Morning Skincare ผิวผสม มีสิว ฉบับอยู่บ้านสบายๆ
nuengst
65
14
WITH <strong>Fyne</strong> / เนื้อหานี้มีแบรนด์ที่ร่วมงานอยู่
กลับมาพบกับการรีวิวสกินแคร์กันบ้างนะครับ ครั้งนี้ก็มาอัพเดทสกินแคร์ที่ใช้ตอนเช้าในช่วงนี้กันหน่อย เพราะไม่ได้รีวิวมานานมาก บอกเลยว่าจัดเต็ม! ถ้าพร้อมแล้วมารับชมกันเลยครับ
สภาพผิวของเราในช่วงนี้ยังมีความผิวผสมเหมือนเดิม มันเฉพาะบริเวณทีโซน บริเวณยูโซนค่อนข้างปกติ ไม่คอยแห้งและไม่ค่อยมัน ผิวขาดน้ำบ้างในบางช่วง และมีสิวขึ้นนิดหน่อย นานๆ ขึ้นทีครั้งละ 1-2 เม็ดเล็ก
Fyne Gentle Facial Cleansing Gel
เริ่มในขั้นตอนแรกเลยกับการล้างหน้า ในช่วงเช้าที่ไม่ได้มีอะไรมากอยู่บนหน้าเท่าไหร่ เราก็จะเลือกใช้ในรูปแบบเจลล้างหน้า ซึ่ง Fyne ก็ตอบโจทย์มากๆ มีฟีลลิ่งที่ดี ฟองไม่มากไม่น้อยไป ล้างแล้วไม่เอี๊ยด ไม่แห้งตึง ลดความมันได้ และมีกลิ่นเล็กน้อยจากส่วนผสม ทางด้านส่วนผสมเองก็เหมาะกับผิวแพ้ง่าย มีสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerine, Sodium Hyaluronate และ Allantoin ปราศจาก SLS, SLES, แอลกอฮอล์, ซิลิโคน, น้ำหอม, สี, พาราเบน, Mineral Oil เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่ทำให้แพ้ได้เลยแหละ
Innisfree Jeju Pomegranate Revitalizing Toner
หลังจากล้างหน้าแล้วก็ตามด้วยโทนเนอร์ สำหรับเราคิดว่าเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจำเป็นเลย เหตุผลหลักๆ คือ ช่วยผลัดเซลล์ผิวไปในตัวจากการใช้สำลีเช็ด และเป็นการรีเช็คความสะอาดอีกขั้นตอน ซึ่งในช่วงนี้ก็จะใช้โทนเนอร์ของ Innisfree สูตรนี้มีส่วนผสมจากน้ำทับทิมและน้ำมันเมล็ดทับทิม ช่วยให้ผิวเปล่งประกาย และ anti oxidant ด้วย โทนเนอร์อันนี้จะเป็นน้ำหนืดๆ คล้ายเจล แต่เช็ดแล้วไม่เหนอะ ไม่เหนียว มีกลิ่นหอมเบาๆ จากส่วนผสมน้ำหอม จากการใช้มานานประมาณนึง ยังไม่รู้สึกถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากนัก แต่ในเรื่องของฟีลลิ่งที่ดี และการรีเช็คความสะอาดคือดีมากครับ
La Mer The Treatment Lotion
หลังจากเช็ดโทนเนอร์แล้วก็ตามด้วยน้ำตบ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงอยู่กับน้ำตบ La Mer เหมือนเดิมครับ รีวิวไปบ่อยมาก ใช้จริง ชอบจริง ไปลองน้ำตบอื่นมาก็ต้องกลับมาตัวนี้อยู่ดี จนตอนนี้จะหมดขวดแล้ว มีส่วนผสมจาก Miracle Broth ที่ได้จากการหมักบ่มของสาหร่าย Sea Kelp และส่วนผสมอื่นๆ จากธรรมชาติ ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว ฟื้นฟูผิว น้ำตบจะมีความหนืดๆ เหมือนกับโทนเนอร์ Innisfree ด้านบนเลย ซึ่งไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเร็ว ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก ลดความแดงจากการกดสิวได้ดี ที่สำคัญคือกลิ่นที่หอมตามสไตล์ La Mer ฟีลลิ่งดีมากครับ
Clinique iD dramatically different moisturizing tone-up gel
ในส่วนของความชุ่มชื้นยังไม่จบแค่น้ำตบ เราจะทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยคุมมันอีกขั้นตอนด้วยครับ ซึ่ง Clinique iD สูตรนี้ก็ตอบโจทย์เรามากในช่วงนี้ นอกจากจะให้ความชุ่มชื้น คุมมันได้ในระดับนึงแล้ว ยังช่วยปรับให้ผิวดูสว่าง กระจ่างใสแบบธรรมชาติขึ้นทันทีหลังทา คนที่ผิวคล้ำก็สามารถใช้ได้ ใครที่ยังมีการ work from home ต้องวิดีโอคอล ใช้ตัวนี้แล้วหน้าไม่หมองในกล้องแน่นอน! มีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น อย่างเช่น Sodium Hyaluronate, Glycerin, สารสกัดจากแตงกวา เป็นต้น แต่ในส่วนของบูสเตอร์สีเขียว สูตร Delicate Skin เราไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ครับ
Fyne Acne Gel
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วกับเจลแต้มสิวนั่นเองครับ ขั้นตอนนี้สำหรับคนเป็นสิวเน้นๆ เลยครับ สำหรับเจลแต้มสิวของ Fyne จะมีส่วนผสมจากธรรมชาติ 14 ชนิดเลยทีเดียว (ชวนหวงป้อ หัวหอม อึ่งงิ้ม ต้นหลิว ตี้หวง ใบสะเดา พลูคาว ถั่วเหลือง ว่านหางจระเข้ ผลแพร์หมัก ทีทรีออยล์ เปลืองมังคุด ใบฝรั่ง น้ำผึ้ง) ตัวเจลไม่เหนียว ซึมเร็ว ไม่ค่อยมีกลิ่นอะไร ทาแล้วไม่แสบ ไม่คันหน้า ใช้ตอนเช้าได้แบบไม่มีปัญหา สำหรับเราช่วยได้ทั้งสิวอักเสบเม็ดเล็ก/ใหญ่ ทั้งมีหัว/ไม่มีหัว โดยเฉพาะเม็ดเล็กจะยุบเร็วมาก ภายใน 1 คืนก็ยุบแล้ว ที่สำคัญคือมาในหลอดค่อนข้างใหญ่ ใช้ได้นาน คุ้มมากครับ
หลังจากจบทุกขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ใครที่กังวลเรื่องแสงหรือไฟเวลาอยู่บ้าน ก็สามารถทาครีมกันแดดต่อได้สบายๆ ไม่ทำให้หนักหน้า จนเกิดความมันครับ หรือถ้าใช้เซตนี้ในวันที่ออกไปข้างนอกก็ได้เช่นกัน สำหรับรีวิวครีมกันแดดก็สามารถไปอ่านได้ ที่นี่ เลยครับ
สำหรับรีวิว Morning Skincare ในครั้งนี้ก็จบไปแล้วนะครับ ถึงแม้กระทู้นี้จะร่วมงานกับทาง Fyne แต่บอกเลยว่าใช้จริง ชอบจริง ผ่านการทดลองใช้ต่อเนื่องมาเดือนกว่าๆ โดยเฉพาะเจลล้างหน้าที่ใช้มานานมากครับ
หากมีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถคอมเมนท์ถามกันได้นะครับ แล้วเจอกันกระทู้หน้า สวัสดีครับบบบ