สวัสดีค่ะชาวจีบันทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกกับการมาทักทายกันในลุคใหม่ หลังจากที่มิ้วไปตัดผมสั้นแบบ Pixie Cut มาตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2019 คือก็ไม่รู้ว่ามันดูดีขึ้นหรือแย่ลงนะคะ แต่ฟีดแบคที่ผ่านมาคือพอใจมาก ๆ เพราะว่ามันดูแลง่าย สระผม เป่าผมแป๊บเดียวก็แห้งแล้ว ช่างต่างกับตอนผมยาวแบบลิบลับ!!! 

พูดถึงลุคใหม่แล้ว มิ้วเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงมี Resolution ใหม่ ๆ ที่คิดจะทำเมื่อเข้าสู่ปีใหม่กันใช่ไหมคะ มิ้วเองเป็นคนนึงมีเป้าหมายอยู่เยอะแยะเลยว่าปี 2020 นี้จะทำอะไรบ้าง ข้อนึงที่สำคัญมาก ๆ เลยก็คือเรื่องของการดูแลผิวให้ดีขึ้น เพราะอยากเผยผิวใสกะเค้าบ้าง แบบไม่ต้องเติมเสริมแต่งอะไรให้มากมายเกินไป แถมช่วงหลัง ๆ มานี้เวลาแต่งหน้า มิ้วก็จะไม่ค่อยได้ใช้รองพื้นสักเท่าไหร่ค่ะ เพราะว่าไม่อยากได้ผิวเนียนกริ๊บจนดูไม่ธรรมชาติ อีกอย่างนึงเลยคือ “ขี้เกียจ” ค่ะ เพราะช่วงไหนที่ใช้รองพื้น มิ้วจะใช้เวลาล้างหน้ามากพอสมควรเลย อีกอย่างเราไม่ได้มีธุระอะไรที่จะต้องหน้าแน่นจัดเต็มมากมาย หยิบรองพื้นมาใช้เฉพาะงานสำคัญดีกว่า ดังนั้นในกระทู้นี้มิ้วเลยอยากจะมาแชร์กันค่ะว่าลุคแต่งหน้าโชว์ผิวที่มิ้วแต่งอยู่ทุกวัน ๆ ตั้งแต่ปลายปี 2019 ถึง 2020 นี้เป็นยังไง ครั้งนี้มิ้วไม่ได้ถ่ายทำ How to ให้ดูกันนะคะ เพียงแต่อยากจะโฟกัสไปในแต่ละส่วนค่ะว่าใช้ไอเทมตัวไหนบ้าง พร้อมแล้วเราก็มาดูกันเลย!

SKIN

เริ่มจากงานผิวเป็นอันดับแรก หลังจากที่ทาบำรุงแล้ว มิ้วจะใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนค่ะ ตัวที่มิ้วเลือกมาใช้คือ Refreshing Mineral Facial Mist ของ Cute Press ค่ะ ตอนแรกก็ไม่ได้จะซื้อมาใช้ แต่ก่อนหน้านี้สเปรย์น้ำแร่ที่ใช้ประจำดันหมดเกลี้ยง เลยไปซื้อในช็อป Cute Press แถวบ้านมาลองใช้ก่อน กลิ่นหอมดีค่ะ ฉีดแล้วสดชื่นดี แต่ถ้าใครแพ้น้ำหอมอาจจะต้องระวังกันนิดนึงน้า

ต่อให้บอกว่าไม่ใช้รองพื้น แต่ครั้นจะไม่ใช้อะไรมาปรับสภาพผิวเลยก็ใช่ที่ เลยขอหยิบยกครีมซองตัวนึงที่ซื้อมาใช้บ่อย ๆ เวลาขี้เกียจบำรุง ทากันแดด และแต่งหน้าให้มันยุ่งยากหลายขั้นตอนค่ะ SISTAR Watermelon EE Cream คือตัวที่มิ้วเลือกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซื้อมาใช้หลายซองจนไม่ได้นับกันแล้ว ขอเรียกนางสั้น ๆ ว่าอีอีแตงโมก็แล้วกัน หลัก ๆ เลยสิ่งที่นางมีก็คือสารสกัดจากแตงโมเข้มข้น กลูต้าไธโอน และวิตามินบี 6 ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ผิวดูสว่างกระจ่างใสอมชมพูขึ้น ที่สำคัญนางมี SPF 50 PA++ สามารถกันแดดได้ คุมมันได้ดีเลยทีเดียว แถมยังกันน้ำกันเหงื่อได้ดีอีกด้วย นางจึงเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์ที่สุดในวันขี้เกียจของมิ้ว แต่ยังอยากสวยค่ะ 55555

แม้ว่าอีอีแตงโมจะช่วยปกปิดจุดด่างดำได้ แต่พวกรอยสิว รอยคล้ำใต้ตาก็เป็นสิ่งที่ยากเกินจะรับมือได้ งานนี้เลยต้องมีคอนซีลเลอร์มาเสริมทัพค่ะ 3CE COVER POT CONCEALER คือไอเทมที่ใช้บ่อยสุดในช่วงนี้ จะเรียกว่าใช้ทุกวัน ทุกครั้งที่ต้องแต่งหน้าเลยก็ว่าได้ ตอนแรกคิดว่าจะเอามาใช้ตกแต่งทรงคิ้วโดยเฉพาะ แต่ทำไปทำมา เลยเอามาใช้ทั้งลบรอยไปโดยปริยาย ด้วยความที่นางมาเป็นประปุกเล็ก ๆ แบบนี้ด้วยแหละ สะดวกต่อการใช้งานและพกพาดีค่ะ ลืมบอกไปว่าสีที่มิ้วใช้คือสี Light Beige นะคะ

ที่จริงก็ถือว่าลงแป้งได้แล้วในขั้นตอนนี้ แต่สำหรับมิ้วยังไม่พอค่ะ ด้วยความที่อยากจะโชว์ผิวใสดูสุขภาพดี เราก็เลยต้องมาแต่งแต้มสีสันความสดใสให้พวงแก้มกันสักเล็กน้อย Banila Co Cheer Color Cheek เป็นตัวที่มิ้วหยิบมาใช้ค่ะ ความจริงมิ้วมีอยู่ 2 สี ครั้งนี้มิ้วเลือกสี PP01 Lavender Potion มาใช้ค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าสีมันแจ๋นเกินไปไหม ดูจากสีในขวดมันใช่ค่ะ แต่ถ้าเรากะปริมาณให้ดี ๆ มันก็สวยเลยนะ ส่วนตัวมิ้วจะแต้ม 3 จุดบนพวงแก้มแล้วเกลี่ยค่ะ เท่านี้ก็ได้แก้มชมพูดูมีเลือดฝาดแล้ว

สุดท้าย จบงานผิว ด้วย Srichand Translucent Powder ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีค่ะ เป็นการเซตทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง

Eyes - Eyebrows

ก่อนจะแต่งตา มิ้วขอเริ่มที่งานคิ้วกันก่อน ช่วงหลัง ๆ มานี้มิ้วใช้ที่เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นประจำค่ะ เพราะมันคอนโทรลน้ำหนักสีได้ง่ายและทำให้คิ้วดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้ดินสอเขียนคิ้วทั่ว ๆ ไป ตัวที่ใช้อยู่เรื่อย ๆ ก็คือ JUNG SAEM MOOL Artist Contour Palette ค่ะ เป็นพาเลทที่มีทั้งสี Dark Brown, Soft Beige, High Light, Light Brown และสี Dark ตามลำดับค่ะ แต่ชื่อเขาก็บอกอยู่ว่าเป็นพาเลทสำหรับคอนทัวร์ ก็ไม่ได้จะเอามาเขียนคิ้วอย่างเดียวแหละ 5555 คือจริง ๆ นางทำได้หลายหน้าที่มาก อย่างลุคที่แต่งนี้เรียกว่ามีนางตัวเดียวก็เอาอยู่

ต่อจากการเขียนคิ้วก็มาเริ่มแต่งตากัน ลุคโชว์ผิวแบบนี้เราจะแต่งตาให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ยังมีมิติมีสีสันอยู่บ้าง อายแชโดว์ที่นำมาใช้คือ Botanical Color Eyeshadow จาก Yves Rocher ค่ะ ใช้อยู่ 2 สีหลัก ๆ เลยก็คือ #51 Rose Camelia Nacre กับ #43 Melon Narce ค่ะ

ใครที่มีเบ้าตาชัดอยู่แล้ว ใช้ 2 สีนี้ก็คงพอค่ะ แต่ด้วยความตาหมวยแต่ไม่ตี่ของมิ้ว มิ้วเลยยืมสี Light Brown จาก JUNG SAEM MOOL Artist Contour Palette มาช่วยคัดเบ้ากันเบา ๆ ค่ะ

เนื่องจากลุคนี้เราเน้นความเป็นธรรมชาติ อายไลเนอร์ที่เป็นลิควิดที่ให้เส้นคมกริบนี่ตัดไปได้เลย มิ้วใช้เป็นดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลของ BYS แทนค่ะ โดยเขียนตรงอินเนอร์ทั้งบนและล่าง เน้นให้ตาเราดูชัดขึ้น และที่สำคัญอีกอย่างนึงเลยก็คือห้ามลืมปัดมาสคาร่า!!! ไม่งั้นมันจะออกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่สวยแน่ ๆ จ้ะคอนเฟิร์ม มาสคาร่าที่มิ้วเลือกมาใช้ จัดว่าเป็นลูกรักมาหลายปีดีดักเลยแหละ หมดเมื่อไหร่ต้องซื้อ เพราะรู้สึกว่านางทำให้ขนตาดูเด้งดีมาก ๆ ชื่อเต็ม ๆ ของเขาคือ Lash Perm Curl Fix Mascara Black จาก Etude House ค่ะ

แต่งตาเสร็จแล้ว คราวนี้ก็มาดูงานคิ้วงานตาแบบใกล้ ๆ กันหน่อย เบา ๆ เหมาะกับงานธรรมชาติไหมล่ะคุณ?

Cheek

เติมสีสันให้พวงแก้มอีกเล็กน้อยด้วยบลัชออนสีพีช จาก Yves Rocher เช่นกัน แต่ครั้นจะให้บอกว่าชื่อสีอะไร สารภาพตรงนี้เลยว่าคุณน้องตลับนี้ผ่านสงครามมาอย่างโชคโชนเช่นกัน จนชื่อสีเลือนไปหมดแล้ว

Lips

ขั้นตอนสุดท้าย จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากงานปาก รอบนี้มิ้วใช้ลิปทั้งหมด 2 สีค่ะ ตัวแรก NYX Soft Matte Lip Cream สี Abu Dhabi นางจะออกสีนู้ด ๆ ดูเป็นธรรมชาติค่ะ เรียกว่าเข้ากับผิวมิ้วมาก ๆ เป็นสีนู้ดที่ทาแล้วดูไม่ซีดเกินไป 

ยังมีอีกตัวนึงที่เพิ่งซื่อมาใช้ได้ไม่นานเพราะถูกใจในสีสันมาก นั่นคือ Lip Motion ลิปสติกแท่งจาก Banila Co ค่ะ โดยสีที่เลือกมาเรียกว่าเป็นสีคู่บุญของมิ้วมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่างสีส้มอมแดงสดใส #MCR03 Carrot Chu ซึ่งมิ้วไม่ได้เอามาปาดมาทาให้เห็นสีชัดอะไรมาก แต่จะใช้วิธีค่อย ๆ แตะไปตามริมฝีปาก ให้มีความระเรื่อ ดูสุขภาพดีค่ะ

Finish Look!

เป็นลุคที่ไม่ได้ใช้ของอะไรซับซ้อนมาก สามารถแต่งตามกันได้ง่่าย ๆ ที่ไม่ได้ทำฮาวทูเป็นขั้นเป็นตอนให้ดูเพราะรู้สึกว่าลุคนี้มันก็ไม่ได้ต่างจากการแต่งหน้าใส ๆ อะไรมาก เชื่อว่าทุกคนย่อมมีแนวทางที่ตัวเองชอบและถนัดกันอยู่แล้ว สุดท้ายก็หวังว่าจะชอบสิ่งที่มิ้วนำมาให้ชมในครั้งนี้นะคะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่ะ :)