เรื่องราว Romance ของเจ้าชายผู้หล่อเหลาจากหน้าประวัติศาสตร์

62 9

เรื่องราว Romeo & Juliet ที่จบแบบ happy ending ในราชวงศ์ German




คุณอาจจะเป็นอีกคนที่คุ้นเคยกับการ์ตูน Manhwa เกาหลีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวโรมานซ์ของเจ้าชายเจ้าหญิงและขุนนางชนชั้นสูงแห่งดินแดนตะวันตก นักประพันธ์หลายคนรับเอาแรงบันดาลใจจากราชวงศ์ยุโรปมาสร้างผลงานที่สนุกสนานจนผู้อ่านติดกันงอมแงม และพล็อทประเภท "เจ้าชายและเจ้าหญิงจากอาณาจักรที่เป็นคู่อริกลับตกหลุมรักกันซะเอง" อาจจะไม่่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในโลกแห่งนิยายเลบ



แต่ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์แห่งชาติที่เคยมีอิทธิพลล้นเหลืออย่าง Prussia ก็เคยเรื่องความรักหักมุมไม่ต่างจากในนิยายมาแล้ว


ก่อนที่จะเป็นประเทศ Germany ในทุกวันนี้ ราชอาณาจักร Prussia ได้ทำศึกสงครามมามากมายเพื่อรวบรวมอำนาจการปกครองเหนือรัฐ German ที่ตั้งกระจัดกระจายให้เป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ Hohenzollern และเมื่อได้รับชัยชนะทั้งทางการทูตและสงครามก็ผนวกเอารัฐต่างๆเพื่อก่อตั้งจักรวรรดิ German ภายใต้การนำของPrussia รวมไปถึงการเอาชนะ Austria ซึ่งก็ถือว่าเป็นรัฐเยอรมันในช่วงเวลานั้น แต่นั่นก็ได้สร้างข้อขัดแย้งกับอาณาจักร Hanover ที่เคยเข้าเป็นฝ่ายเดียวกับ Austria แม้จะถูกผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร Prussia แล้ว แต่ก็ตอบโต้ "ความกระด้างกระเดื่อง" ของ Hanover ด้วยการถอดถอนสิทธิการปกครองรัฐจากกษัตริย์ George ที่ 5 แห่ง Hanover และแต่งตั้งเชื้อพระวงศ์จาก Prussia ไปทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน


และนั่นคือจุดเริ่มต้นความบาดหมางระหว่างสองราชวงศ์

ชายหนุ่มที่มีแววตาคมปลาบในภาพคือ Ernest Augustus ดยุค แห่ง Brunswick ทายาทเพียงผู้เดียวแห่งมกุฏราชกุมารแห่ง Hanover แม้จะมีฐานันดรสูงส่งสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร แต่ความขัดแย้งทางการเมืองทำให้พระองค์เป็นเพียงประมุขของราชวงศ์ Hanover มิสามารถขึ้นครองราชย์ตามสิทธิ์ที่สืบทอดมาหลายชั่วคน แม้เสด็จพ่อของพระองค์จะไม่ละความพยายามเจรจากับสภาผู้แทนรัฐแห่งจักรวรรดิ Germany เพื่อทวงอำนาจการปกครองดินแดนคืน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด และกลายมาเป็นความบาดหมางที่สร้างรอยร้าวที่อาจจะยากที่จะประสาน


จนกระทั่งเจ้าชายรูปงามได้มาพบกับพระราชธิดาเพียงหนึ่งเดียวขององค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ Germany


เจ้าหญิง Victoria Louise แห่ง Prussia



เธอคือเจ้าหญิงผู้มีรูปลักษณ์อันงดงามจนโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิ และได้รับพระนามตามสมเด็จพระราชินี Victoria ผู้ทรงอิทธิพลแห่งสหรราชอาณาจักรซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปัยยิกา (หรือคุณทวด )

*  หากจะนับญาติของเชื้อพระวงศ์ยุโรปในประวัติศาสตร์จะอีรุงตุงนังไปหมดค่ะ  การอภิเษกในเครือญาติเคยเป็นเรื่องปกติสุดๆ  นั่นเป็นเพราะ ความรักต้องรักษาสายเลือดขัตติยะไม่ให้มีสามัญชนมาเจือปน  รวมถึงการแภิเษกทางการเมืองเพื่อลดทอนอำนาจของชาติคู่แข่ง   ต่างจากปัจจุบันที่เชื้อพระวงศ์จะมีคู่เป็นสามัญชนเป็นเรื่องปกติ
เจ้าหญิงเป็นราชธิดาองค์เล็กแห่งราชวงศ์ที่ทรงอำนาจแห่งยุโรป  หลังจากที่พระจักรพรรดิและพระจักรพรรดินีทรงให้กำเนิดราชโอรสถึง 6 พระองค์ติดต่อกันกฌได้สมพระทัยกับพระราชธิดาผู้งดงาม    เหมือนกับเรื่องราวในละคร  เจ้าหญิงกลายเป็นคนโปรดของเด็จพ่อและทรงชเพลิดเพลินกับการเป็นศูนย์กลางความสนใจจากคนรอบข้าง  
คุณอาจจะสังเกตเหมือนกันว่า ภาพของเจ้าหญิงจะดูสดใสมากกว่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายที่มักจะวางพักตร์เย็นชาไร้ความรู้สึก   พระเชษฐาทรงยอมรับว่ามีเพียงเจ้าหญิงเท่านั้นที่สามารถเอาชนะพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงขึงขังหนักแน่นจากภาระหน้าที่ของผู้นำผู้เฉียบขาด   หากจะให้คาดเดา   ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จแม่ย่อมต้องตั้งพระทัยเพื้อเฟ้นเลือกคู่ครองที่คู่ควรสมพระเกียรติเจ้าหญิงองค์เล็กผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วยุโรป  แต่ก็อาจไม่คาดคิดว่า  ชายผู้คู่ควรนั้นจะเป็นทายาทแห่งราชวงศ์ที่บาดหมางกันมาหลายสิบปี
ประมุขแห่งราชวงศ์ Prussia จะทำอย่างไรเมื่อทรงพบว่า  พระราชธิดาได้พบรักกับ Ernest Augustus  โอรสองค์สุดท้ายที่ยังมีชีวิตของมกุฎราชกุมารไร้บัลลังก์แห่ง Hanover ซึ่งถูกจักรวรรดิ Germany ถอดถอนสิทธิ์การขึ้นครองราชย์ไปนั่นเอง 


หลังจากอุบัติเหตุที่ทำให้เชษฐาของเจ้าชายจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ Germany ได้ทรงส่งสารแสดงความเสียพระทัยกับความสูญเสียที่ร้ายแรงนี้ ส่งผลให้มกุฎราชกุมารแห่ง Hanover ผู้เป็นเสด็จพ่อชองเจ้าชายได้ลดทิฐิลง และส่งทายาทเพียงหนึ่งเดียวมาเป็นผู้แทนพระองค์เพื่อแสดงความซาบซึ้งที่ Berlin และมันกลายมาเป็นสถานที่ต้นรักได้งอกงามขึ้นมา

เจ้าชายได้พบกับเจ้าหญิงองค์แห่งราชวงศ์ Prussia และพัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วจนสร้างความวิตกในกลุ่มคนใหญ่คนโต และมีการต่อต้านความรักของทั้งสอง โดยเฉพาะพระเชษฐาผู้เป็นมกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิ Germany ที่ไม่เห็นด้วยที่พระขนิษฐาจะเสกสมรสออกไปอยู่กับราชวงศ์ที่มีความขัดแย้งที่ฝังลึกมานาน และยังปรารถนาจะให้ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของ Hanover ยุติการอ้างสิทธิ์การปกครองรัฐ


นั่นจึงสร้างความเชื่อว่า ความรักของพวกเค้าตั้งอยู่บนผลประโยชน์ทางการเมือง มิได้เกิดจากความเสน่หาเต็มร้อย



แต่ในบันทึกของเต้าหญิงได้ระบุไปอีกอย่าง


ความขัดแย้งได้สร้างข้อถกเถียงในเรื่องความสัมพันธ์ของคู่รักราชนิกูลแห่งสองอาณาจักรมาเป็นเดือนๆ    ในที่สุดก็ได้มีการประกาศ royal wedding ที่อลังการด้วยแขกผู้ทรงเกียรตินับพันคน และมีเชื้อพระวงศ์ผู้ปกครองประเทศมหาอำนาจในยุโรปมาร่วมพิธีอย่างคับคั่ง


การสมรสครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ช่วยยุติข้อพิพาทระหว่าง Prussia และ Hanover แต่ก็ทำให้เกิดเสียงซุบซิบตามมาว่า หรือนี่จะเป็นแผนจับคู่ในรูปแบบการแต่งงานการเมืองที่ไร้ความรักมาเกี่ยวข้อง แต่ในภายหลังก็มีการเปิดเผยเนื้อหาในจดหมายของเจ้าหญิงว่า พวกเค้าคือคู่รักกันจริงๆ มิได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยผลประโยชน์



Royal ครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งใน event ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ Prussia   สร้างเสียงกล่าวขานไปทั่วยุโรปและข้ามทวีปไปยังถึงอเมริกา      มีราชอาคันตุกะอย่างกษัตริย์และราชินีแห่งสหราชอาณาจัก  ซาร์และซาริซ่าแห่ง Russia มาร่วมแสดงความยินดี  รวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงมากหน้าหลายตา




บางคนอาจจะคิดว่า เหตุใดจักรดิพรรดิแห่งจักรวรรดิที่ทรงอำนาจจึงยอมรับการสมรสของราชธิดากับเจ้าชายแห่งอาณาจักรที่มีสถานะเปรียบเหมือนเมืองขึ้น ที่ผ่าน เจ้าหญิงที่เป็นทายาทโดยตรงของผู้ปกครองแผ่นดินมักจะถูกกำหนดให้เสกสมรสกับเจ้าชายจากประเทศมหาอำนาจด้วยกัน แต่นั่นก็อาจจะสอดคล้องกับเสียงกล่าวขานเรื่องความรักขององค์จักรพรรดิที่มีต่อราชธิดา ว่ากันว่าทรง "สปอยล์" เจ้าหญิงองค์เล็กมาโดยตลอด และไม่อาจจะฝืนพระทัยเรื่องการเลือกคู่ชีวิต



อาจจะฟังดู  happy ending มากๆค่ะ   ทั้งคู่ใช้ชีวิตสามีภรรยาจนความตายได้มาพรากจากกัน    ดยุคแห่ง  Hanover จากโลกนี้ไปด้วยวัย 65  ทำให้เจ้าหญิงครองตัวเป็นม่ายถึง 23 ปี  แต่ก็ยังได้มีชีวิตอยู่เป็นประจักษ์พยานในเส้นทางที่ก้าวไปสู่บัลลังก์ราชินีแห่งประเทศ Greece ของพระธิดา  นั่นก็คือ เจ้าหญิง Frederica   ซึ่งอาจจะจะมีความหมายต่อราชวงศ์แห่ง Hanover ไม่น้อย    ซึ่งเป็นเพราะว่า  เพียงสิบสี่เดือนหลังจากที่จัด royal wedding อย่างใหญ่โตสมพระเกียรติ  จักรวรรรดิ Germany ก็ได้เข้าร่วมต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 1และเป็นฝ่ายปราชัย  ส่งผลให้พระจักรดิพรรดิต้องสละบัลลังก์ เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงต่างต้องระเห็จไปลี้ภัยที่ต่างประเทศ   รวมถึงดยุคที่ต้องสละอำนาจการปกครองอาณาจักร Hanover    แม้จะยังมีเงินทองและอสังหาริมทรัพย์เป็นปราสาทสวยหรูเป็นที่อยู่อาศัย   แต่ราชวงศ์ต้องสูญเสียอย่างมากมายจากความพ่ายแพ้นี้    ยังไม่เพียงเท่านั้น สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้นมาอีก   ภาพแห่งความหรูหราฟุ้งเฟ้อของผู้สูงศักดิ์จึงเลือนหายไปจนกระทั่งสงครามยุติลง   


ช่วงบั้นปลายของสามีภรรยาผู้สูงศักดิ์ที่เคยถูกยกให้เป็น Romeo และ Juiet


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE