ราคา 1,500 เยน
เสียดายที่ไม่มีสีเข้มๆกับสีแมทในพาเลท แต่โดยรวมคือดีมากๆครับ
คิดว่าไปรอบหน้าจะต้องซื้อสีอื่นๆมาเติมแน่ๆ
คุณภาพแนวๆเค้าเตอร์แบรนด์ญี่ปุ่นเลย
ถัดมาเป็นของ Canmake
ซื้อเว็ปต่างประเทศเค้าก็แนะนำว่าเป็นอะไรที่ต้องซื้อ
ก็เลยซื้อมาลองครับ ตลับนี้เบอร์ 21
ข้อดีของพาเลทนี้คือสามารถแต่งได้สองแนวคือวนตามสีจากซ้ายไปขวา
หรือจากขวาไปซ้าย แล้วยังใช้กลิตเตอร์ตรงกลางมาทาเป็น topper ได้ด้วย
แต่จากที่ลองใช้ดูแล้ว มันก็โอเคอ่ะนะครับ แต่คุณภาพสู้ของ Excel ไม่ได้จริงๆ
และกลิตเตอร์ตรงกลางนั้นยังไม่สวยพอ
ซึ่ง......
กลิตเตอร์ที่สวยนั้นต้องอันนี้ครับ!!
.
.
ถ้าพูดถึง Glitter หรือ Eye shadow topper แล้ว
ตอนนี้ในกรุยังไม่มีใคร โค่น Clio ได้เลย
ชอบขนาดไปซื้อมาตุนเพิ่ม 1 และสอยสีอื่นที่เป็นกลิตเตอร์เหมือนกันมาเพิ่ม
สีที่พูดถึงคือสีแถวบนซ้ายมือครับ เบอร์ G10
เป็นกลิตเตอร์ที่เล่นแสงได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆ
(มีswatch ในคลิปนาทีที่ 13:15 เพราะรูปถ่ายไม่เห็นความวิ้งที่ชัดเจนพอ)
ใช้แต่งตาให้คุณอั้มแทบทุกวัน วันไหนไม่ทาตาไม่วิ้งคุณอั้มไม่ปลื้มมากๆ
ทาแล้วเวลาโดนแสงคือวิบวับสุดๆ และมาเป็นตลับไม่เลอะเทอะฟุ้งกระจายด้วย
ส่วนอีกสองสีเป็นสีใหม่กลิตเตอร์สีชมพู กับสีทอง
แต่จากที่ลองมา G10 คือที่สุดจริงๆครับ ใครเจอควรซื้อจริงๆ
แนะนำจริงๆเลย ราคาตลับละ 1,500 yen ครับ
ส่วนแถวล่างเป็น eye shadow เนื้อครีมจาก Excel อีกแล้ว เห็นสีสวยดีก็เลยซื้อมาลองครับ ซึ่งสีและเนื้อก็ดีจริงๆ วนๆนิ้วแล้วมาแตะๆเกลี่ยๆที่เปลือกตา
ก็จะได้สีตาสวยๆแล้ว อาจจะเซ็ทด้วยแป้งหรือแบบเนื้อฝุ่นนิดหน่อยกันคราบ
ตลับพลาสติกหนา ไม่ก๊องแก๊งด้วยครับ ชอบ
ของ Kate ก็ดีนะครับ เนื้อสีชัด เกลี่ยง่าย ตลับเล็กกระทัดรัดด้วย
ใกล้หมดแล้วครับ
นี่ก็เป็นกองทัพของที่ซื้อมาฝากเพื่อนๆทุกอย่างคัดแล้วว่าดี
โดยเฉพาะ Lip Fondue
อันนี้อยู่อากาศเย็นเอาอยู่มาก ความฉ่ำมันสูงจริงๆ
นอกเหนือจากนี้.......
ไปญี่ปุ่นทั้งที อังเคิลแบงค์จะไม่ซื้อ Hakuhodo ได้ยังไง!!
กิเลสระงับด้วยการซื้อที่แท้ทรู
เอามาพรีวิวก่อนนะครับ เดี๋ยวมาแกะถุงกระทู้หน้า
สำหรับกระทู้นี้ผมขอจบลงแค่นี้ก่อนนะครับ
ใครมีคำถามหรือข้อเสนอแนะอะไรก็คอมเมนต์ลงมาข้างล่างได้เลยนะครับ
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ และฝากติดตามกันด้วยนะคร้าบ
เลิ๊ฟฟฟ