[DEEP REVIEW] เซรั่ม ANR รุ่นใหม่ล่าสุด ! จากเอสเต้ ลอเดอร์ // NEW ! ESTEE LAUDER ADVANCED NIGHT REPAIR
donut 106 32 WITH <strong>ESTĒE LAUDER</strong> / ร่วมงานรีวิวกับแบรนด์ :)ผิวจะสวยนาน ไม่แก่ก่อนวัย เราเลือกได้จากการบำรุงตั้งแต่วันนี้
.
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ปัจจัยที่ทำให้เราผิวแก่ชรา มาจาก 2 ปัจจัย
NATURE 25% = มาจากยีนส์ พันธุกรรม
NURTURE 75% = มาจากการใช้ชีวิต และสิ่งเราเจอในชีวิตประจำวัน
ตั้งแต่รังสี UV, ควันบุหรี่, มลภาวะ และอื่นๆ
.
ซึ่งแปลว่าเราสามารถควบคุมที่ 75% ได้ !!
ตัวอย่างที่เราเห็นกันชัดๆ เลย คือแฝดแท้ (Identical Twins)
คู่หนึ่งที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน มี DNA เหมือนกัน
แต่เมื่อเวลาใช้ชีวิตต่างกัน ความแก่ชราของผิวต่างกันมาก
.
คนซ้ายไม่ค่อยออกแดด และไม่สูบบุหรี่ ส่วนคนขวาออกแดดมากเท่าที่จะมากได้ และสูบบุหรี่มาหลายปี
จะเห็นได้ว่า ผิว ริ้วรอย และ Signs ความแก่ชราเพิ่มขึ้นชัดเจน
.
นี่จึงหมายความได้ว่า ลักษณะผิวของเราในอนาคตนั้นอยู่ในการควบคุมของเรา
ซึ่งทางทีมเอสเต ลอเดอร์ได้ โฟกัสการแก้ปัญหาผิว
ลึกลงไปถึงเรื่องโมเลกุลที่ช่วยส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ หรือ micro signaling molecules
เพราะในร่างกายเรา ปกติจะมีการส่งสัญญาณ เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระบวนการต่างๆ เช่น การซ่อมแซม หรือการผลิตคอลลาเจน ซึ่งในแต่ละฟังก์ชั่นจะมีโมเลกุลต่างๆที่เหมาะสมไปกระตุ้น
ซึ่งทางเอสเต้ ลอเดอร์ พบโมเลกุลที่ช่วยส่งสัญญาณอยู่ประมาณ 80 ชนิด ในเซลล์ผิวหนัง และทุกชนิดก็ไม่ได้สร้างออกมาเท่าๆกัน
.และจากการวิจัย 7 ปี เอสเต้ ลอเดอร์ก็พบว่า micro signaling molecules จำเป็นต่อการซ่อมแซมตามธรรมชาติของผิวและส่งเสริมกระบวนการต่อต้านริ้วรอยที่สำคัญ
ทั้ง Cell Renewal และ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
.
และได้พบว่า micro signaling molecules ในผิวคนที่อายุน้อยจะมีมากกว่า และจะลดน้อยลงๆ ในผิวคนที่มีอายุมาก ซึ่งผลลัพธ์คือผิวจะชราก่อนวัย (Premature Aging) นั่นเองค่ะ
.ดังนั้นเค้าจึงรวมศาสตร์ Macrobolomic นี้เพื่อทำให้ ANR สูตรใหม่ครบถ้วน
และออกฤทธิ์ดูแลกันอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่มองในส่วนผิวเป็นชั้นๆ
แต่มองไปถึง Pathways ต่างๆที่ก่อให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมผิว
ซึ่งแน่นอนเลยว่าทุกคนต้องมีคำถามแน่นอนว่า
สูตรใหม่ ต่างกับสูตรเก่ายังไง ?
..
คำตอบคือ เค้ามี Active Ingredient เพิ่มขึ้นมาค่ะ ^_^
.
คือสูตรเก่า เค้าจะโฟกัสที่
1. Cell Repair (การซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์)
2. Circadian Rhythm (นาฬิกาชีวภาพของผิว)
3. Cellular Purification (การเพียวริฟายเซลล์)
ส่วนสูตรใหม่ โฟกัสทั้ง 3 ฟังก์ชั่นแบบสูตรเก่า แต่เพิ่ม
1. Cell Renewal (การกระตุ้นการรีนิวเซลล์ จากล่างสู่บน
ซึ่งไม่ใช่การผลัดเซลล์ผิว)
2. Collagen Production (กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน)
..
ถ้าสรุปง่ายๆ ก็คือ
เซรั่มจะเก่งขึ้น และรอบด้านมากขึ้น ดูแลผิวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ซึ่งสูตรนี้เค้าเพิ่ม Adansonia Digitata Seed Extract หรือสารสกัดจากเมล็ด Baobab
(ทาง Estee Lauder ทำ Patent แต่ยัง Pending อยู่นะคะ)
โดยโดนัทได้ไปหางานวิจัยเกี่ยวกับสารสกัดจาก Baobab
ในเมล็ด Baobab จะมีสารสำคัญคือกลุ่ม แร่ธาตุ อย่างแคลเซี่ยม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม
มี Glutamic และ Aspartic ซึ่งเป็นกรดอะมิโน และยังเป็นแหล่งพลังงาน, โปรตีน และไขมัน
และกลุ่มกรดไขมันที่มี Oleic, Linoleic acids ซึ่งช่วย nourish ผิว และ Palmitic acid ที่ดูแลผิวจากปัญหา เช่น สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังมี Provitamin A, Carotenes ที่ช่วยเรื่อง Cell regeneration, Cell repair และซัพพอร์ตคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว
อีกวิจัยหนึ่งที่แม้จะเกี่ยวกับเมล็ด Baobab แต่น่าสนใจคือ
พบสารสกัดจากใบ Baobab ว่ามีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ และฤทธิ์ยับยั้งอาการอักเสบโดยยับยั้งการกระตุ้น NF-κB (ซึ่งเป็น transcription factor ของยีนที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันและกระบวนการอักเสบ)ซึ่งพบฤทธิ์ที่ดีน่าพอใจมากเลยค่ะ
(A Methanol Extract of Adansonia digitata L. Leaves Inhibits Pro-Inflammatory iNOS Possibly via the Inhibition of NF-κB Activation)
.
ซึ่งทางเอสเต ลอเดอร์ มีข้อมูลว่าเจ้าสารสกัด Baobab นี่แหละค่ะ ที่มีฤทธิ์บูสต์ระดับของโมเลกุล Micro signaling ให้เพิ่มขึ้นเพื่อทำให้ผิวเกิดการซ่อมแซมตัวเอง
และยิ่งผสานกับนวัตกรรมที่มีอยู่แล้วคือ Chronolux™ ทำให้ช่วยกันกระตุ้นการซ่อมแซมในหลาย Aspects ของผิว
สำหรับ Chronolux™ คือ Tripeptide-32 โดยมีข้อมูลจากทางผู้ผลิตว่าเป็นตัวช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพ (Biological Clock) โดยเข้าไปเข้าไปกระตุ้นและปรับเปลี่ยนการทำงานของ CLOCK Gene ให้ปกติ
CLOCK ย่อมาจาก (Circadian Locomotor Output Cycles Kaput) หรือนาฬิกาทางชีวภาพในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต โดยยีนชนิดนี้ก็พบในเซลล์ผิวของเราด้วย ดังนั้นถ้าใครใช้ชีวิตแบบรวน นอนเช้า พักผ่อนไม่เป็นเวลา จะทำให้การทำงานของ CLOCK ผิดปกติไปด้วยค่ะ
Biological Clock หรือ นาฬิกาชีวภาพในผิวเราคืออะไร ?
นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า การทำงานและความต้องการของผิวเราแตกต่างกันระหว่างกลางวัน และกลางคืนค่ะ
ในช่วงกลางวันจะพบว่า
ฟังก์ชั่นด้าน Skin Protection จะสูงที่สุด และการแบ่งตัวของเซลล์ผิวจะน้อยที่สุด
ส่วนในช่วงกลางคืน จะพบว่า
มีการซ่อมแซมตัวเองมากที่สุดทั้ง DNA Repair, Autophagy, Barrier Recovery Rate
นอกจากนั้นยังมีการแบ่งตัวของเซลล์มากที่สุด การสร้างคอลลาเจนสูงที่สุด
Skin Barrier เปิดมากที่สุด ซึ่งดีตรงที่สามารถรับการบำรุงได้ดี แต่ในขณะเดียวกัน ความชุ่มชื้นก็สามารถสูญเสียได้มากเช่นกัน
และไม่พลาดค่ะ เพราะ ANR เค้าเข้าใจกลไกทั้งหมดนี้
เค้าเลยออกแบบให้ ANR สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเพิ่มการปกป้องผิว
จากส่วนประกอบที่ชูโรงในสูตรคือ
Bifida Ferment Lysate หรือ CLR : REPAIR COMPLEX CLR™ PF
ที่เซรั่ม ANR ใส่ Maximum dose หรือ% สูงสุดเลยค่ะ นั่นคือใส่ถึง 10% !! โดย Bifida Ferment Lysate นี้มีความสามารถปกป้องผิวจากการทำลายของ UV . และก็มีผลการวิจัยซึ่งทำโดยทางลอรีอัลพบว่า Bifida Ferment Lysate สามารถเพิ่ม ความแข็งแรงของผิว เพิ่มเกราะปราการผิว
และทำให้ผิวระคายเคืองลดลง
เช่นเดียวกันกับสารสกัดอีกตัวในสูตรนั่นคือ Lactobacillus Ferment ที่มีผลลดปัญหาผิวที่เกิดจากการทำลายของรังสี UV ค่ะ
สำหรับสูตรนี้เพิ่มความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้น จากการดูลำกับแล้วคาดว่า Sodium Hyaluronate หรือไฮยาลูรอน น่าจะเพิ่ม% ในสูตรค่ะ
.
นอกจากนั้นยังมีกลุ่มที่มีฤทธิ์ฤทธิ์เพิ่ม microcirculation หรือช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด คือ Cola Acuminata (Kola) Seed Extract และ Caffeine ที่อาจมีผลทางอ้อมในการนำพาสารเข้าสู่ผิว
เสริมกับ PEG-8 ที่เพิ่มเข้ามาในสูตร ซึ่งน่าจะเป็นทั้งตัวทำละลาย และสามารถนำมาทำ Solid Dispersion คือทำให้สารที่ไม่ชอบน้ำ ละลายในสารน้ำได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าชีวประสิทธิผลที่ดีขึ้น
และสารสกัดกลุ่มที่มีฤทธิ์ Anti-aging คือสารสกัดจากยีสต์และสาหร่าย (สำหรับในสูตรที่ทาง Estee Lauder ใช้ ไม่ทราบว่าใช้สายพันธุ์ไหน)
ซึ่งจากหลายๆสายพันธุ์ มีการศึกษาว่ามีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว และปรับให้ผิวสว่างใสขึ้น
.
ในด้านการให้ความนุ่มลื่น และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวก็ใช้ emollient และ moisturizer และสารต่างๆที่ช่วยสร้างเนื้อผลิตภัณฑ์ก็เลือกตัวที่ดี เป็นมิตรต่อผิว ถนอมผิว และไม่ก่อการระคายเคืองค่ะ
ผลลัพธ์หลังใช้
ความรู้สึกชุ่มชื้น - รู้สึกความนุ่มนวลผิว ตื่นมาแล้วผิวดูเนียนนวลๆ รูขุมขนดูแคบลง
ริ้วรอย - สำหรับรอยจางๆดูเรียบเนียนขึ้น หลังจากใช้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก Sodium Hyaluronate ทำให้ผิว Plump ขึ้นด้วยค่ะ
ความสดใส - โดยรวมมีความรู้สึกว่าผิวดูสดใสขึ้น โทรมน้อยลง ในช่วงที่ผ่านมาโดนัททำงานทรหดมากๆ แต่ผิวยังไม่โทรม ถือว่าน่าประทับใจมากๆค่ะ
ความกระจ่างใส - รู้สึกผิวใสๆขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ในด้านความกระจ่างใสจะยิ่งเห็นชัดเมื่อใช้ต่อเนื่องให้ครบรอบวงจรเมลานิน (28 วัน)
โดยรวมแล้ว โดยส่วนตัวโดนัทชอบกว่าสูตรเก่า รู้สึกถึงผลได้ไวกว่า และผิวที่ดูสดใสขึ้น ลงตัวมากขึ้น นุ่มนวล ฉ่ำ โทรมน้อยลง
.
ทาง Estee Lauder ได้ทำวิจัยที่ 4 สัปดาห์ไว้นะคะ
จากการทดสอบด้าน Sensory ในอาสาสมัครผู้หญิงชาวเอเชีย 301 คน
หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ วันละ 2 ครั้ง
หลังจากที่ใช้เซรั่มหนึ่งหลอด
• รู้สึกผิวชุ่มชื้นขึ้น
• เซรั่มซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ใช้เป็นเวลาสามสัปดาห์
• ผิวรู้สึกเนียนนุ่มขึ้นกว่าที่เคย
• ผิวรู้สึกกระชับขึ้น
• เส้นริ้วแลดูจางลงอย่างชัดเจน
หลังจากที่ใช้ Advanced Night Repair หนึ่งขวด
• ผิวอ่อนนุ่มและกระชับขึ้น
• ผิวแลดูเปล่งประกายสุขภาพดี
ด้าน Texture
สำหรับ Texture ตอนหยดและตอนทาโดนัทว่าสูตรใหม่และสูตรเก่าแทบจะเป็นแฝดกันเลยค่ะ
แค่ตอน Finish โดนัทรู้สึกว่าสูตรใหม่มีบอดี้กว่าและทิ้งความชุ่มชื้นหลังใช้ไว้มากกว่า เพราะสูตรเก่าหลังทาแล้วจะลื่นไปเลย แต่สูตรใหม่จะรู้สึกว่ามีความชุ่มชื้นค้างไว้บนผิว อยากให้ทุกคนได้ไปลองกันนะคะ
และโดนัทขอแปะส่วนประกอบสูตรเก่าและสูตรใหม่ไว้ให้เผื่อใครต้องการเช็คนะคะ
สรุปแล้ว......
ถือว่าน่าสนใจมาก และควรต้องมี เป็นเซรั่มยืน 1 หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของทั้งหนุ่มๆและสาวๆ
บำรุงไว้ให้เป็นประจำทุกๆวัน เพื่อช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟู ซ่อมแซม และสวยงามไปนาน ไม่แก่ก่อนวัยค่ะ
เหมาะกับผิวทุกชนิด
ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ
ผ่านการทดสอบโดยจักษุแพทย์ อ่อนโยนต่อผิว
ไม่อุดตันรูขุมขน
ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน, พาทาเลต, ซัลไฟต์และซัลเฟต, พาราเบน และน้ำมันแร่