Booster ที่เป็นมากกว่า serum
Beautylegend 50 6 WITH <strong>Skinregimen</strong> / ร่วมงานรีวิวกับแบรนด์ :)
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์พูดถึง Boosters สองตัวแรกที่ได้ลองอย่างจริงจังจากแบรนด์ Skin Regimen สักที สองสูตรแรกที่ได้ลองคือ 1.85 HA booster และ 15.0 Vit C booster ซึ่งจะคุยให้ฟังก่อนว่า จากที่ไปงานเปิดตัว booster ทั้ง 5 สูตรของทางแบรนด์ ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นมาว่า concept ของ boosters นั้นมีความแตกต่างกับ serum ที่ว่า ส่วนผสมจะมีความเข้มข้น เน้นแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด ตรงจุด มากกว่า กังวลปัญหาผิวเรื่องไหน ก็เลือก booster ตามปัญหานั้นๆ มาแก้ปัญหาได้เลย และในทุกๆสูตรนั้น ส่วนผสมหลักๆ ที่มีเหมือนกันที่มาช่วยต่อต้าน lifestyle aging คือ Longevity ComplexTM ซึ่งเป็นสารสกัดจาก super food คือ Wild Indigo ช่วยลดปฏิกิริยาของฮอร์โมน cortisol ที่ทำให้ผิวเครียด, Maqui Berry เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง, Spinach ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เข้าทำลายเซลล์ผิว , และ อีกหนึ่งสารต้านริ้วรอย Carnosine ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิดที่จะช่วยลดปฎิกริยา glycation พูดภาษาง่ายๆก็คือ สารตัวนี้จากการศึกษาในห้องทดลองพบว่าช่วยลดปฎิกริยาการทำลายล้างคอลลาเจนในผิวเรานั่นเอง
สำหรับจุดเด่นของ HA booster จากที่ได้ลองใช้ คือ texture เบา ซึมไว ถึงแม้ว่าจะเป็นการรวมตัวของ HA 3 โมเลกุลคือ macro , micro, และ cross-linked ที่ความเข้มข้น 1.85% ก็ตาม ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง HA booster ที่มีโมเลกุลของไฮยาที่ออกฤทธิ์ดึงความชุ่มชื้นให้ผิวทั้งผิวชั้นบน ผิวชั้นลึกลงไป รวมถึงป้องกันการเสื่อมสลายของไฮยาตามธรรมชาติทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้นไปอีก ใช้ก่อนแต่งหน้าได้ ใช้ปลอบประโลมผิวหลังโกนหนวดได้ ใช้หลังออกแดดจัดๆ ได้ แถมยังช่วยลดอุณหภูมิผิวหลังใช้ได้อีกด้วย ตัวนี้ส่วนผสมมาจากธรรมชาติถึง 99.2% เลยนะ
สำหรับ 15.0 Vit C booster นั้นจุดเด่นคือเป็น Vit C booster ที่เป็นที่พึ่งของคนผิวแพ้ง่ายที่อยากใช้ Vit C สักครั้งในชีวิต ด้วยค่า pH ที่ใกล้เคียงกับผิว อยู่ที่ประมาณ 5.3 ซึ่งปกติแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Vit C มักจะมีค่า pH เป็นกรดซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ในคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือ ระคายเคืองง่าย booster ตัวนี้เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องจุดด่างดำ ต้องการให้ผิวกระจ่างใสขึ้น รวมทั้งหวังผลเรื่องลดเลือนริ้วรอยเล็กๆได้ด้วย texture ตัวนี้เบามากกกกกกกกกกกกกกจริงๆ ซึ่งประเด็นนี้เห็นตรงกันกับน้องเนต (Nettybeautylife) ตัวนี้เป็น Vit C powder ผสมสดๆ หลังผสมแล้วทางแบรนด์แนะนำให้ใช้ให้หมดภายในหนึ่งเดือนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่นี่ส่วนตัวใช้ทีละ 5-6 ปั้ม นี่หมดแล้วเนี่ย ก็ด้วยความที่ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว ก็เลยกดสนุกมือเลยทีนี้ ทั้งหน้า คอ ตัวนี้เป็นการรวมตัวของ ascorbic acid และ sodium ascorbate ถึง 15% แต่ถึงแม้เปอร์เซ็นดูจะสูง แต่ด้วยการเบลนทั้งสองตัวเข้าด้วยกันจนทำให้ค่า pH ใกล้เคียงกับผิว เลยทำให้ใช้ได้อย่างสบายๆ ไม่มีอาการร้อนผ่าวให้กังวลใจแต่อย่างใด ตัวนี้ส่วนผสมมาจากธรรมชาติถึง 92.8% เลยทีเดียว
สรุปแล้ว boosters ทั้งสองตัวนี้ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจ น่าใช้ และเห็นผลตามคำเคลมของแบรนด์ เหมาะกับคนที่มีความต้องการที่พูดไปแล้วตอนต้น ครั้งหน้าจะมา พูดถึงอีกสามตัวที่เหลือ ซึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้สองตัวนี้เช่นกันครับ ตั้งหน้าตั้งตารอได้เลยครับ…
สำหรับจุดเด่นของ HA booster จากที่ได้ลองใช้ คือ texture เบา ซึมไว ถึงแม้ว่าจะเป็นการรวมตัวของ HA 3 โมเลกุลคือ macro , micro, และ cross-linked ที่ความเข้มข้น 1.85% ก็ตาม ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง HA booster ที่มีโมเลกุลของไฮยาที่ออกฤทธิ์ดึงความชุ่มชื้นให้ผิวทั้งผิวชั้นบน ผิวชั้นลึกลงไป รวมถึงป้องกันการเสื่อมสลายของไฮยาตามธรรมชาติทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้นไปอีก ใช้ก่อนแต่งหน้าได้ ใช้ปลอบประโลมผิวหลังโกนหนวดได้ ใช้หลังออกแดดจัดๆ ได้ แถมยังช่วยลดอุณหภูมิผิวหลังใช้ได้อีกด้วย ตัวนี้ส่วนผสมมาจากธรรมชาติถึง 99.2% เลยนะ
สำหรับ 15.0 Vit C booster นั้นจุดเด่นคือเป็น Vit C booster ที่เป็นที่พึ่งของคนผิวแพ้ง่ายที่อยากใช้ Vit C สักครั้งในชีวิต ด้วยค่า pH ที่ใกล้เคียงกับผิว อยู่ที่ประมาณ 5.3 ซึ่งปกติแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Vit C มักจะมีค่า pH เป็นกรดซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ในคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือ ระคายเคืองง่าย booster ตัวนี้เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องจุดด่างดำ ต้องการให้ผิวกระจ่างใสขึ้น รวมทั้งหวังผลเรื่องลดเลือนริ้วรอยเล็กๆได้ด้วย texture ตัวนี้เบามากกกกกกกกกกกกกกจริงๆ ซึ่งประเด็นนี้เห็นตรงกันกับน้องเนต (Nettybeautylife) ตัวนี้เป็น Vit C powder ผสมสดๆ หลังผสมแล้วทางแบรนด์แนะนำให้ใช้ให้หมดภายในหนึ่งเดือนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่นี่ส่วนตัวใช้ทีละ 5-6 ปั้ม นี่หมดแล้วเนี่ย ก็ด้วยความที่ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว ก็เลยกดสนุกมือเลยทีนี้ ทั้งหน้า คอ ตัวนี้เป็นการรวมตัวของ ascorbic acid และ sodium ascorbate ถึง 15% แต่ถึงแม้เปอร์เซ็นดูจะสูง แต่ด้วยการเบลนทั้งสองตัวเข้าด้วยกันจนทำให้ค่า pH ใกล้เคียงกับผิว เลยทำให้ใช้ได้อย่างสบายๆ ไม่มีอาการร้อนผ่าวให้กังวลใจแต่อย่างใด ตัวนี้ส่วนผสมมาจากธรรมชาติถึง 92.8% เลยทีเดียว
สรุปแล้ว boosters ทั้งสองตัวนี้ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจ น่าใช้ และเห็นผลตามคำเคลมของแบรนด์ เหมาะกับคนที่มีความต้องการที่พูดไปแล้วตอนต้น ครั้งหน้าจะมา พูดถึงอีกสามตัวที่เหลือ ซึ่งก็น่าสนใจไม่แพ้สองตัวนี้เช่นกันครับ ตั้งหน้าตั้งตารอได้เลยครับ…