รีวิว Dior Forever Matte Foundation
Uncle Bank 65 18 สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวรองพื้นตัวนึงที่อยู่ใน
My favorite 2019 นั่นก็คือ
Dior Forever
ซึ่งชื่อเต็มๆของเค้าก็คือ
Dior Forever 24 Hr Wear High Perfection Skin-caring Matte Foundation
ชื่อยาวมากกก
ผมใช้มาตลอดปี 2019 ลามปามมาถึงปัจจุบันนี้
เลยมาทำ Full Review ให้ทุกคนดูนะครับ
หากชอบฟังมากกว่า ก็สามารถดูได้ทาวลิงค์นี้ครับ
แต่ถ้าชอบอ่านมากกว่าก็เลื่อนตามลงมาเลยครับ
สภาพผิวของผมเป็นคนผิวมัน มีปัญหาเรื่องรอยแดง รอยสิวนะครับ
จริงๆรองพื้นรุ่นนี้มี 2 สูตร นั่นคือ สูตร Matte และสูตร Glow
ด้วยความที่ผมผิวมันเลยเลือกสูตร Matte มา
โดยขวดจะแตกต่างกันที่การเคลือบแก้วภายนอก รุ่นแมทขวดจะเป็นแบบด้านครับ
คำเคลม
- รองพื้นสูตรติดทนนานที่ช่วยเนรมิตผิวคุณให้เรียบเนียน
- สีผิวสม่ำเสมอตั้งแต่เช้าจรดเย็น
- ติดทนนานสูงสุด 24 ชั่วโมง*
- มอบผลลัพธ์แบบซาตินแมตต์บางเบา
- พร้อมให้การบำรุงดุจสกินแคร์ด้วย SPF 35 PA+++ ที่ปกป้องผิวแห้งเสียจากรังสี UVA และ UVB ปริมาณ: 30 ml.
ราคา : 2,400 บาท
เฉดสีทั้งหมด 28 เฉด แต่เข้าไทย 7 เฉดสี
เฉดสีที่ใช้: N1 (ขาวกว่าผิวของผมเล็กน้อย) ซึ่งถ้าเลือก 2N หน้าจะหมองไปเลย T^T
================================================
Packaging
เป็นขวดแก้วเนื้อด้าน ดูหรูหรา และมีหัวปั้ม ฟีล hi-end น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่น ผู้ชายตั้งบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็ไม่ฟรุ้งฟริ้งเกินไป
กลิ่น
รองพื้นตัวมีกลิ่นน้ำหอม เป็นน้ำหอมผู้หญิงที่ไม่ได้ฉุนแรงจนเกินไป ใครแพ้น้ำหอมแนะนำให้ไปลองเทสดูก่อนนะครับ แต่ผมใช้แล้วไม่แพ้ไม่ระคายเคืองครับ
การปกปิด
Light-Medium ยังไม่ถึงกับ Full พวกรอยบางอย่างก็ยังอยู่นะครับ แต่พวกรอยแดง สีผิวไม่สม่ำเสมอเนี่ย ช่วยได้เยอะเลย
Texture
เป็นเนื้อครีมที่ไม่ได้ไหลย้อย แต่สามารถเกลี่ยได้ง่าย และเบาสบายผิว
สามารถใช้มือเกลี่ยได้เหมือนทาสกินแคร์
หรือจะใช้แปรงหรือฟองน้ำก็ได้เช่นกันแล้วแต่ความชอบเลยครับ
เมื่อเซ็ทตัวรองพื้นจะช่วยให้หน้าดูแมทขึ้น โดยที่ยังดูเป็นผิวอยู่ ไม่ได้แมทแห้ง
แต่เป็นแมทที่ยังมีชีวิตชีวาอยู่
Application
ในการใช้ ผมใช้ครึ่งปั้มก็ทาได้ทั้งหน้าแล้วครับ แต่ถ้าอยากจะเติมก็ปั้มเพิ่มออกมานิ๊ดดดดเดียว เพราะไม่ชอบทามากเกินไป จะดูโป๊ะ
ปล. สีมันดูขาวกว่าผิวเล็กน้อย แต่พอซักพักจะดร่อปมาพอดีกับสีหน้า แต่ปกติแล้วผมจะใช้บรอนเซอร์ทากรอบหน้าแก้ปัญหาหน้าลอยให้อุ่นใจไปอีก1 step นะครับ
==============================================
Wear Test
ในการทดสอบนั้น ผมไม่ได้ใช้ primer หรือเซ็ทด้วยแป้งใดๆเพื่อดูประสิทธิภาพของตัวรองพื้น Dior Forever อย่างเต็มที่
*ขออนุญาตแค๊ปภาพบางส่วนจากในวีดีโอมานะครับ
ผ่านมา 5 ชั่วโมง
หน้าจะมีความมันขึ้นมาเล็กน้อย (วันนั้นผมอยู่ในอากาศร้อนด้วยแหละ)
แต่ไม่เยิ้มนะครับ และหน้าไม่เป็นคราบ ไม่ตกร่อง
ผ่านมาเกือบ 12 ชั่วโมง
หน้าผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น บวกกับอากาศที่ร้อนมากๆของวันนั้น
เลยอยู่ในสภาพนี้ แต่รองพื้นตัวนี้ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้นเลยนะครับ
วันที่ไม่ทาสภาพจะแย่กว่านี้ด้วยซ้ำ ฮ่าๆ
แต่!!!
รองพื้นยังอยู่ ถึงแม้จะเลือนไปเล็กน้อย แต่ผิวยังดูดี
ผมว่าพอผสมกับน้ำมันบนหน้าแล้วดูเป็นธรรมชาติขึ้น ดูเป็นงานผิว
และไม่แยกชั้น ไม่คราบ ไม่สังขยา ไม่ตกร่อง และไม่หนักหน้าเหมือนใส่หน้ากาก
(จะหนักนิดหน่อยเพราะหน้ามันของผมเอง)
จริงๆถ้าเซ็ทแป้งก็จะดีขึ้น แต่ส่วนตัวผมจะไม่เซ็ทแป้งกับรองพื้นตัวนี้
เพราะเนื้อเค้าแมทกำลังดีอยู่แล้ว
บวกกับชอบเอฟเฟคความฉ่ำกำลังดีหลังความมันจากผิวซึมออกมา
ระหว่างวันถ้าเกิดว่ารู้สึกวาวไปก็จะซับหน้าเอา ผิวก็กลับมาผ่องเหมือนเดิม
ข้อดี
- เบาสบายผิว
- เนื้อแมทที่ยังดูเป็นธรรมชาติ
- ติดทนตลอดวัน
- เกลี่ยง่าย
- การปกปิดดี (ในระดับที่ยังดูเป็นผิว)
- ไม่สังขยา ไม่หน้ากาก
- เบลอรูขุมขนได้ดี
- มีกันแดดในตัว
- ผู้ชายใช้แล้วรอด
ข้อเสีย
- เฉดสีในไทยมีไม่ครบไลน์
- ราคาสูง (แต่เทียบคุณภาพกับปริมาณในการใช้แล้ว ถือว่าคุ้มค่า)
- สีมีการ Oxidize เล็กน้อย ซึ่งสำหรับผมคือจะลงมาพอดีสีผิว
===========================================
สรุป
รองพื้น Dior Forever Matte Foundation เป็นรองพื้นเนื้อแมทที่ผมชอบมากกกกก มากกกกกกกกก มากกกกกก
ตัวนึงเลยครับ สำหรับวันไหนที่อยากจะผิวเป๊ะ ก็คือจะหยิบเค้ามาใช้
เพราะผิวที่ได้จะดูดีในแบบที่ยังเป็นธรรมชาติอยู่
และสามารถใช้ได้ดีกับสภาพอากาศของประเทศไทย
ตัวนี้อาจจะไม่เหมาะกับ Everyday makeup ของผม
แต่ใครที่ต้องแต่งหน้าทำงาน ตัวนี้ผมแนะนำเลยครับ
บางวันที่ผมอยากจะได้ลุ๊คสบายๆ ก็ตะกดมานิดนึงผสมกับกันแดด
กลายเป็น Tinted Moisturizer ทำให้ได้ลุ๊คปรับผิวนิดๆแบบดูไม่โทรม
หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจซื้อรองพื้นให้กับเพื่อนๆนะครับ
แล้วเจอกันใหม่ครับ
