La Mer The Treatment Lotion น้ำตบสาหร่ายมหัศจรรย์เพื่อผิวฉ่ำน้ำ
Wave1992 62 17
สวัสดีครับ วันนี้เวฟจะมารีวิวโลชั่นน้ำตบขวดเขียวภายใต้แบรนด์สุดรักอย่าง La Mer แน่นอนจะเป็นตัวไหนไปไม่ได้ ต้องยกให้ La Mer The Treatment Lotion
คำเตือน "วงการลาแมร์เข้าแล้วออกยาก" เวฟไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ได้ค่าจ้าง เวฟแค่ใช้แล้วดีเลยมาบอกต่อ ขออนุญาตเน้นย้ำว่า การรีวิวเป็นแค่ความคิดเห็นจากผู้ใช้เท่านั้นครับ เวฟใช้จริง แล้วเห็นผล วันนี้เลยขอหาข้อมูล จัดทำรีวิวแบบเข้มข้นให้ได้อ่านกัน
La Mer The Treatment Lotion เป็น 1 ในผลิตภัณฑ์ขายดีของทางแบรนด์และเวฟมองว่าราคาจับต้องและเข้าถึงได้ง่ายที่สุดครับ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีลักษณะเป็นโลชั่นเนื้อเบาติดหนืด ใช้สำหรับเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าครับ
มาดูกันที่คำเปรยจากทางแบรนด์ลาแมร์ครับ “This super hydrator optimizes the rest of your La Mer regimen. Like "liquid energy", this fast-absorbing treatment delivers an instant rush of hydration to visibly soften, nourish, and improve texture and even tone.”
เวฟแปลประมาณว่า สุดยอดผลิตภัณฑ์เสริมความชุ่มชื่นเสมือน “แหล่งพลังงานเหลว” ที่ซึมทราบลงสู่ผิวได้รวดเร็ว เพิ่มความชุ่มชื่น นำไปสู่ผิวที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
ก่อนเข้าสู่เนื้อหารีวิวจริงจัง ขอเกริ่นก่อนว่าสภาพผิวของเวฟ เป็นคนผิวมัน ขาดน้ำ เป็นสิวง่าย มีรอยดำและหลุมสิวครับ
มาดูกันว่าโลชั่นตัวดังตัวนี้มีอะไรที่น่าสนใจ สามารถช่วยให้ผิวหน้าของเวฟดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง
วิเคราะห์ให้ถึงเครื่อง
บรรจุภัณฑ์ : โลชั่นบรรจุในขวดพลาสติกชนิดแข็งสีเขียว มีความใสแต่ทึบแสงอยู่บ้าง ซึ่งช่วยลดการเสื่อมคุณภาพของโลชั่นจากแสงได้ ตัวฝามาในลักษณะการเปิด - ปิดแบบหมุน มีรูหยดขนาดมาตราฐาน ส่วนตัวเวฟชอบสีของขวดผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มากครับ
สี : เนื้อโลชั่นเป็นสีใสครับ ไม่มีส่วนผสมของสี
กลิ่น : โลชั่นตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอมครับ กลิ่นแบบน้ำทะเล และก็มีความหอมแนวหวานๆแบบดอกไม้
ส่วนผสมที่ใช้แต่งกลิ่น Fragrance, Limonene, Geraniol, Linalool, Hydroxycitronellal และ Citronellol
เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อโลชั่นใส มีความหนืดเล็กน้อย ทาลงบนผิวให้ความชุ่มชื่น ไม่ทิ้งความมัน ซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดี ได้ฟิลชุ่มชื่นทันทีหลังการใช้
วิธีการใช้ : ใช้ทาเช้า - เย็น หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า ถ้ามีการใช้โทนเนอร์ก็ใช้หลังลงโทนเนอร์ ใช้น้ำตบนี้เป็น First Care เพื่อเตรียมผิวหน้าก่อนลงเซรั่มและครีมบำรุงครับ หากใครต้องการใช้เป็นวิธีการเช็ดก็สามารถหยดโลชั่นลงบนสำลีให้ชุ่ม แล้วเช็ดเบาๆทั่วผิวหน้าครับ
Tip --> ก่อนทาโลชั่นให้วอร์มที่ฝ่ามือก่อน แล้วค่อยๆประคบกดๆลงบนผิว ใช้การกดลงไปแทนการทาครับ (เวฟใช้วิธีนี้ครับ หยดลงฝ่ามือแล้วประคบเบาๆ)
สารประกอบสำคัญ :
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ (Free Alcohol)
: สารสกัดจากสาหร่ายทะเลซีเคลป์ มีส่วนสำคัญในการปลอบประโลมผิว เพิ่มความชุ่มชื่น และสมานแผล
: เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
: เพิ่มความชุ่มชื่น ลดการขาดน้ำ
: แร่สังกะสี มีส่วนในการยับยั้งการเกิดสิว และลดการอักเสบของผิว
, Glycine Soja (Soybean) Seed Extract และ Caffeine : 3 สารตัวเด่นที่จะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระของผิว ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย
**ตัว Soybean ยังช่วยเรื่องความกระจ่างใสและการปลอบประโลมด้วยครับ
: สารต่อต้านอนุมูลอิสระ
Niacin (VitaminB3) : ตัวนี้ช่วยเรื่องจุดด่างดำความกระจ่างใส ใส่มาไม่มาก จึงอย่าคาดหวังเยอะ
Sea Salt : ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ปลอบประโลมผิวหนังได้
Eucalyptus Globulus (Eucalyptus) Leaf Oil : ลดการเกิดแบคทีเรียชั้นผิวหนัง
Sodium Hyaruronate : สารเพิ่มความชุ่มชื่นในตระกูล Hyaluron
Plankton Extract: มีโปรตีนและเอมไซม์ ที่เชื่อว่าดีต่อผิว ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว
, Butylene Glycol, Tourmaline, Alcaligenes Polysaccharides และ Disodium EDTA : สารประกอบสร้างความข้นหนืดให้กับตัวโลชั่นครับ
Jojoba Wax PEG-120 Esters : น้ำมันโจโจ้บาชนิดแวกซ์ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นต่อผิว ตัวนี้อาจจะก่อการอุดตันบนผิวหน้าได้
Copper Gluconate: แร่ทองแดง ที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวที่ถูกทำลายจากมลภาวะต่างๆ
สารก่อความระคายเคืองผิว :
โลชั่นขวดนี้มีน้ำหอมตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น และก็มีการใช้สารกันเสีย ได้แก่ Potassium Sorbate และ Phenoxyethanol
ผลลัพธ์จากการทดลองจริง : หลังจากทาโลชั่นลงบนผิวทันที จะสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย ชุ่มชื่น แม้โลชั่นจะค่อนข้างหนืดแต่ทาแล้วซึมแห้งดี ได้ความสบายผิวครับ หลังจากใช้มาประมาณ 6 เดือน เวฟสังเกตว่าผิวหน้าเป็นสิวได้ยากขึ้น มีความยืดหยุ่นของชั้นผิวดี แบบนุ่มชุ่มชื่นครับ สำหรับเวฟโลชั่นตัวนี้ดีและจะซื้อใช้ต่อครับ สิ่งที่ไม่ชอบก็คือส่วนผสมของน้ำหอมที่ใส่มาเยอะมาก และสารกันเสีย ใครที่มีผิวแพ้ง่าย ถ้าอยากลองใช้ เวฟแนะนำให้ไปขอเทสเตอร์จากเค้าเตอร์แบรนด์มาลองก่อนครับ เพราะสารระคายเคืองก็เยอะพอสมควร
สุดท้ายนี้ เวฟหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ เวฟตั้งใจมาก อยากถ่ายทอดประสบการณ์ตรงให้กัน ใครมีข้อคิดเห็นหรือคำถาม เวฟยินดีรับฟังนะครับ อยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็บอกกันได้
ขอบคุณครับ
คำเตือน "วงการลาแมร์เข้าแล้วออกยาก" เวฟไม่ได้มาโฆษณาชวนเชื่อ ไม่ได้ค่าจ้าง เวฟแค่ใช้แล้วดีเลยมาบอกต่อ ขออนุญาตเน้นย้ำว่า การรีวิวเป็นแค่ความคิดเห็นจากผู้ใช้เท่านั้นครับ เวฟใช้จริง แล้วเห็นผล วันนี้เลยขอหาข้อมูล จัดทำรีวิวแบบเข้มข้นให้ได้อ่านกัน
La Mer The Treatment Lotion เป็น 1 ในผลิตภัณฑ์ขายดีของทางแบรนด์และเวฟมองว่าราคาจับต้องและเข้าถึงได้ง่ายที่สุดครับ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีลักษณะเป็นโลชั่นเนื้อเบาติดหนืด ใช้สำหรับเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้าครับ
มาดูกันที่คำเปรยจากทางแบรนด์ลาแมร์ครับ “This super hydrator optimizes the rest of your La Mer regimen. Like "liquid energy", this fast-absorbing treatment delivers an instant rush of hydration to visibly soften, nourish, and improve texture and even tone.”
เวฟแปลประมาณว่า สุดยอดผลิตภัณฑ์เสริมความชุ่มชื่นเสมือน “แหล่งพลังงานเหลว” ที่ซึมทราบลงสู่ผิวได้รวดเร็ว เพิ่มความชุ่มชื่น นำไปสู่ผิวที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
ก่อนเข้าสู่เนื้อหารีวิวจริงจัง ขอเกริ่นก่อนว่าสภาพผิวของเวฟ เป็นคนผิวมัน ขาดน้ำ เป็นสิวง่าย มีรอยดำและหลุมสิวครับ
มาดูกันว่าโลชั่นตัวดังตัวนี้มีอะไรที่น่าสนใจ สามารถช่วยให้ผิวหน้าของเวฟดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง
วิเคราะห์ให้ถึงเครื่อง
บรรจุภัณฑ์ : โลชั่นบรรจุในขวดพลาสติกชนิดแข็งสีเขียว มีความใสแต่ทึบแสงอยู่บ้าง ซึ่งช่วยลดการเสื่อมคุณภาพของโลชั่นจากแสงได้ ตัวฝามาในลักษณะการเปิด - ปิดแบบหมุน มีรูหยดขนาดมาตราฐาน ส่วนตัวเวฟชอบสีของขวดผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มากครับ
สี : เนื้อโลชั่นเป็นสีใสครับ ไม่มีส่วนผสมของสี
กลิ่น : โลชั่นตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอมครับ กลิ่นแบบน้ำทะเล และก็มีความหอมแนวหวานๆแบบดอกไม้
ส่วนผสมที่ใช้แต่งกลิ่น Fragrance, Limonene, Geraniol, Linalool, Hydroxycitronellal และ Citronellol
เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อโลชั่นใส มีความหนืดเล็กน้อย ทาลงบนผิวให้ความชุ่มชื่น ไม่ทิ้งความมัน ซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดี ได้ฟิลชุ่มชื่นทันทีหลังการใช้
วิธีการใช้ : ใช้ทาเช้า - เย็น หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า ถ้ามีการใช้โทนเนอร์ก็ใช้หลังลงโทนเนอร์ ใช้น้ำตบนี้เป็น First Care เพื่อเตรียมผิวหน้าก่อนลงเซรั่มและครีมบำรุงครับ หากใครต้องการใช้เป็นวิธีการเช็ดก็สามารถหยดโลชั่นลงบนสำลีให้ชุ่ม แล้วเช็ดเบาๆทั่วผิวหน้าครับ
Tip --> ก่อนทาโลชั่นให้วอร์มที่ฝ่ามือก่อน แล้วค่อยๆประคบกดๆลงบนผิว ใช้การกดลงไปแทนการทาครับ (เวฟใช้วิธีนี้ครับ หยดลงฝ่ามือแล้วประคบเบาๆ)
สารประกอบสำคัญ :
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ (Free Alcohol)
: สารสกัดจากสาหร่ายทะเลซีเคลป์ มีส่วนสำคัญในการปลอบประโลมผิว เพิ่มความชุ่มชื่น และสมานแผล
: เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
: เพิ่มความชุ่มชื่น ลดการขาดน้ำ
: แร่สังกะสี มีส่วนในการยับยั้งการเกิดสิว และลดการอักเสบของผิว
, Glycine Soja (Soybean) Seed Extract และ Caffeine : 3 สารตัวเด่นที่จะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระของผิว ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย
**ตัว Soybean ยังช่วยเรื่องความกระจ่างใสและการปลอบประโลมด้วยครับ
: สารต่อต้านอนุมูลอิสระ
Niacin (VitaminB3) : ตัวนี้ช่วยเรื่องจุดด่างดำความกระจ่างใส ใส่มาไม่มาก จึงอย่าคาดหวังเยอะ
Sea Salt : ช่วยยับยั้งแบคทีเรีย ปลอบประโลมผิวหนังได้
Eucalyptus Globulus (Eucalyptus) Leaf Oil : ลดการเกิดแบคทีเรียชั้นผิวหนัง
Sodium Hyaruronate : สารเพิ่มความชุ่มชื่นในตระกูล Hyaluron
Plankton Extract: มีโปรตีนและเอมไซม์ ที่เชื่อว่าดีต่อผิว ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว
, Butylene Glycol, Tourmaline, Alcaligenes Polysaccharides และ Disodium EDTA : สารประกอบสร้างความข้นหนืดให้กับตัวโลชั่นครับ
Jojoba Wax PEG-120 Esters : น้ำมันโจโจ้บาชนิดแวกซ์ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นต่อผิว ตัวนี้อาจจะก่อการอุดตันบนผิวหน้าได้
Copper Gluconate: แร่ทองแดง ที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวที่ถูกทำลายจากมลภาวะต่างๆ
สารก่อความระคายเคืองผิว :
โลชั่นขวดนี้มีน้ำหอมตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น และก็มีการใช้สารกันเสีย ได้แก่ Potassium Sorbate และ Phenoxyethanol
ผลลัพธ์จากการทดลองจริง : หลังจากทาโลชั่นลงบนผิวทันที จะสัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย ชุ่มชื่น แม้โลชั่นจะค่อนข้างหนืดแต่ทาแล้วซึมแห้งดี ได้ความสบายผิวครับ หลังจากใช้มาประมาณ 6 เดือน เวฟสังเกตว่าผิวหน้าเป็นสิวได้ยากขึ้น มีความยืดหยุ่นของชั้นผิวดี แบบนุ่มชุ่มชื่นครับ สำหรับเวฟโลชั่นตัวนี้ดีและจะซื้อใช้ต่อครับ สิ่งที่ไม่ชอบก็คือส่วนผสมของน้ำหอมที่ใส่มาเยอะมาก และสารกันเสีย ใครที่มีผิวแพ้ง่าย ถ้าอยากลองใช้ เวฟแนะนำให้ไปขอเทสเตอร์จากเค้าเตอร์แบรนด์มาลองก่อนครับ เพราะสารระคายเคืองก็เยอะพอสมควร
สุดท้ายนี้ เวฟหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ เวฟตั้งใจมาก อยากถ่ายทอดประสบการณ์ตรงให้กัน ใครมีข้อคิดเห็นหรือคำถาม เวฟยินดีรับฟังนะครับ อยากให้ปรับปรุงตรงไหนก็บอกกันได้
ขอบคุณครับ