รีวิว Clinique Even Better Clinical สูตรใหม่ กับผลลัพธ์ผิวดีขึ้นเกินคาด!

62 14
JEBAN GIVEAWAY / Jeban Surprise Box!

สวัสดีค่ะทุกคน

วันนี้เรากลับมาพร้อมรีวิวที่เชื่อว่าหลายคนกำลังรอคอย


นั่นก็คือ CLINIQUE Even Better Clinical 

 Radical Dark Spot Corrector + Interrupter สูตรใหม่นั่นเอง


ซึ่งเราเป็น 1 ใน 25 ผู้โชคดีที่ทางจีบันส่งมาให้ทดลองใช้ 

ต้องขอบคุณจีบันมาก ๆ เลยค่ะ ที่ส่งน้องเค้ามาให้


เพราะช่วงนี้เรามีปัญหาจุดด่างดำจากสิวหนักมาก พอได้มาเราก็ใช้ทุกวันจนครบ 14 วัน

 ซึ่งผลลัพธ์ที่เรารู้สึกคือเค้าช่วยให้ผิวเราดีขึ้นมากจริง ๆ


โดยขนาดที่เราได้มาคือ 10 ml. เป็นขวดไซส์จิ๋วที่ใช้ได้นาน ตอนนี้ก็ยังไม่หมดค่ะ


เอาเป็นว่าเราไปดูรายละเอียด CLINIQUE Even Better Clinical สูตรใหม่กันก่อน 

ว่ามีการพัฒนาอะไรเพิ่มเติมจากสูตรเดิมมาบ้าง




 CLINIQUE Even Better Clinical 

 Radical Dark Spot Corrector + Interrupter 

( 30ml  2,850 บาท , 50ml  4,100 บาท)  


เซรั่มเข้มข้นสูตรใหม่ ที่ช่วยดูแลจุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ พร้อมรับมือกับจุดด่างดำและความหมองคล้ำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างอ่อนโยนแต่มีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ CL-302 Equalizer Technology ที่เข้มข้นกว่าสูตรเดิมถึง 2 เท่า! และเป็นสูตรที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี  ของ CLINIQUE เลยด้วย


โดย CLINIQUE Even Better Clinical สูตรใหม่ มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วนหลัก ได้แก่


1.CL-302 Complex ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ให้รอยสิวดูจางลง และปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสสม่ำเสมอ ด้วยส่วนประกอบของ 


  • UP302 ที่มีโมเลกุลความกระจ่างใสเข้มข้นขึ้นจากสูตรเดิม

  • กลูโคซามีน (Glucosamine) ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่าเดิม

  • แอสคอร์บิล กลูโคไซด์ (Ascorbyl Glucoside) ช่วยลดเลือนการเกิดจุดด่างดำ

  •  สารสกัดยีสต์ (Yeast Extract) ช่วยให้จุดด่างดำที่เห็นได้ชัดแลดูเล็กและจางลง 

  • กรดซาลิซีลิค (Salicylic Acid) เสริมการผลัดผิวชั้นนอกเพื่อสีผิวแลดูสม่ำเสมอ


2.Interrupter Complex ช่วยรับมือจุดด่างดำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ให้ผิวสุขภาพดี ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ ได้แก่


  • Gyokuro Extract สารสกัดชาเขียวจากประเทศญี่ปุ่น ช่วยปลอบประโลมผิว

  • สารสกัดรากมัลเบอร์รี่ (Mulberry Root Extract)  และ สารสกัดจากรำข้าว (Rice Bran Extract) อุดมด้วยสารแอนตี้ อ๊อกซิแดนซ์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้นเหตุของการเกิดจุดด่างดำ

  • ไดโพแทสเซียม ไกลซิริเซท (Dipotassium Glycyrrhizate) ดูแลผิวจากมลภาวะ 

  • สารสกัดจากผลมะกอก บาร์เลย์ และจมูกข้าวสาลี มอบความชุ่มชื้นให้ผิว


ส่วนประกอบ
Water\Aqua\Eau, Cyclopentasiloxane, Dimethicone, Polysilicone-11, Isododecane, Butylene Glycol, Ascorbyl Glucoside, PEG-10 Dimethicone, PEG-6, Morus Bombycis (Mulberry) Root Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Camellia Sinensis Leaf Extract, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Saccharomyces Lysate Extract, Hordeum Vulgare (Barley) Extract\Extrait D’Orge, Salicylic Acid, Triticum Vulgare (Wheat) Germ Extract, Cholesterol, Oryza Sativa (Rice) Bran Extract, Squalane, Acetyl Glucosamine, Sodium Hyaluronate, Caffeine, Isohexadecane, Betula Alba (Birch) Bark Extract, Trametes Versicolor Extract, Sodium RNA, Glycyrrhetinic Acid, Dimethoxytolyl Propylresorcinol, Di-C12-18 Alkyl Dimonium Chloride, Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure, Caprylyl Glycol, Propylene Glycol Dicaprate, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Polysorbate 20, Tocopheryl Acetate, Polysorbate 80, Tromethamine, Sodium Hydroxide, Hexylene Glycol, Disodium EDTA, Sodium Benzoate, Sodium Metabisulfite, Sodium Sulfite, Phenoxyethanol, Yellow 6 (CI 15985), Yellow 5 (CI 19140)   [ILN46602]

เนื้อสัมผัส


เซรั่มสูตรนี้จะมีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น พอเกลี่ยลงไปบนผิวจะมีสัมผัสลื่นๆ เล็กน้อย แต่ไม่ได้รู้สึกเหนอะหนะ ค่อนข้างซึมลงผิวได้ไว ไม่ต้องรอนาน สามารถลงสกินแคร์ตัวอื่นต่อได้ทันที 


เซรั่มรุ่นนี้ไม่มีน้ำหอม ใช้แล้วสบายใจมาก ไม่ต้องกลัวแพ้เลยค่ะ แล้วเท่าที่ดูส่วนประกอบคิดว่าไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ ค่อนข้างแนะนำสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายและมีรอยจุดด่างดำค่ะ


บรรจุภัณฑ์ก็ใช้ง่าย มีหัวปั๊มและฝาปิดให้ครบแม้ว่าจะเป็นขวดไซส์เล็ก ถือว่าแบรนด์มีความใส่ใจตรงนี้มากๆ ค่ะ



ความรู้สึกหลังใช้


ตอนแรกที่ใช้ บอกตรงๆ ว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากเลย เพราะเรารู้ดีว่า รอยดำมันหายยากมากกก แต่พอลองใช้ไปเรื่อยๆ เราว่าผิวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป คือช่วงแรกรอยช้ำๆ ดูจางลง ผิวไม่อักเสบ 


พอผ่านไปประมาณ 7 วัน รู้สึกว่ารอยดำขนาดเล็กลงเล็กน้อย และเมื่อใช้ครบ 14 วัน รอยดำและรอยแดงดูจางลงไปมาก ถ้ามองผ่านๆ แบบไม่ด้สังเกตอะไร เราก็คิดว่ารอยดำบนหน้าก็ยังเหมือนเดิม เพราะเราปล่อยหน้าสดไปทำงาน ก็ไม่มีใครทักอะไรว่าผิวดีขึ้น 555


แต่ว่าพอเอารูปมาเทียบ มันเห็นได้ชัดมากว่าผิวมันดูดีขึ้นมาจริงๆ จากตอนแรก คืออาจจะไม่ได้จางหายไปจนเรียบเนียนขนาดนั้น แต่ขนาดและความเข้มของรอยดำมันเล็กและจางลงจริง คิดว่าถ้าใช้ต่อเนื่องจะได้ผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนกว่านี้ค่ะ


อธิบายเพิ่มเติมนะคะ เราใช้คู่กับน้ำตบ Vitamin C Rohto Melano CC  ขวดสีเหลืองค่ะ คิดว่าเค้าน่าจะช่วยเสริมประสิทธิภาพกัน เพราะก่อนหน้านี้เราใช้แค่น้ำตบอย่างเดียว รอยดำไม่จางเลย TT

เราขอสรุปผลการทดลองใช้ Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter สูตรใหม่ ว่าเหมาะกับคนที่ผิวมีปัญหาเรื่องจุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว มากๆ ค่ะ


เพราะเค้าช่วยลดเลือนจุดด่างดำเหล่านั้นได้จริง แต่ไม่ได้เห็นผลรวดเร็วขนาดนั้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละคนด้วยนะคะ บางคนอาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็วกว่านี้ก็ได้ แนะนำให้ใช้คู่กับเซรั่มหรอน้ำตบที่มีส่วนผสมของวิตามินซีค่ะ จะได้ช่วยเสริมประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ผิวบอบบาง ผิวแพ้ง่าย ก็แนะนำเลยค่ะ เพราะเราใช้แล้วไม่แพ้ และไม่มีสิวขึ้นเลยระหว่างใช้ตัวนี้ ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมทากันแดดด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นผิวเราก้จะยิ่งคล้ำและเสียหาย แก้ไม่ได้สักที


สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณจีบันอีกครั้งที่ให้โอกาสเราได้ทดลองใช้สกินแคร์ดีๆ แบบนี้ค่ะ


ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่อ่านมาจนจบด้วยนะคะ


ไว้เจอกันใหม่ บ๊ายบาย :)


icecream_pb

icecream_pb

ice :)
Since 1991
.
follow me
FB : icepb place
IG : icepb

FULL PROFILE