เพื่อนๆทุกคนล้วนแล้วแต่อย่างมี

 “ผิวขาว” และ “ผิวกระจ่างใส” กันใช่ไหมคะ 

แต่สิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เจว่าคือการที่มี “ผิวแข็งแรง” ค่ะ เพราะสิ่งสำคัญของการมีผิวสวยสุขภาพดีได้นั้น ก็คือการที่มีผิวแข็งแรง เราจะไม่สามารถมีผิวขาว หรือกระจ่างใสได้เลย หากผิวเรายังไม่แข็งแรงมากพอ

แล้วคำว่า “ผิวแข็งแรง” ที่ว่านั้นคืออะไร ?

แล้วผิวแบบไหนที่เรียกได้ว่าเป็นผิวที่แข็งแรง ?

วันนี้เจก็มีข้อมูลดีดีพร้อมผลิตภัณฑ์ดีดีมาแชร์เพื่อนๆค่ะ

1. มี Skin Barrier ที่แข็งแรง

ผิวภายนอกของเราจะมี Skin Barrier ไว้คอยปกป้องผิวเรา เปรียบเหมือนป้อทปราการป้องกันผิว ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ Skin Barrier ก็เหมือนกับก้อนอิฐกับปูน ก้อนอิฐก็เหมือนเซลล์ผิวของเรา ส่วนปูนก็คือมอยเจอร์ไรส์เซอร์ ที่ทำหน้าที่ให้อิฐหรือเซลล์ผิวยึดติดกัน ไม่ให้เกิดช่องโหว่ ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้สิ่งสกปรก หรือแบคทีเรียภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้ยาก และในขณะเดียวกันก็กักเก็บความชุ่มชื้นภายในผิวไม่ให้รั่วไหลออกไป ว่าง่ายๆ ก็คือ ป้องกันไม่ให้สิ่งที่ไม่ดีเข้ามา และไม่ปล่อยให้สิ่งดีๆ หลุดออกไป พอผิวมีกลไกเช่นนี้ สุขภาพผิวที่ดีก็จะตามมาหาเราค่ะ

2. ผิวที่มีความชุ่มชื้น

ผิวที่แข็งแรงจะเป็นผิวที่ไม่ขาดน้ำ มีมอยเจอร์ไรส์เซอร์ และสามารถกระตุ้นการสร้างมอยเจอร์ไรส์เซอร์ได้เอง ไม่ต้องคอยพึ่งการเติมเต็มอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิวดูชุ่มชื้น เปล่งปลั่งอยู่เสมอ

3. สัมผัสเนียนนุ่ม

พอเอามือไปสัมผัสผิวหน้า ถ้าเรามีสภาพผิวที่แข็งแรง เราจะสัมผัสได้ถึงความเนียนนุ่ม ไม่หยาบกร้านของผิว ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พอเรามีผิวที่แข็งแรง ผิวเราก็สามารถเก็บความชุ่มชื้นของผิวไว้ได้ ซึ่งช่วยทำให้ผิวเรามีความเนียนนุ่มขึ้น

4. ไม่ค่อยมีปัญหาผิว

ปัญหาผิวเรื้อรัง ที่รักษาไปเท่าไหร่ก็กลับมาเป็นซ้ำอยู่ดี ซึ่งหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวเรามีปัญหาอยู่เรื่อยๆ ไม่จบสิ้นสักที ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งแตก ผิวมันเยิ้ม ผิวแพ้ง่าย หรือเรื่องปัญหาสิว นั่นก็คือ การที่เรามีผิวที่อ่อนแอนั่นเอง ปัญหาพวกนี้จะลดลงถ้าเรามีผิวที่แข็งแรงขึ้น เพราะว่าสิ่งสกปรก แบคทีเรียต่างๆ จะเข้าถึงชั้นผิวเราได้ยาก ก็เลยทำให้คนที่มีผิวแข็งแรง สุภาพผิวดี ไม่ค่อยเจอกับปัญหาผิวบ่อยๆ ค่ะ

ผิวที่แข็งแรงนั้นสำคัญมากๆเลยใช่ไหมคะเพื่อนๆ และถ้าหาใครที่ติดตามเจมา ก็จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้เจมีปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นสิวที่เกิดจากมลภาวะ การระคายเคืองจากการใส่ Mask จากนั้นตามมาด้วยผิวที่มีริ้วรอยจากการเกิดสิว ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น ซึ่งโดยพื้นฐานเจเป็นคนผิวแห้งแพ้ง่ายค่ะ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เจมองหาและเลือกใช้ในช่วงนี้ ก็ยังคงเน้นในกลุ่มที่ให้ความชุ่มชื้น และเพิ่มเติมคือฟื้นฟูและซ่อมแซมให้ผิวแข็งแรงค่ะ

วันนี้เจได้มีผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Dr.Jart+ เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนรู้จักกันดี เพราะเขามีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวต่างๆให้เลือก โดยวันนี้เจเลือกหยิบเอาหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเป็นตัวช่วยเสริมผิวแข็งแรงให้เจนั้นก็คือ Dr.Jart+ Cicapair Toner Tonique

Dr.Jart+ Cicapair Toner Tonique

โทนเนอร์สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย 

 ช่วยปลอบประโลมผิวบางบางแพ้ง่าย 

 ช่วยฟื้นฟูผิวที่มีปัญหา 

 ปรับสภาพผิวให้สมดุล 

​

ไม่มีผสมของแอลกอฮอล์

แล้ว Cica คืออะไร ?

Cica หรือใบบัวบก พืชสมุนไพรที่คนไทยหลายคนคุ้นเคยกันนั่นแหระค่ะเพื่อนๆ ส่วนชื่อว่า Cica นั้นมาจากชื่อวิทยาศาสตร์  Centella Asiatica ที่บางที่ก็เรียกติดปากว่า Tiger Grass นอกจากนี้น้องยังเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อทั้งในจีน เกาหลี และทั่วเอเชียมาตั้งแต่โบราณโดยเฉพาะเรื่องรักษาบาดแผล อาการอักเสบ และผิวไหม้ ไม่แปลกใจที่สมุนไพรพื้นบ้านเอเชียอย่างใบบัวบกจะกลายเป็นกระแสฮอตในวงการบิวตี้ทั่วโลก

และในยุคนี้ที่ Cica ถูกนำไปวิจัยและศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ จนค้นพบว่าน้องช่วยปลอมประโลมและรักษาผิวที่ระคายเคืองได้แบบดีเริ่ดด โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายหรือที่เป็นสิวก็เหมาะสุดๆ นั่นก็เพราะใน Cica มีทั้งกระอะมิโน เบต้าแคโรทีน วิตามินซี, เอ, บี 1 และ 2 รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบูสท์คอลลาเจนให้ผิวแบบดีเวอร์ ( สรรพคุณของเขานี่สุดยอดจริงๆเลยใช่ไหมคะเพื่อนๆ )

Dr.Jart+ Cicapair Toner Tonique 

เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในไลน์ Cicapair โดยมีส่วนผสมหลักที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dr.Jart+ อย่าง Centella Asiatica (หรือ Tiger Grass) ซึ่งมาในรูปแบบขวดพลาสติกสีเขียวแบบ Cica หรือใบบัวบกนั่นเองค่ะ มีขนาด 150 ml

Texture

เนื้อผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นน้ำสีใส ไม่มีกลิ่น เมื่อสัมผัสกับผิวแล้วให้ความรู้สึกนุ่ม ลื่นผิว หลังใช้ให้ผิวที่มีความชุ่มชื้นขึ้นทันที

วิธีใช้งาน

 

หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า ให้เท Cicapir Toner ลงบนแผ่นสำลีและเช็ดเบา ๆ บนใบหน้าและลำคอ ในตอนเช้า-เย็น 

ความรู้สึกหลังใช้

เจชอบมากๆค่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยใช้ผลิตภัณฑ์ตัว Cicapair Serum และ Cicapair Calming Gel Cream ก็ประทับใจมากๆแล้ว และสำหรับตัว Cicapair Toner

1. เรื่องความชุ่มชื้น : หลังใช้แล้วรู้สึกทันที่เลยค่ะว่า เขายังคงความชุ่มชื้นของผิวเราอยู่ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง และเหมือนว่าเขาจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย

2. เรื่องการความสะอาด : เขาเป็นโทนเนอร์ที่สามารถทำความสะอาดผิวตั้งแต่การเช็ดหน้าในครั้งแรกพร้อมกับการปลอบประโลมผิว และไม่ทำให้ผิวแห้งตึงไม่ว่าจะใช้เช็ดทำความสะอาดกี่ครั้ง
   

3. เรื่องความอ่อนโยน : ด้วยเขาไม่มีส่วยผสมของแอลกอฮอล์จึงทำให้ เขาไม่ทำให้มีการแสบหรือระคายผิว ทั้งผิวที่เป็นสิวหรือผิวแพ้ง่ายคะ สัมผัสของเขาคือสบายผิวและลื่นผิวดีมากๆ

4. เรื่องความปลอบประโลมผิว : จากที่เจใช้มาสักพัก ในช่วงที่เป็นสิวบ้างและอย่างตอนนี้ที่เกิดสิวด้วยวันนั้นของเดือน เขาก็ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีค่ะ ลดการอักแสบของสิวที่เป็นหัวหนอง และลดสิวผดได้ดี

5. เรื่องความแข็งแรงของผิว : ในหัวข้อนี้เจคิดว่าต้องขอให้เวลาสักระยะในการพิสูจน์ความเปลี่ยนแปลงของผิว แต่เบื้องต้นจากที่ได้ลองใช้มาสิ่งที่เห็นชัดคือเรื่องความชุ่มชื้น ความอ่อนโยน ความปลอบประโลมผิว และไม่ทำให้เจมีปัญหาผิวเพิ่มขึ้นค่ะ

6. เรื่องความคุ้มค่า : ในปริมาณ 150 ml ราคา 1,000 บาท ( เจซื้อในช่วงโปรโมชั่นในราคา 760 บาท ) ถือว่าคุ้มค่าสำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยเสริมให้ผิวแข็งแรงตั้งแต่ขั้นตอนทำความสะอาดผิวเพื่อให้พร้อมแก่การลงบำรุงในลำดับต่อไป  

หากเพื่อนคนไหนสนใจหาซื้อได้ตามช่องทางของ 

Sephora / Lazada /  Shopee เลยนะคะ 

สุดท้าย ผลลัพท์ขึ้นอยู่แต่ละสภาพผิว และอยากบอกว่าเจไม่ใช่คนผิวดี แต่พยายามดูแล เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับปัญหาผิวของตัวเองมากที่สุด และอยากบอกต่อสิ่งดีดีให้เพื่อนอีกหลายๆคนพร้อมเป็นกำลังใจแก้ไขปัญหาผิวไปด้วยกัน 

ขอขอบคุณบ้านจีบันหลังนี้ที่อบอุ่นและให้พื้นที่ดีดีตรงนี้เสมอ :  )

ไว้เจอกันใหม่น๊าทุกคน

ดูแลสุขภาพร่างกายอย่างดีแล้ว

อย่าลืมดูแลสุขภาพผิวกันด้วยนะคะ