น้อนขนต้องหยุด หยุดโดยไม่มีอะไรมากั้น!!! ถึงร้านจะปิดแต่เรายังต้องสวยโดนไม่มีขน

ฮาโหล...ทุกคน กักตัวมาเกือบ 2 เดือน ใครมีปัญหาเรื่องน้องขนกันบ้าง ต้องบอกก่อนว่าปกติเรากับเพื่อนจะมีร้านประจำที่จะไปแว็กซ์ขนใต้วงแขน ขนขา รวมไปถึงส่วนบิกินี่ แต่ร้านต้องปิดเพราะสถานการณ์โควิดไง งอแงใครก็ไม่ได้เลยเดือดร้อนหาซื้อครีมมาลองทำกันเองนะ วันนี้เลยถือโอกาสมาเม้าท์มอยถึงประสิทธิภาพของครีมทั้งหมดให้ฟังกันจ้าาา

เริ่มที่ Farbera เป็นแผ่นแว๊กซ์ขนสำหรับขาและลำตัว ซื้อลองเพราะบอกว่าใช้ง่ายเหมือนผู้เชี่ยวชาญมาแว็กซ์ให้ถึงบ้าน มีส่วนผสมของน้ำผึ้งช่วยบำรุงพร้อมกำจัดขนในคราวเดียว วิธีทำอยู่ด้านหลังซอง ใช้มือถูกแว็กซ์เพื่ออุ่น 3 วินาที แล้วดึงแว็กซ์แยกออก ลูบแผ่นแว็กซ์ลงไปตามแนวเส้นขนให้แนบสนิท มือนึงจับปลายแว็กซ์ อีกมือคอยจับผิวให้ตึง แล้วก็ดึงจ้า

หลังใช้ยังมีขนเหลืออยู่ต้องเก็บด้วยแหนบอีกรอบ ยังมีคราบแว็กซ์ทำให้ขนเหนียว ถอนแล้วขาดกลางเส้นได้ เจ็บซ้ำไปอีก จากความคิดที่ว่าแว๊กซ์ร้านไม่ได้ทำเองก็คงเหมือนกันแหล่ะ แต่ไม่จ้าเราคิดผิดทำเองเจ็บกว่าเยอะ ทำข้างที่ไม่ถนัดลำบากสุด ร้องไห้ T^T แถมแว็กซ์ซ้ำได้แค่ 2 ครั้งก็หายเหนียวดึงขนไม่หลุดแล้ว

เมื่อแผ่นแว๊กซ์ดูท่าจะไม่ได้ผลตอนดึงน้อนขนบิกินี่คงลำบากน่าดู...ทางเลือกต่อไปคือครีม ส่งเข้าประกวดด้วยกัน 3 แบรนด์จากคนรอบตัว  หลอดแรกเลย Veet แบรนด์ตลาดที่ทุกคนรู้จักกันดี มีหลายสูตรให้เลือกแต่เหลือบไปเห็นว่าของน้องสาวมีอยู่ เลยว่าขโมยมาลองก่อนถ้าติดใจแล้วค่อยซื้อเอง ๕๕๕

หลอดที่สอง Mistine Easy out ส่งเข้าประกวดจากสาวมิสทินข้างบ้านป้ายยามาให้ลอง

หลอดสุดท้าย Ha-mo-i อ่านดีๆ นะ ฮาโมอิ ไม่ใช่ ฮามอย หลอดนี้เพื่อนเราหิ้วมาเองจากบ้าน หลังจากโทรไปบ่นว่าร้านประจำน่าจะปิดอีกนานขนเริ่มยาวแล้วทำไงดี นางก็ถือติดมือมาให้ลองถึงบ้านแถมยังโดนเราลากมาเป็นหนูทดลองอีกน

มาดูที่เนื้อครีมก่อนกัน

Veet: เนื้อครีมสีขาวนวล นุ่ม ละเอียด ไม่หนืดมีความลื่นพอๆ กับโลชั่น กลิ่นฉุนนิดนึง

Mistine: เนื้อครีมสีขาว เนื้อแน่น แทบไม่ได้กลิ่นเลย 

Ha-Mo-I: เนื้อครีมสีชมพู กลิ่นหอม มีหนืดหน่อยๆ 

ให้คะแนนกลิ่นที่ชอบสุด Ha-Mo-I > Mistine > Veet

ว่าแล้วก็อย่ารอช้ามาเล่นกันเถอะ ด้วยแขกรับเชิญพิเศษน้องขาของเพื่อนเราเอง เปรียบเทียบง่ายๆ ให้เห็นภาพพร้อมกันทั้ง 3 ตัวไปเลยนะ

ให้คะแนนการทาง่ายสุด Veet > Mistine > Ha-Mo-I 

จากเนื้อครีมที่บอกไปก่อนหน้านี้อ่ะ ทำให้ตัว Veet ทาง่ายสุดแล้วก็ใช้เนื้อครีมเยอะสุดเช่นกัน เราว่าไม่เหมาะกับทาบริเวณเยอะๆ เพราะเปลือง แต่ไม่ใช่ว่า Mistine กับ Ha-Mo-I จะทายากนะทาง่ายเหมือนกันแค่มีความหนืดกว่านิดเดียว ส่วนตัวเราชอบไม่ไหลเลอะเทอะดี

หลังจากผ่านไป 5 นาที อยากให้ซูมดูความหยิกงอของน้อนขน จริงๆ ระยะเวลาที่ทิ้งไว้ของแต่ละตัวจากต่างกัน Veet ใช้เวลา 3-6 นาที Mistine ใช้เวลา 5-10 นาที และ Ha-Mo-I ใช้เวลา 10-15 นาที เพื่อความเท่าเทียมเรื่องเวลาและอยากเห็นผลลัพธ์ รวดรัดเวลาปาดออกตอน 5 นาทีเลยนะ Veet กับ Mistine มีที่ปาดมาในกล่อง ให้ปาดย้อนขนของเราไม่ใช่ว่าปาดเบาๆ สวยๆ แล้วหลุดนะ มันต้องลงน้ำหนักด้วยนิดนึง ขนถึงจะหลุดออก แถมออกไม่หมดด้วยให้ความรู้สึกเหมือนโกนเลย ส่วน Ha-Mo-I ให้ใช้ผ้าชุปน้ำอุ่นเช็ดนะ กลายเป็นออกง่ายเฉย ไม่ต้องออกเลยถู ดีเฉยจ้าาา

ให้คะแนนขนหลุดเยอะสุด Ha-Mo-I > Veet > Mistine

มาให้คะแนนโดยร่วมกัน

Farbera: ให้ 7/10 ขนหลุดยันตอจริงแล้วก็เจ็บจริงไม่ใช่สแตนอิน แถมข้างที่ไม่ถนัดดึงลำบากสุดๆ ต้องมีคนทำให้อ่ะ งั้นก็รอร้านเปิดน่าจะง่ายกว่า ประหยัดกว่าซื้อมาทำด้วย

Veet: ให้ 7/10 ขนหลุดออกเยอะจริง หักความกลิ่นฉุนและความแสบคันหลังใช้ ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม แต่เรากับเพื่อนเป็น ถ้าใครทนเรืองกลิ่นกับแสบได้ลองเลยเพราะขนหลุดดีนะ แต่ถึงจะมีสูตรอ่อนโยนก็ไม่กล้าลองแล้วจ้าาา

Mistine: ให้ 8/10 ถ้าเป็นขนอ่อนหลุดง่ายเราโอเค แต่พอเป็นขนที่แข็งเส้นใหญ่ขึ้นหน่อย ไม่หลุดนะ เหลือเป็นตอไว้ด้วย กลิ่นดี ไม่แสบ

Ha-Mo-I: .ให้ 9/10 เลยได้ไหม ส่วนตัวเราชอบนะ ทั้งเรื่องกลิ่น ไม่แสบผิว แถมยังกำจัดขนเส้นหนาๆ ได้อีกลองขาเพื่อนแล้วเลิศ เลยเอาไปลองส่วนอื่นๆ อย่างใต้วงแขนกับบิกินี่คือดี ใส่ชุดว่ายน้ำได้แบบมั่นหน้าไม่ต้องกลัวน้อนขนโผล่ แอบให้คะแนนเพิ่มด้วยตรงมีวิตามิน E ช่วยขัดเซลล์ผิวออก และทำให้ผิวขาวขึ้นนิดนึง ส่วนที่หักคะแนนไปคือเรื่องความหนืดกับหาซื้อยากมีแค่ในเน็ต เคยเห็นแว๊บๆ ใน shopee ลองไป search ดูได้น้าาา 

เอาเป็นว่าช่วงรอร้านเปิดหรือขี้เกียจไปร้านก็หาหยิบครีมต่างๆ มาใช้ไปก่อนนะจ๊ะ วันเปิดร้าน พนง.จะได้ไม่ต้องตกใจว่าทำไมปล่อยให้ยาวจนถักเปียได้ขนาดนี้ หรือถ้าใครมีตัวไหนดี ตัวไหนเด็ดมาเม้นท์บอกกันบ้างนะ เรากับเพื่อนได้ซื้อมาลองกันจ้า