โศกนาฏกรรมความรักของราชนิกูล

56 11

อุบัติเหตุที่ได้พรากพระราชินี Astrid ไปจาก Belgium



เธอคือเจ้าหญิงที่จากราชวงศ์Bernadotte แห่ง Sweden ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ระดับสูงที่มีรูปโฉมงดงามที่สุด แต่เส้นทางชีวิตกลับไม่ได้เต็มไปด้วยความหรูหราฟุ้งเฟ้อดังที่หลายคนจินตนาการ แม้จะเป็นถึงนัดดาแห่งกษัตริย์Oscarที่2แห่งSweden แต่วิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงส่งผลให้ครอบครัวผู้สูงศักดิ์ต้องสูญสิ้นสมบัติพัสถานไปมากมายและต้องใช้ชีวิตอย่างสมถะผิดแผกไปจากภาพของเชื้อสายเจ้าแผ่นดินราชวงศ์อื่น


ชื่อเสียงเรื่องคุณสมบัติอันเพียบพร้อมของเจ้าหญิง Astrid ทำให้เธอถูกวางตัวให้เป็นว่าที่คู่หมายของมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ ( ดยุคแห่ง Windsor ผู้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ที่สละราชสมบัติเพื่อเสกสมรสกับหญิงม่ายชาวอเมริกัน จนพระเชษฐาต้องกลายมาเป็นกษัตริย์ นั่นคือ พระเจ้าจอร์จที่ 6 พระบิดาแห่งสมเด็จพระราชินี Elizabethที่ 2 ที่ทรงครองราชย์จวบจนปัจจุบัน คงคุ้นเคยจากเรื่อง The Criown แล้วนะคะ) รวมไปถึงเจ้าชาย Alexander แห่ง Denmark ที่กลายมาเป็นกษัตริย์แห่ง Norway ในเวลาต่อมา


แต่ว่าที่พระสวามีตัวจริงกลับเป็นเจ้าชาย Leopold แห่ง Belgium พร้อมกับการยืนยันจากกษัตริย์และราชินีแห่ง Belgium ว่า  นี่ไมใช่การคลุมถุงชนอภิเษกเพื่อหวังผลทางการเมือง    (  อันเป็นเรื่องแสนจะปกติของราชวงศ์ยุโรปมาหลายชั่วคน)  แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความรัก!

เมื่อมกุฎราชกุมารผู้หล่อเหลาตกหลุมรักเจ้าหญิงที่ได้รับสมญานามว่าเป็น "หงส์ขาวแห่งดินแดนเหนือ"  ก็อาจจะเปรียบเทียบได้ว่า ทั้งสองพระองค์สมกันราวกันกิ่งทองใบหยก   

การคัดเลือก "ว่าที่ราชินีแห่ง Belgium" ไม่ใช่เรื่องที่ที่ใช้เวลาพิจารณาในห้องประชุมก็หาข้อสรุปได้ เสด็จแม่ของมกุฏราชกุมารต้องเสด็จไปหลายแห่งในยุโรปเพื่อดูตัวว่าที่สะใภ้หลวง และทัวร์ครั้งก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อทรงได้พบกับเจ้าหญิงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับโอรสที่จะขึ้นครองราชย์ในอนาคต และยิ่งโสมนัสมากขึ้นไปอีกเมื่อได้พบว่า ราชนิกูลหนุ่มสาวได้ตกหลุมรักกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ราชวงศ์ Belgium ชื่นชมชายาของมกุฎราชกุมารมากถึงขนาดที่ไม่คิดจะกดดันให้พระองค์เข้าสู่นิกาย Catholic ดังที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่เป็นตัวเจ้าหญิงเองที่ตัดสินพระทัยเข้าศาสนาของราชวงศ์ที่เป็นครอบครัวใหม่ในเวลาหลายปีต่อมา


มีเสียงเล่าลือกันว่า ในขณะที่ทั้งสองพระองค์ได้ใช้เวลาฮันนีมูนที่ฝรั่งเศส ก็ได้ออกมาร่วมเที่ยวชมบ้านเมืองปะปนกับสามัญชนคนอื่นๆ โดยไม่มีใครสังเกต และแสดงความหวานไม่แตกต่างจากคู่แต่งงานหมาดๆทั่วไป


ชาว Belgian ตั้งฉายาให้เจ้าหญิง Astrid ว่า  "เจ้าหญิงหิมะ"  จากพื้นเพมาตุภูมิในยุโรปเหนือ รวมไปถึงรูปโฉมที่โดดเด่นของพระองค์ด้วยค่ะ



ในยุคที่มีคาบเกี่ยวกับสงคราม เจ้าหญิงในยุโรปหลายคนจะได้รับการในสาขาวิชาสังคมสงเคราะห์เพื่อปูรากฐานของกรณียกิจช่วยเหลือมวลชน เจ้าหญิง Astrid ก็เช่นกัน นอกจากจะดำรงภาพลักษณ์ทั้ง "เจ้าหญิง"และ "พระมารดา" ในอุดมคติ ยังทรงดำเนินโครงการต่างๆเพื่อช่วยเหลือเด็กๆและผู้ยากไร้จนได้รับความนิยมล้นหลาม เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพระราชินีก็ยิ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนที่มั่นใจว่า ราชินี Astrid จะเป็นคู่คิดของกษัตริย์ Leopold เพื่อนำประเทศพ้นวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำไปได้




แต่อุบัติเหตุร้ายแรงก็พรากราชินีผู้งดงามจากไปในวัยเพียง 29 ชันษา เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนจิตใจชาว Belgium และกลายเป็นข่าวใหญ่ในหลายประเทศ ความสูญเสียนี้เกิดขึ้นระหว่างทริปส่วนพระองค์ในประเทศ Switzerland เมื่อกษัตริย์ Leopold ทรงขับรถเพื่อไปปีนเขาโดยมีพระราชินีนั่งเคียงข้างมาด้วย และรถได้เสียหลักพุ่งชนต้นไม้


พระราชินี Astrid สิ้นพระชนม์ทันที...

พยานในเหตุการณ์ได้เล่าว่า   กษัตริย์ Leopold ที่ทรงบาดเจ็บเล็กน้อยได้กอดร่างไร้วิญญาณของราชินีและร้องเรียกชื่อพระองค์สุดเสียง

ไม่แค่เพียงเป็นอุบัติเหตุสุดช็อคที่ถูกตีข่าวไปหลายประเทศ  แต่ประชาชนใน Belgium และ Switzerland ต้องโศกเศร้าเป็นยิ่งนัก ส่วนกษัตริย์ Leopold ที่ทรงได้รับบาดเจ็บไม่หนักหนาสาหัสนักต้องเผชิญกับเสียงโจมตีจากประชาชนว่า เป็นต้นเหตุของความสูญเสียนี้

นั่นอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ประชาชนมีความนิยมต่อกษัตริย์ Leopold ลดน้อยลงอย่างฮวบฮาบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หกปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระราชินีผู้สมบูรณ์แบบ องค์ประมุขของประเทศก็ตัดสินพระทัยเสกสมรสกับหญิงสามัญชนอย่างลับๆระหว่างที่อยู่ในช่วงการเป็นเชลยสงครามของพรรคนาซีแห่งจักรวรรดิ Germany เมื่อได้ประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เสียงตอบรับจากประชาชนกลับไม่ได้เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดีเหมือนการเสกสมรสครั้งแรก ผู้คนมากมายรู้สึกเหมือนถูก "หักหลัง" ทรงเลือกมีชายาใหม่ในขณะที่ประเทศต้องผจญกับวิกฤติสงครามและยังโศกเศร้ากับอุบัติเหตุของราชินี Astrid รวมถึงสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์หนุ่มอย่างรุนแรง

แม้สงครามจะจบสิ้นลงด้วยความพ่ายแพ้ของนาซี แต่ก็ยังมีกระแสการต่อต้านอยู่มากมาย รวมไปถึงข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงว่า กษัตริย์ทรงทรยศประเทศและพันธมิตรจากการประกาศยอมแพ้โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล Belgium จึงไม่เป็นที่ต้อนรับจากประชาชนอีกต่อไป โดยที่มีการแต่งตั้งพระอนุชาคือ เจ้าชาย Charles ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน



วันเวลาผ่านพ้นไปไม่กี่ปี กษัตริย์ Leopold Belgium ทรงแสดงเจตจำนงในการหวนคืนมาตุภูมิ แต่ก็ต้องผ่านเงื่อนไขว่า ต้องได้รับเสียงโหวตส่วนใหญ่จากประชาชนว่าเห็นด้วยในการเสด็จกลับ และผลการโหวตค่อนข้างใกล้เคียง แม้เสียงข้างมากจะเห็นด้วย แต่นั่นก็ได้ปลุกความไม่พอใจจากประชาชนขึ้นมาอีกครั้ง พระองค์ต้องพบกับกลุ่มประท้วงและการนัดหยุดงานที่บานปลายไปจนมีผู้เสียชีวิตสังเวยเหตุจลาจล ในที่สุดพระองค์ก็ทรงประกาศสละราชสมบัติเพื่อสืบต่อการครองราชย์ไปยังพระโอรสองค์แรกที่มีวัยเพียง 20 ชันษา


มีผู้ที่เปรียบเทียบเรื่องราวอันน่าเศร้าของราชินี Astrid กับอุบัติเหตุที่พรากชีวิตของเจ้าหญิง Diana เพราะหลังจากที่สิ้นพระชนม์ ความนิยมของนราชวงศ์ก็ตกต่ำลง จากธรรมชาติของผู้คนที่เมื่อเกิดความโศกเศร้าแล้วต้องการหาใครสักคนมาแสดงความรับผิดชอบต่อความสูญเสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระประมุขแห่งราชวงศ์Windsor เช่นกัน สำหรับกษัตริย์ Leopold นั้น แม้ไร้เรื่องนอกใจฉาวโฉ่     แต่การแอบเสกสมรสใหม่ในช่วงที่บ้านเมืองระส่ำระสายจากข้าศึกที่รุกรานนั้นทำให้ประชาชนรู้สึกเจ็บแค้นใจ  จากชีวิตนับหมื่นที่ต้องสังเวยสงครามและยังถูกจับไปเป็นเชลยนับแสน   ทางเลือกนี้จึงทำให้ชื่อเสียงจากความดีงามที่ผ่านมาเสียหายไป    แม้จะมีประชาชนที่สนับสนุนพระองค์อยู่   แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการกลับคืนประเทศอย่างฮีโร่สงครามอย่างที่พระองค์ทรงคาดหวัง  และจำพระทัยสละบัลลังก์   ทำให้บางคนมีความเชื่อว่า  หากพระราชินี Astrid  ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่   ภาพพจน์ของกษัตริย์ Leopold คงไม่ตกต่ำมากมายถึงเพียงนี้  


จบจ้า


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE