[รีวิวเจาะลึก] Even Better Clinical™ Radical Dark Spot Corrector + Interrupter

90 15
WITH <strong>Clinique</strong> / ร่วมงานรีวิวกับแบรนด์ :)
ลองใช้ครบ 14 วันแล้ว รีวิวได้ !!! 


หลังจากที่เราเห็น Clinique Even Better ขวดสวยรุ่นใหม่เต็มหน้ากระทู้จีบัน เราก็เริ่มใจสั่นๆใช่ไหมคะ ?

ดังนั้นใครที่ต้องการรีวิวอยู่ กระทู้นี้โดนัทจะพยายามรวมให้ครบเลยค่า


 เรามาอ่านรีวิว ความรู้สึกหลังจากที่โดนัทใช้  และเรามาดูส่วนประกอบเด็ดๆของ Clinique Even Better Clinical™ Radical Dark Spot Corrector + Interrupter กันเลยค่ะ 


 ด้วยแพคเกจจิ้งฮอโลแกรมแบบใหม่ที่วางหน้ากระจกมุมไหนก็สวย และหาเจอได้ง่ายแน่นอน และเค้ายังมีการปรับความพิเศษขึ้นจากสูตรเดิมอีก (ที่มีชื่อเสียงมากด้านการลดเลือนจุดด่างดำต่างๆอยู่แล้ว) ดังนั้นสูตรนี้เค้าไม่ได้มาเล่นๆแน่นอนค่ะ 


ถ้าใครที่เป็นแฟน Clinique จะต้องเคยเห็นขวด Clinique Even Better แบบเก่าที่มี 2 Chambers แยกกัน เวลากดก็ออกมาจาก 2 Chambers แบบแยกคนละด้าน

แต่สูตรใหม่เค้าได้ปรับให้กลายเป็น Chamber เดียว กดง่าย ใช้ง่าย และควบคุมปริมาณง่ายมากๆค่ะ

#ขวดนี้ดียังไง

ในสูตรนี้จะเน้นหนักด้านปรับให้เฉดผิวดูสม่ำเสมอ รอยดำ และจุดด่างดำต่างๆจางลง 

พร้อมทั้งสกัดกั้นไม่ให้มีการเกิดรอยดำใหม่ได้ง่ายๆ และยังมีส่วนประกอบที่ทำให้ผิวชุ่มชื้น ผิวสงบ ไม่ระคายเคือง  รวมทั้งมีกลุ่มแอนตี้ออกซิแดนท์อีกมากมายค่ะ

#เหมาะกับใคร

 โดนัทคิดว่าเหมาะกับ 

  1. คนที่กังวลเรื่องจุดด่างดำบนผิว ความไม่สม่ำเสมอของผิว เช่น รอยสิว ฝ้าแดด กระแดด 
  2. คนที่รู้สึกว่าผิวดูหมอง ไม่สว่างใส 
  3. คนที่เริ่มรู้สึกว่าผิวดูไม่มีชีวิตชีวา ต้องการไบรท์เทนนิ่ง รวบต้านริ้วรอยในขวดเดียว

#ส่วนประกอบที่ออกฤทธิ์

เรามาดูส่วนประกอบในสูตรกันดีกว่านะคะ 

ชูโรงหลักด้วยส่วนประกอบที่ชื่อว่า  CL-302 Complex และ Interrupter Complex


โดย CL-302 Complex ที่ทางแบรนด์มีข้อมูลว่าประกอบด้วย 5 สารสำคัญ คือ

1. UP302 ที่เป็นสารสกัดจาก Dianella ensifolia (Liliaceae) inci name คือ Dimethoxytolyl Propylresorcinol  ที่มีข้อมูลงานวิจัยว่ามีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีมาก ๆ และมีการศึกษาพบว่า UP302 สามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสได้แบบแย่งจับ โดยพบว่ามีฤทธิ์ดีกว่า Kojic acid ถึง 22 เท่า 
และในการทดสอบกับเซลล์ผิวจำลอง ก็พบว่าที่ความเข้มข้นที่ 0.1% ก็สามารถเห็นผลด้านการลดการสร้างเมลานิน โดยไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใดๆ

ดังนั้นจึงคาดหวังผลด้านการทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น และจุดด่างดำจางลงค่ะ


2. Ascorbyl Glucoside Ascorbyl Glucoside (AA2G)ที่เป็นอนุพันธ์วิตามินซี ที่มีทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ และการศึกษาว่าช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น


3. Acetyl Glucosamine ที่มีข้อมูลด้านการให้ความชุ่มชื้น และมีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว

4. Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดการอุดตัน ซึ่งมีผลดีในด้านการทำให้ผิวหมองคล้ำที่ตายแล้วในชั้นขี้ไคลหลุดออกไปได้ดีขึ้น ผิวจะดูเรียบเนียนกระจ่างใสชัดเจนขึ้น

5. Yeast Extract ที่มีฤทธิ์ที่ดีด้านความกระจ่างใส โดยช่วยยับยั้งการสร้างเมลานิน         นอกจากนั้นยังช่วยพบข้อมูลว่าช่วยให้แผลสมานดี

และอีกส่วนที่สำคัญคือ Interrupter Complex

จากความหมายของ Interrupt = รบกวน   ยับยั้ง และเมื่อดูจากคุณสมบัติของส่วนประกอบส่วนนี้น่าจะเข้ามารบกวน ยับยั้งความเสียหายของผิวจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อม และยังรบกวนกระบวนการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเมลานิน เพื่อผิวกระจ่างใสยาวนาน

โดยใน Interrupter Complex ก็มีส่วนประกอบหลายชนิดอีก นั่นคือ

  1. Camellia Sinensis Extract หรือสารสกัดจากชาเขียว ซึ่งมีข้อมูลจากทางแบรนด์ว่าใช้สารสกัดชาเขียว Gyokuro ซึ่งเป็นชาเขียวที่ถูกเก็บเกี่ยวด้วยมืออย่างพิถีพิถัน และมีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีมากจาก EGCG นั่นเองค่ะ
  2. Mulberry Root Extract ที่ขึ้นชื่อและมีข้อมูลงานวิจัยว่ามีฤทธิ์เป็น Skin Lightening Agent หรือช่วยปรับให้โทนผิวดูอ่อนลง ผิวดูสว่างขึ้น นนออกจากนั้นยังมีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีมาก และมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบด้วย
  3. Rice Bran Extract หรือสารสกัดจากรำข้าว ที่มีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์, Anti-aging และให้ความชุ่มชื้นกับผิว
  4. Glycyrrhetinic acid  ที่เป็นสารออกฤทธิ์จากสารสกัดรากชะเอมเทศ ที่มีข้อมูลว่ามีฤทธิ์ ลดอาการระคายเคืองผิว แอนตี้ออกซิแดนท์และอาจให้ผลด้านความกระจ่างใส


นอกจากนั้นยังสารสกัดอีกมากมายที่มีฤทธิ์เพิ่มความชุ่มชื้น, เสริมสร้าง Skin Barrier และปลอบประโลมผิวอีกด้วยค่ะ 

Texture

เนื้อสัมผัสรู้สึก Rich แต่ไม่หนักผิว เนื่องจากในส่วนประกอบมีกลุ่มที่เติมน้ำมันให้ผิวและเติมความชุ่มชื้นหลายชนิด แต่ตั้งสูตรมาให้บางเบา ไม่หนึบเหนอะหนะผิวด้วยเนื้อเบสน้ำและซิลิโคน ซึ่งเนื้อสัมผัสทาแล้วรู้สึกสบายผิว ไม่เป็นขุยใดๆ  

โดยสามารถใช้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ได้โดยไม่รบกวนรูทีนต่อๆไปเลยค่ะ 

นอกจากนั้นในสูตรไม่มีแอลกฮอล์ และ น้ำหอมด้วยค่ะ 


ผลลัพธ์หลังใช้

โดนัทลองใช้มา 14 วัน โดยงดไวท์เทนนิ่งชิ้นอื่น พบว่าจุดด่างดำจากการกดสิวจางลงค่อนข้างดีมาก 

แต่รอยเก่าๆ ที่มีอยู่แล้ว น่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 รอบการผลัดเซลล์ผิวเก่า นั่นคือ 28 วัน เพื่อให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นจากกระบวนการยับยั้งเมลานิน และผลัดเซลล์ผิวค่ะ 

ซึ่งโดยรวมแล้วโดนัทพอใจมากๆนะคะ 

สรุป

โดนัทรู้สึกว่า    Clinique Even Better Clinical™ Radical Dark Spot Corrector + Interrupter เป็นสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบที่หวังผลชัดเจนด้านการลดความคล้ำ จุดด่างดำ ปรับให้ผิวดูสว่างขึ้น โดยทั้งหมดทั้งมวลก็ยังมีฤทธิ์เพิ่มความชุ่มชื้น, ปลอบประโลมผิว, ลดอาการระคายเคือง, เสริม Skin Barrier และแอนตี้ออกซิแดนท์  

ทำให้นอกจากผิวจะกระจ่างใสเป็นโทนเดียวกันแล้ว ก็ยังแข็งแรง ไม่ระคายเคืองด้วยนั่นเอง 

ส่วนระยะเวลาที่เห็นผลก็น่าพอใจเช่นกันค่ะ 

Note

ในส่วนประกอบมีสีค่ะ 


ราคา 

30 ml 2,850 บาท (วางชายที่ Clinique online, Robinson, Eveandboy, Sephora)

50 ml 4,100 บาท (วางขายที่ Clinique online และ Counter Clinique ทุกสาขา)

หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ขอบคุณที่รับชมค่ะ บ๊ายบาย


donut

donut

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะทุกคน
ชื่อโดนัทนะคะ ชอบอัพเดทเครื่องสำอาง และสกินแคร์
รวมทั้งสารใหม่ๆที่ใช้ผลิตเครื่องสำอาง ?
.
เรื่องเครื่องสำอางและสกินแคร์คือเรื่องถนัดที่สุดในชีวิตแล้ว ? (เรื่องอื่นไม่ได้อะไรแล้ว 55555)
.
ยังไงจะมาอัพเดทบทความสนุกๆบ่อยๆนะค้า ❤️

FULL PROFILE