ฟื้นผิวให้ผ่านช่วงมลภาวะ PM2.5 ง่ายๆ กับ Placentor&La Canopée 2 สกินแคร์ออร์แกนิคตัวเด็ด สัญชาติยุโรป
Up to Me Review
78
14
ยังคงอินกับช่วง PM2.5 ไม่หาย เพราะกว่าจะผ่านมาได้ไม่ใช่ง่าย ๆ น้าาา ทั้งเข้าโรงพยาบาล สุขภาพกายไม่ดี เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยมว้ากกกนอนซมจนไม่อยากลุกไปไหน ผิวก็เหมือนจะอ่อนแอ แต่จะให้ยอมแพ้ก็ไม่ด้ายยย เราต้องสู้! ความจริงคือเราใช้ไล่เรียงรูทีนเป็นเซ็ตเลยนะ แต่ว่าจะขอทยอยหยิบมาบอกต่อกันเรื่อย ๆ และวันนี้ก็ถึงคิวของ 2 ตัวเด็ดสายออร์แกนิค ฝั่งสัญชาติยุโรป กับ Placentor และ La Canopée
ขออวดโฉมให้ทุกคนได้ยลกันก่อน จริงๆ ช่วงหลังๆ นี่อินอะไรกับที่เป็นออร์แกนิคมว้ากกก จะเห็นเลยว่านอกจากเคาท์เตอร์แบรนด์ ตัวที่ใช้เป็นหลักบนโต๊ะนี่แทบจะเป็นเหล่าสกินแคร์ออร์แกนิคจากร้าน All About You เกือบหมด ใช้ของร้านนี้เยอะ FC เลยว่าได้ มีไรใหม่ๆ ก็ต้องลอง เพราะมั่นใจในคุณภาพเขาอะเนอะ และเจ้า 2 ตัวที่เราหยิบมานี้ก็ไม่ใช่ว่า ไก่กาเพราะเขาผ่านการรับรองจาก FDA จากยุโรป ไม่ใช่เรื่องที่จะขอแล้วให้กันได้ง่ายๆ ฮ่าาา เพราะสารบางตัวที่ใช้ในไทยได้ อาจจะใช้กับยุโรปไม่ได้ และผ่านการตรวจแบบเข้มข้นมากจนมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะปลอดภัยและอ่อนโยนกับผิวจริงๆ
La Canopee Super Plants Antioxidant serum (1,790.-)
เซรั่ม Super Plant เนื้อออยล์ที่หน้าตาเหมือนน้ำผัก คุณสมบัติของตัวนี้คือ ช่วยเรื่องป้องกันการเกิดริ้วรอย และสร้างเกาะปกป้องผิวให้แข็งแรง มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ 100% (Green tea ช่วยต้านริ้วรอย / Vitamin E ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว / Rosemaryต้านอนุมูลอิสระและต้านการเติบโตของแบคทีเรีย) ตอนเห็นราคาเทียบกับปริมาณก็แอบคิดๆ อยู่นะ แต่พอดูส่วนประกอบจากธรรมชาติ 100% เป็นสารแอคทีฟเน้นๆ แบบเต็มร้อยก็อะ ลอง!
เนื้อเขาจะเป็นเหมือนกึ่งเจลกึ่งออยล์เบาผิว ซึมไวไม่เหนอะหนะ แต่รู้สึกเลยว่าเนื้อเข้มข้นดี ผิวชั้นนอกรู้สึกเหมือนมีเกราะมาคลุมผิวบางๆ กลิ่นตามสไตล์สกินแคร์ธรรมชาติ ใช้เดี่ยวๆ หลังจากลงเซรั่มเนื้อน้ำ หรือผสมกับครีมตัวล่างที่เรากำลังจะพูดถึงก็ดีมว้ากกก ผิวบอบบางควรใช้คู่กันมากพูดเลย จากช่วงที่ผิวเราอ่อนแอออดๆ แอดๆ เหมือนจะพังแหล่มิพังแหล่ บางวันเหมือนผื่นจะมาเยือนแต่ตั้งแต่ที่ได้ใช้ตัวนี้มาทาเสริมกับตัวอื่นในตอนเช้าแล้วรู้สึกผิวแข็งแรงขึ้นมว้ากกก แถมริ้วรอยบางๆ สำหรับสาววัยใกล้เลข 3 แบบเราก็ดูจะค่อย ๆ จางลงด้วยน้าาา เริ่ดสุดใจ อีกข้อที่สำคัญคือ พวก PM2.5 ถ้าเข้าผิวเห็นเขาว่าจะกลายเป็นแหล่งสะสมสารอนุมูลอิสระทำให้ผิวหมอง ผิวเหี่ยว แต่ตัวนี้คือตอบโจทย์มาก เพราะ anti-oxidant มาแบบจัดเต็ม ต้านผิวเหี่ยวและหมองจากเหล่า PM2.5 ได้แบบเอาอยู่
Placentor Vegetal Regulating Cream (850.-)
ครีมบำรุงผิว ที่เขาว่า ช่วยปรับสมดุลการผลิตน้ำมันของผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ปกติเวลาอ่านคุณสมบัติมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทั่วไปคือ แค่ปรับสมดุลความชุ่มชื้นภายในผิวเฉยๆ แต่ตัวนี้ปรับสมดุลไปยันการผลิตน้ำมันของผิวเลย หื๊อออ นอกจากปรับสมดุลแล้ว คุณสมบัติคือมาแน่นจริงอะไรจริง ช่วยกระชับรูขุมขน ลดปัญหาการเกิดสิว ลดการอักเสบของสิว ลดเลือนรอยแผลของสิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใส ป้องกันและช่วยฟื้นฟูผิวจากมลภาวะต่าง ๆ ส่วนประกอบที่ช่วยบำรุงผิวก็มาไม่น้อย บางตัวเป็น Origine végétale ด้วยจร้าาา
เนื้อครีมเขาชุ่มชื้นแบบเข้มข้นนะ แต่ไม่หนักผิว แอบช่วยดูดซับความมันส่วนเกินด้วย ลดโอกาสเกิดการอุดตัน ผิวผสม-ผิวมันอยากใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมแต่กลัวอุดตัน/สิวขึ้นตัวนี้ถือว่าใช้ได้เลย ใช้ผสมกับตัวบนก็ดี ใช้แบบทาเดี่ยวๆ ก็เริ่ด ผิวอิ่มฟู พวกรูขุมขนคือแน่นเลย ไม่แห้งตึง ตอนนี้เป็นอีกตัวที่เหมือนเป็นสามัญประจำบ้านไปแล้ว เพราะจากที่ผิวอ่อนแอ ตัวนี้ช่วยเสริมความชุ่มชื้น และความแข็งแรงได้แบบปึ้ก แถมพอใช้ติดต่อกันเหมือนผิวปรับสมดุลให้น้ำมันส่วนเกินโผล่ออกมาน้อยลง แบบไม่ทำให้แห้งตึงด้วย
หลงรักสกินแคร์ออร์แกนิคไม่พอ หลงรักต้นไม้ใบหญ้าสรรพสิ่งจากธรรมชาติอีก หันไปเจออะไรเขียวๆ ในห้องแล้วสบายตาจริงๆ น้าาา
วันนี้ก็มาป้ายยาเบา ๆ อยากให้ชาวผิวขี้แพ้ชาวกรุงที่ต้องเจอมลภาวะบ่อยแบบเราได้ไปลองทั้ง 2 ตัวนี้กันจริงๆ ครั้งหน้าจะหยิบตัวเด็ดตัวไหนมาบอกต่อห้ามพลาดจร้าาา รับรองว่า เด็ดจริงอะไรจริง!