2ภาพยนตร์Hollywoodดัดแปลงจากมังงะญี่ปุ่น ที่พูดได้คำเดียวว่า"ห่วย"👎
Panchud Thammachat 45 5
สวัสดีค่ะ ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพยนตร์Hollywoodหลายเรื่องมีการดัดแปลงมาจากนวนิยาย,การ์ตูนComic,การ์ตูนทางทีวีฝั่งอเมริกา และเกม และยังมีการRemakeและRebootขึ้นมาด้วย
เมื่อปีที่แล้วเราได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องAlita:Battle Angelในโรงหนัง ซึ่งสำหรับเราที่ไม่เคยอ่านมังงะเรื่องนี้มาก่อนก็เข้าใจ และเนื้อหาในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ค่อนข้างตรงกับต้นฉบับพอสมควร กระแสตอบรับของภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างดีเลยล่ะ
แต่ไม่ใช่กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่หยิบเอามังงะญี่ปุ่นมาทำเป็นภาพยนตร์Hollywoodแล้วกระแสตอบรับดีเหมือนAlita:Battle Angelหรอกนะ นี่คือ2ภาพยนตร์Hollywoodดัดแปลงจากมังงะญี่ปุ่นที่"ห่วยแตก"ที่สุด
1.Dragonball Evolution(2009)
ใครเป็นแฟนๆการ์ตูนเรื่องDragonball เตือนก่อนเลยว่า อย่าดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอันขาด เพราะมัน"ห่วย"มาก
ใครเป็นแฟนๆการ์ตูนเรื่องDragonball เตือนก่อนเลยว่า อย่าดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอันขาด เพราะมัน"ห่วย"มาก
และภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ชีวิตทางการแสดงของพี่Emmy RossomนักแสดงจากThe Day After Tomorrow(2004)และThe Phantom of the Opera(2004)ถึงกับสะดุด รวมไปถึงชีวิตการแสดงของนักแสดงจากฮ่องกงอย่างลุงChow Yun-fat(โจว เหวินฟะ)ก็เป๋ไปด้วย
ซึ่งเราเคยดูภาพยนตร์ทางMONO29บอกเลยว่า แทบจะไม่มีความเป็นการ์ตูนDragonballเลย ทั้งเนื้อหาที่เวิ่นเว้อจนเกินไป ตัวละครเหมือนเอาชื่อมาแปะไว้ เอฟเฟ็คท์ไม่ค่อยโอเค สรุปก็คือ"ห่วย"คำเดียว(เจ๋งอย่างเดียวคือ เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ร้องโดยคุณAyumi Hamasakiนี่แหละ)
หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ลาโรงไปตั้งแต่ปี2009(น่าจะอยู่ในโรงหนังประมาณ1เดือนกว่า) ต่อมาในปี2016 หนึ่งในทีมงานที่เคยทำงานสร้างภาพยนตร์เรื่องDragonball Evolutionก็ออกมายอมรับว่า"มันเกิดเพราะ เขามาร่วมกับภาพยนตร์เพราะธุรกิจและการว่าจ้าง โดยเขาไม่ได้มีความรักหรือความเข้าใจในการ์ตูน ดราก้อนบอลอย่างแท้จริง และมันทำให้เขารู้สึกผิดเพราะผลงานออกมาย่ำแย่หรือเต็มที่ก็แค่พอดูได้ และหากมองในมุมของแฟนๆ เขาเข้าใจว่าหากสิ่งที่คุณรักถูกนำเสนอออกมาได้อย่างน่าผิดหวังมันจะเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากแค่ไหน และเขาออกมาขอโทษ และจะชดเชยด้วยการสร้างผลงานใหม่ๆที่สนุกและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาพอจะทำได้"
ก็นั่นแหละค่ะ สาเหตุที่ภาพยนตร์Dragonball Evolutionห่วยมาก ก็เพราะว่าทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เคยอ่านมังงะหรือดูการ์ตูนDragonballเลย บวกกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหว่างญี่ปุ่นกับ อเมริกา ผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างน่าเกลียด
โดยมังงะDragonballนั้นเขียนเรื่องและวาดโดยลุงAkira Toriyama โดยมังงะเรื่องนี้ตีพิมพ์ในนิตยสารShonen JUMPตอนแรกเมื่อปี1984 รวมเล่มครั้งแรกในปีเดียวกันและตีพิมพ์รวมเล่มทั้งหมด42เล่ม ซึ่งเนื้อเรื่องครอบคลุมตั้งแต่ช่วงสมัยSon Gokuออกผจญภัยครั้งแรกจนถึงตอนที่Son Gokuกู้โลกจากภัยร้ายมาได้
จากนั้นมีการทำเป็นการ์ตูนทางทีวีและภาพยนตร์การ์ตูนจนได้รับความนิยมทั่วโลก
จากนั้นมีการทำเป็นการ์ตูนทางทีวีและภาพยนตร์การ์ตูนจนได้รับความนิยมทั่วโลก
2.Death Note ฉบับภาพยนตร์ทางNetflix(2017)
ส่วนตัวเราคิดว่าDeath Noteฉบับภาพยนตร์ญี่ปุ่นปี2006 เป็น1ใน5ภาพยนตร์ญี่ปุ่นดัดแปลงจากมังงะที่ดีที่สุดสำหรับเรา(ที่เหลือก็มีRurouni Kenshin,Gantz,KiseijuและBakuman.)
เรามาทบทวนกันดีกว่าว่าDeath Noteฉบับภาพยนตร์ปี2006และDeath Note:The Last Name มีใครรับบทเป็นตัวละครอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ส่วนตัวเราคิดว่าDeath Noteฉบับภาพยนตร์ญี่ปุ่นปี2006 เป็น1ใน5ภาพยนตร์ญี่ปุ่นดัดแปลงจากมังงะที่ดีที่สุดสำหรับเรา(ที่เหลือก็มีRurouni Kenshin,Gantz,KiseijuและBakuman.)
เรามาทบทวนกันดีกว่าว่าDeath Noteฉบับภาพยนตร์ปี2006และDeath Note:The Last Name มีใครรับบทเป็นตัวละครอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
Death Note ฉบับมังงะออกตอนแรกในนิตยสารShonen JUMPเมื่อปี2003 และตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มแรกในปีเดียวกัน รวมทั้งหมด12เล่ม เขียนเรื่องโดยTsugumi OhbaและวาดภาพประกอบโดยTakeshi Obata ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นการ์ตูนทางทีวีออกอากาศเมื่อเดือนตุลาคม ปี2006 รวมทั้งสิ้น37ตอน และมีการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น,ซีรีส์ญี่ปุ่น,ละครเวทีเกาหลีใต้และรัสเซีย
แต่ฉบับภาพยนตร์อเมริกันที่ลงให้กับทางNetflixกลับไม่ปังอย่างที่คิด
เราเจอจากคลิปTrailerที่คั่นระหว่างเล่นคลิปจากทางYoutube แค่เห็นแว๊บแรกก็คิดได้เลยว่า"แววแป๊กมาแน่ๆ" และก็เป็นจริงตามนั้น เมื่อทางเว็บไซต์Rotten Tomatoesให้คะแนนรีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงแค่39%เท่านั้น ด้วยเนื้อหาที่ดูเหมือนภาพยนตร์นักเรียนไฮสคูลทั่วไป แทบไม่เหมือนต้นฉบับเลย
และที่สำคัญคือ ตัวละครมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมอเมริกา โดยนักแสดงที่ร่วมแสดงในDeath Noteฉบับภาพยนตร์ทางNetflix มีดังนี้
- น้องNat Wolff(บน)นักแสดงชาวอเมริกันที่แจ้งเกิดจากรายการThe Naked Brothers Bandทางช่องNickelodeonเมื่อปี2007 และมีผลงานภาพยนตร์เอาใจวัยรุ่น เช่นThe Fault in Our Stars(2014)และPaper Towns(2016)
- พี่Keith Stanfield(กลาง)นักแสดงผิวสีชาวอเมริกันที่รับบทเป็นSnoop Doggจากภาพยนตร์เรื่องStraight Outta Compton(2015) และมีผลงานภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Selma(2014),Get Out(2017),Knives Out(2019)เป็นต้น
- น้องMargaret Qualley(ล่าง)นักแสดงชาวอเมริกันที่แจ้งเกิดจากซีรีส์The Leftovers(2014-2017)และเคยร่วมงานในเกมDeath Stranding
ใครที่มีNetflixอยู่บนมือถือกรุณาอย่าดูเรื่องนี้เด็ดขาดค่ะ แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า Bye.
ขอขอบคุณข้อมูลจากWikipedia ขอบคุณภาพบางส่วนจากIMDb
ขอขอบคุณข้อมูลจากWikipedia ขอบคุณภาพบางส่วนจากIMDb