ส่องวิธีจัดการปัญหานักเรียนถูกครูทารุณในโรงเรียนต่างประเทศ
candy 59 4
Talk Of The Town จากเหตุการณ์เด็กนักเรียนถูกทารุณกรรมในโรงเรียน สถานที่ที่ควรจะปลอดภัยสำหรับทุกคนได้สร้างคลื่นความโกรธเกรี้ยวให้กับสังคม รวมถึงความหวาดหวั่นที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำซากและสร้างบาดแผลในจิตใจให้เด็กๆอีกมากมายสักเท่าไร เมื่อได้รับรู้ประสบการณ์เลวร้ายของชาวเน็ทที่นำมาแบ่งปัน (เฆี่ยนจนเนื้อแตกเลือดไหล จับกดน้ำ บังคับให้แก้ผ้าต่อหน้าเพื่อน และเรื่องน่ากลัวอีกมากมาย) ก็ทำให้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจได้เข้ามาสร้างมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของเยาวชนผู้เป็นอนาคตของพวกเรา
มันยากที่ทำใจยอมรับว่า มีคนจิตใจร้ายกาจปะปนในสังคมโดยที่คุณไม่สามารถรู้เลยว่า ฉากหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรนั้น อาจจะเป็น abuser ที่เป็นอันตรายต่อเด็กที่ไร้ทางสู้ แม้แต่ประเทศที่มีกฎหมายคอยคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กๆ โดยมีบทลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด ก็ยังมีเรื่องราวแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นได้บ้าง แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ได้ยินบ่อยครั้งจนคนในสังคมเคยชินและถูกบีบให้ยอมรับด้วยคำพูดสวยหรูว่า "ได้ดีเพราะไม้เรียว" แต่กลายเป็นความทรงจำปวดร้าวฝังลึกของคนมากมาย
เราลองมาสำรวจกันค่ะว่า เมื่อครูประทุษร้าย ทารุณทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ในแต่ละประเทศจะรับมือกันอย่างไร
มันยากที่ทำใจยอมรับว่า มีคนจิตใจร้ายกาจปะปนในสังคมโดยที่คุณไม่สามารถรู้เลยว่า ฉากหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้มเป็นมิตรนั้น อาจจะเป็น abuser ที่เป็นอันตรายต่อเด็กที่ไร้ทางสู้ แม้แต่ประเทศที่มีกฎหมายคอยคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กๆ โดยมีบทลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด ก็ยังมีเรื่องราวแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นได้บ้าง แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ได้ยินบ่อยครั้งจนคนในสังคมเคยชินและถูกบีบให้ยอมรับด้วยคำพูดสวยหรูว่า "ได้ดีเพราะไม้เรียว" แต่กลายเป็นความทรงจำปวดร้าวฝังลึกของคนมากมาย
เราลองมาสำรวจกันค่ะว่า เมื่อครูประทุษร้าย ทารุณทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ในแต่ละประเทศจะรับมือกันอย่างไร
California USA
ครูกระชากคอและทุ่มเด็กชายวัยหกขวบลงพื้น
"ครูเดินมาที่ผม ดึงคอเสื้อผมขึ้นแล้วทุ่มผมลงพื้น เธอทุ่มแรงมากฮะ เธอไปบอกครูใหญ่ว่าเป็นความผิดผมหมดเลย บอกว่าผมตีเธอ แต่ผมไม่ได้ทำ"
Chance Hill เด็กวัยเพียงหกขวบเล่าเหตุการณ์กับนักข่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย แม่ของเขายอมรับว่า ลูกชายอาจจะมีพฤติกรรมซุกซนที่อาจจะต้องรับมือไม่ง่ายนัก แต่เขาสามารถเรียนได้อย่างปกติ จึงไม่สามารถยอมรับการกระทำของครูได้
Chance Hill เด็กวัยเพียงหกขวบเล่าเหตุการณ์กับนักข่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย แม่ของเขายอมรับว่า ลูกชายอาจจะมีพฤติกรรมซุกซนที่อาจจะต้องรับมือไม่ง่ายนัก แต่เขาสามารถเรียนได้อย่างปกติ จึงไม่สามารถยอมรับการกระทำของครูได้
หลังจากที่ครูคนดังกล่าวได้ระเบิดอารมณ์ใส่เด็กชายวัยอนุบาลต่อหน้าครูอีกคน ครูใหญ่ได้รับรายงานจากพยานและติดต่อกับแม่เด็กเพื่อเล่าเหตุการณ์อย่างไม่ปิดบังว่า ลูกชายของเธอถูกครูทำร้ายร่างกาย จึงมีการแจ้งความเพื่อเอาผิดครูที่ถูกพักงานในระหว่างการสอบสวน และแม่ยังเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากโรงเรียนเพื่อการันตีว่า ลูกชายของเธอจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อกลับไปเรียน
แต่ในระหว่างนั้น ผู้ปกครองของเด็กบางคนในคลาสได้ออกโรงปกป้องครูที่ทุ่มเด็กลงพื้น และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เด็กที่มีพฤติกรรมที่ยากจะรับมือต่างหากที่คือตัวปัญหา
" เธอเป็นครูที่ดีที่สุดในโลกและมีความอดทนสูงมาก ผมอดทนแบบเธอไม่ได้หรอก" พ่อของเด็กในคลาสคนหนึ่งได้แสดงความเห็นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ครูที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์รายงานต่อผู้บริหารทันที
ครูใหญ่ติดต่อผู้ปกครองให้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่อำพรางความจริงไว้
พักงานครูต้นเหตุเพื่อสืบสวนให้กระจ่าง
ตำรวจรับเรื่องและเข้ามาสอบสวนและถูกปล่อยตัวเนื่องจากเป็นคดีลหุโทษ
ฟังแล้วดูแตกต่างจากประเทศที่เราคุ้นเคยกันใช่ไหม ?
มาติดตามอีกกรณีที่คล้ายคลึงจาก
Ohio ,USA
ครูกระชากคอเสื้อเด็กอนุบาลจนตัวลอยแล้วกระแทกกับผนัง
พ่อแม่ของเด็กชาย Ian Nelsonต้องสะเทือนใจจนหลั่งน้ำตาเมื่อได้เห็นภาพของลูกชายถูกครูกระชากตัวลอย และกระแทกกระทั้นกับผนัง และบีบแก้มให้เด็กเงยหน้ามองระหว่างที่พูดอะไรบางอย่าง ภายหลัง พยานได้ระบุว่า ครูได้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า "ชั้นเบื่อแกเต็มที" "ชั้นเบื่อพ่อแม่ของแก" และ "ชั้นจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ"
ในเบื้องต้น ครูอนุบาลที่ทำงานในโรงเรียนนี้มายาวนานสิบกว่าปีถูกพักงานชั่วคราวโดยที่ไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลา 10 วัน แต่นั่นไม่ทำให้พ่อแม่รู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด พวกเค้ายืนยันว่า นี่คือการกระทำร้ายแรงถึงขั้นไล่ออก ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้มีการตั้งข้อหาทำร้ายเด็ก เธอถูกปรับเป็นเงิน 250 ดอลลาร์ และได้รับคำสั่งศาลให้ไปบำบัดเพื่อควบคุมอารมณ์โกรธ และเจ้าตัวก็ลาออกจากความเป็นครูในเวลาต่อมา
Washington , USA
ครูถูกจับหลังจากขู่จะใช้ปืนยิงนักเรียน
แม้ Julie Hillend-Jones จะเป็นครูวัยกลางคนที่มีคนได้ยืนยันว่า ดูไม่มีพิษภัยและเสนอตัวช่วยเหลือนักเรียนเป็นอย่างดี แต่เมื่อเธอได้โทรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับเงินชดเชยจากอาการPTSD (การเกิดภาวะสะเทือนใจหรือเครียดจัดหลังจากเหตุการณ์รุนแรงบางอย่าง) และเจ้าหน้าที่แนะนำว่า เธออาจจะต้องใช้สิทธิ์จากประกันของตัวเองเพื่อจัดการเรื่องนี้เอง คำตอบกลับที่น่าตกใจของเธอคือ " ชั้นจะยิงพวกเด็กๆทิ้งซะ" เมื่อเจ้าหน้าที่ขอให้เธอทวนคำพูดเพราะไม่แน่ใจว่าว่าเป็นคำขู่จริงหรือไม่ เธอก็ขู่ยิงนักเรียนอีกครั้ง เธอวางสายทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่เตือนว่า นี่คือคำพูดที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง และเจ้าหน้าที่ก็โทรแจ้งตำรวจทันที
เมื่อโรงเรียนทราบข่าวเรื่องคำขู่นี้ก็พักงานเธอทันที ตำรวจได้ตามไปควบคุมตัวที่บ้าน และพบว่าสภาพจิตใจของครูรายนี้อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง และถือเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในชุมชน แม้เธอจะไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และไม่พบอาวุธใดๆ แต่ก็ถูกจับกุมเพื่อพิจารณาโทษจากศาล
ตำรวจได้แสดงความเห็นต่อคดีนี้ว่า
"ทุกคนรู้ดีว่าอย่าได้พูดเรื่องปืนหรือขู่ฆ่าในโรงเรียน ถ้านักเรียนเป็นกระทำเรื่องนี้ พวกเค้าก็ต้องถูกจำคุก เมื่อครูเป็นคนกระทำ มันจึงเป็นตัวอย่างที่แย่มาก และต้องเตรียมตัวเข้าคุกเหมือนกัน"
เรื่องปืนเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมชาวอเมริกัน โดยเฉพาะที่ได้เกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะพูดออกมาอย่างไม่ยั้งคิดหรือกำลังเกิดความเครียด ครูคนนี้ถูกจับกุมและวางเงินประกันถึงห้าหมื่นเหรียญ ศาลสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้โรงเรียน และต้องอยู่ห่างอย่างน้อย 500 ฟุต และห้ามติดต่อนักเรียนหรือคนที่ทำงานในโรงเรียน
ส่วนโรงเรียนก็พยายามสร้างความเชื่อใจจากนักเรียนและผู้ปกครองว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เหล่านักเรียนที่ได้ทราบเรื่องต่างก็ช็อคว่า ครูที่เป็นผู้ชี้นำสั่งสอนกลายมาเป็นคนที่ขู่ฆ่าพวกเค้าซะเอง
ตำรวจได้แสดงความเห็นต่อคดีนี้ว่า
"ทุกคนรู้ดีว่าอย่าได้พูดเรื่องปืนหรือขู่ฆ่าในโรงเรียน ถ้านักเรียนเป็นกระทำเรื่องนี้ พวกเค้าก็ต้องถูกจำคุก เมื่อครูเป็นคนกระทำ มันจึงเป็นตัวอย่างที่แย่มาก และต้องเตรียมตัวเข้าคุกเหมือนกัน"
เรื่องปืนเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมชาวอเมริกัน โดยเฉพาะที่ได้เกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะพูดออกมาอย่างไม่ยั้งคิดหรือกำลังเกิดความเครียด ครูคนนี้ถูกจับกุมและวางเงินประกันถึงห้าหมื่นเหรียญ ศาลสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้าใกล้โรงเรียน และต้องอยู่ห่างอย่างน้อย 500 ฟุต และห้ามติดต่อนักเรียนหรือคนที่ทำงานในโรงเรียน
ส่วนโรงเรียนก็พยายามสร้างความเชื่อใจจากนักเรียนและผู้ปกครองว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เหล่านักเรียนที่ได้ทราบเรื่องต่างก็ช็อคว่า ครูที่เป็นผู้ชี้นำสั่งสอนกลายมาเป็นคนที่ขู่ฆ่าพวกเค้าซะเอง
เกาหลี
ครูต่างชาติถูกจับเพราะเปิดวีดีโอที่มีเนื้อหารุนแรงให้ลูกศิษย์ดู
คุณเป็นอีกคนรึเปล่าที่เคยถูกบังคับให้ดูวีดีโอการคลอดลูกในค่ายจริยธรรมของโรงเรียน และเมื่อนึกย้อนกลับไป มันก็อาจทำให้รู้สึกขัดแย้งสับสน เพราะอย่าว่าแต่ภาพทารกที่กำลังโผล่จากช่องคลอดที่ค่อยๆปริออกจากกันได้ แม้แต่เลือดจำนวนไม่มาก คนที่เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถทำใจมองได้ แล้วภาพที่มีความรุนแรงนี้เหมาะสมกับเด็กตรงไหน ?
แต่ที่เกาหลีใต้ มีคดีสร้างเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางเมื่อครูจากประเทศแคนาดาได้เปิดวีดีโอบน Youtube ชื่อว่า What Does Human Flesh Taste Like? ที่แสดงภาพของผู้ดำเนินรายการที่ทดลองกินชิ้นส่วนเนื้อขาของตัวเอง ให้นักเรียนวัยเพียง 7 ขวบดู แม้จะเป็นการจำลองภาพขึ้นมาเพราะการกินเนื้อคนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่เนื้อหาในวีดีโอก็ยังรุนแรงและชวนสยอง บางคนอ่อนไหวอาจจะคลื่นไส้ได้เลยทีเดียว
เมื่อผู้ปกครองได้รับรู้ จึงรวมตัวแจ้งจับครูที่ทำทารุณกรรมทางจิตใจต่อเด็กๆวัยไร้เดียงสา ตำรวจพยายามขอหมายจับเพื่อป้องกันไม่ให้ครูต่างชาติรายนี้หนีกลับประเทศ และเมื่อได้สอบปากคำ เธอก็ยืนยันว่า ที่ทำลงไปเพราะเด็กๆอยากรู้อยากเห็นเองว่า เราสามารถกินเนื้อคนได้หรือไม่
ตำรวจยอมรับว่า การสอบสวนเป็นไปได้ยาก เพราะเด็กนักเรียนยังเล็กมากและรู้สึกช็อคกับภาพที่ได้เห็นอยู่ ส่วนผู้ปกครองก็ยิ่งโกรธหนักขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้คำอธิบายเหตุผลจากคนกระทำ พวกเค้าเชื่อว่า ครูไม่ได้รู้สึกผิดหรือมองว่าเป็นมันสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้เด็กๆมากขนาดไหน
แม้จะไม่แน่ชัดว่า ตัวครูสาวได้รับการลงโทษเช่นใด แต่เมื่อพิจารณาจากวัฒนธรรมและความ protective ของพ่อแม่ชาวเกาหลีแล้ว เราค่อนข้างมั่นใจว่า เธอคนนี้จะไม่ได้สอนในโรงเรียนดังกล่าวอีกต่อไป
Canada
ครูให้เด็กดูวีดีโอเรื่องฆาตกรหั่นศพที่รุนแรงขนาดที่ตำรวจบางคนดูแล้วยังสยอง
คุณจะรู้สึกอย่างไร หากลูกหลานกลับมาเล่าให้ฟังว่า ครูวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองได้เปิดวีดีโอที่มีภาพและเนื้อหาอันรุนแรงของฆาตกรหั่นและกินเนื้อคนที่ และน่าสะอิดสะเอียนกว่านั้นคือการกระทำชำเราชิ้นส่วนของศพอีกด้วย
ฟังดูแล้วคล้ายกับเรื่องที่เกิดในเกาหลีใต้ แต่วิธีการรับมือของโรงเรียนจะแตกต่างออกไป แม้นักเรียนจะเป็นเด็กที่โตแล้ว แต่โรงเรียนได้จัดหาจิตแพทย์เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับนักเรียนที่หวาดผวาจนตกอยู่ในความเครียดหลังจากได้ดูวีดีโอที่มีเนื้อหารุนแรง
ใช่แล้วค่ะ ถึงนักเรียนจะเป็นเด็กโตที่เข้าวัยรุ่นแล้ว แต่การตัดสินใจของพวกเค้าไม่สามารถนำมาหักล้างความผิดของครู เพราะหน้าที่ของบุคลากรที่เป็นผู้ใหญ่คือการป้องกันผู้เยาว์ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจเพียงพอ เด็กบางคนยอมรับว่า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงร่วมโหวตดูวีดีโอ แต่เมื่อได้ดูไปสักพักก็รู้ตัวว่าคิดผิดซะแล้ว และที่สำคัญ เด็กบางคนไม่ต้องการดูวีดีโอนี้ แต่ต้องจำใจดูจากแรงกดดันของเพื่อนในห้อง
ฟังดูแล้วคล้ายกับเรื่องที่เกิดในเกาหลีใต้ แต่วิธีการรับมือของโรงเรียนจะแตกต่างออกไป แม้นักเรียนจะเป็นเด็กที่โตแล้ว แต่โรงเรียนได้จัดหาจิตแพทย์เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับนักเรียนที่หวาดผวาจนตกอยู่ในความเครียดหลังจากได้ดูวีดีโอที่มีเนื้อหารุนแรง
แม้ว่าที่จริงแล้ว ได้มีการยกมือโหวตหาเสียงส่วนมากเพื่อตกลงดูวีดีโอนั้นในกลุ่มนักเรียนเอง!
ใช่แล้วค่ะ ถึงนักเรียนจะเป็นเด็กโตที่เข้าวัยรุ่นแล้ว แต่การตัดสินใจของพวกเค้าไม่สามารถนำมาหักล้างความผิดของครู เพราะหน้าที่ของบุคลากรที่เป็นผู้ใหญ่คือการป้องกันผู้เยาว์ที่ยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจเพียงพอ เด็กบางคนยอมรับว่า ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงร่วมโหวตดูวีดีโอ แต่เมื่อได้ดูไปสักพักก็รู้ตัวว่าคิดผิดซะแล้ว และที่สำคัญ เด็กบางคนไม่ต้องการดูวีดีโอนี้ แต่ต้องจำใจดูจากแรงกดดันของเพื่อนในห้อง
รัฐมนตรีศึกษาธิการของรัฐQuebec ได้ตำหนิการกระทำนี้ว่า น่าประหวั่นพรั่นพรึง แสดงชัดเจนว่าครูขาดความยั้งคิด และไม่เห็นคุณค่าทางการศึกษาจากให้เด็กๆได้ดูวีดีโอนี้แม้แต่น้อย
ครูตัวการถูกพักงานภายในวันเดียวกับที่ได้เปิดวีดีโอนี้ให้นักเรียนดู แสดงถึงความจริงจังของโรงเรียนในการคุ้มครองเด็กๆในโรงเรียน หลังจากที่ส่งอีเมลเพื่อขอโทษต่อการกระทำ บอร์ดบริหารโรงเรียนได้เรียกตัวครูมาสอบสวนทางวินัยและเปิดโอกาสให้เล่าเรื่องราวในฝั่งตัวเอง และตัดสินใจสรุปบทลงโทษไล่ออกจากโรงเรียน เพราะไม่สามารถยอมรับการกระทำนี้ได้ ส่วนตำรวจก็ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
การเปิดวีดีโอสยองที่มีภาพของชายที่แทงและกินศพให้เด็กๆดูได้ สร้างข้อถกเถียงไปทั่ว เพราะตัวนักเรียนหลายคนได้ออกมาปกป้องคุณครูว่าทำไปเพราะคำขอร้องของพวกเค้า แต่ Mahfooz Kanwar อาจารย์ภาคอาชญาวิทยา แห่งมหาวิทยาลัย Mount Royal University ได้ให้ความเห็นว่า เขาจะไม่ยอมเปิดวีดีโอเช่นนี้ให้นักเรียนในวัยผู้ใหญ่ดูด้วยซ้ำ หากว่ามันเกิดขึ้นกับลูกหลานของเขาเองก็คงรู้สึกแย่มากเพราะมันสามารถสร้างความเสียหายต่อเด็กๆได้ เด็กบางคนอาจจะเกิดความกลัวฝังใจไปตลอดชีวิต
แล้วใครล่ะที่จะมารับผิดชอบ ?
Tuscany ,Italy
ครูอนุบาลในโรงเรียนจีนถูกจับหลังจากทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาล อ้าง อยู่จีน ใครๆก็ทำเป็นเรื่องปกติ
แม้ในประเทศจีนจะมีกฎหมายเอาผิดกับผู้ทำทารุณเด็ก แต่ก็ยังมีการถกเถียงเรื่อง "เส้นแบ่งที่เหมาะสม"ในการคสบคุมนักเรียนให้อยู่ในวินัยด้วยการใช้ความรุนแรง ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พ่อแม่ชาวจีนจำนวนมากมายไม่สามารถทำใจยอมรับในการลงโทษที่รุนแรงจนเด็กๆต้องเจ็บตัวได้อีกต่อไป ( คล้ายคลึงกับบางประเทศที่ยึดมั่นว่าความเป็นครูนั้นมีบุญคุณใกล้เคียงกับบุพการี และสามารถกระทำต่อเด็กได้ตามใจชอบโดยที่ผู้ปกครองต้องยอมรับ) เคสการทารุณเด็กในประเทศจีนมีเยอะมากๆ และมีการเอาผิดอย่างจริงจังแล้วค่ะ ยกตัวอย่างปีที่แล้ว ครูอนุบาลในจีนที่ใช้คลิปหนีบกระดาษทิ่มไปตัวเด็กที่ไม่นอนกลางวันก็ต้องชดใช้ความผิดในคุกเป็นเวลา18เดือน
เมื่อจีนเริ่มกวดขันพฤติกรรมความรุนแรงของครูในโรงเรียน คุณอาจจะไม่คาดคิดว่า ครูจีนที่เดินทางไปทำงานที่ยุโรปที่มีกฎหมายปกป้องเด็กที่เข้มแข็งจะกล้ากระทำรุนแรงเช่นนี้
เหตุการณ์ในโรงเรียนจีนที่ประเทศอิตาลีสร้างเสียงกล่าวขวัญไปทั่วประเทศ เมื่อครูสาวสองคนได้ทารุณเด็กๆที่มีวัยระหว่าง 3 - 6 ขวบ ทั้งใช้ไม้เรียวตี เตะ เหวี่ยงกระแทก ใช้ไม้ถูพื้นทุบ โหดไม่ต่างจากครูโรเรียนดังแห่งหนึ่ง!
ผู้ปกครองของเด็กล่วงรู้ในเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกหลานจากคำบอกเล่าของครูหรือหนักงานคนอื่นๆในโรงเรียน พวกเค้าจึงติดต่อตำรวจเพื่อสืบสวนในคดีทารุณเด็ก ตำรวจมิได้นิ่งนอนใจ รีบการติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยไม่ให้ครูทั้งสองรู้ตัวและได้หลักฐานการทำร้ายมาอย่างชัดเจน เพียงไม่กี่วันก็พบว่า เด็กๆถูกทำร้ายไปมากกว่าสี่สิบครั้ง หลายครั้งมีความรุนแรงจนสะเทือนใจ เด็กส่วนใหญ่จะมีเชื้อชาติจีน แต่ก็เป็นพลเมืองที่พำนักในอิตาลี และแน่นอนว่าครูโหดสองคนนี้จะต้องรับโทษตามกฎหมายของอิตาลี
หลังจากที่ครูโหดถูกจับกุม หนึ่งนนั้นได้อ้างอย่างหน้าด้านหน้าทนว่า ไม่มีใครมาก่อนว่า ไม่สามารถทุบตีเด็กได้ เพราะทีจีน การใช้ไม้เรียวตีเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กเป็นเรื่องปกติ
แต่ทันทีที่ชาวเน็ทจีนได้รู้ข่าวที่งามหน้าไปถึงอิตาลีก็โต้กลับว่า พฤติกรรมความรุนแรงทีปรากฏอยู่ในวีดีโอนั้น ถ้าเกิดในจีน ก็ต้องถึงมือตำรวจไม่ต่างกัน ( การทำโทษเด็กด้วยความรุนแรงในโรงเรียนเป็นสิ่งที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามทำ แต่ในทางปฏิบัติ สังคมต่างก็รับรู้ว่ายังมีครูที่ทำโทษเด็กด้วยการใช้กำลัอยูทั่วไป ไม่ต่างจากเมืองไทย)
หลังจากที่ครูโหดถูกจับกุม หนึ่งนนั้นได้อ้างอย่างหน้าด้านหน้าทนว่า ไม่มีใครมาก่อนว่า ไม่สามารถทุบตีเด็กได้ เพราะทีจีน การใช้ไม้เรียวตีเพื่อควบคุมพฤติกรรมเด็กเป็นเรื่องปกติ
แต่ทันทีที่ชาวเน็ทจีนได้รู้ข่าวที่งามหน้าไปถึงอิตาลีก็โต้กลับว่า พฤติกรรมความรุนแรงทีปรากฏอยู่ในวีดีโอนั้น ถ้าเกิดในจีน ก็ต้องถึงมือตำรวจไม่ต่างกัน ( การทำโทษเด็กด้วยความรุนแรงในโรงเรียนเป็นสิ่งที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามทำ แต่ในทางปฏิบัติ สังคมต่างก็รับรู้ว่ายังมีครูที่ทำโทษเด็กด้วยการใช้กำลัอยูทั่วไป ไม่ต่างจากเมืองไทย)
คนที่ชอบใช้ความรุนแรงกับเด็กอาจจะอ้างเหตุผลล้านแปดเพื่อปกป้องการกระทำของตัวเอง แต่เด็กตัวเล็กๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะหลบหนีหรือแม้แต่รวบบรวมความกล้าบอกผู้ใหญ่ที่บ้านในสิ่งที่เกิดขึ้น หลายคนถูกขู่เข็ญหรือหวาดกลัวจนแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติ ประสบการณ์ที่ถูกทำร้ายในวัยเด็กอาจจะส่งผลกระทบกับสุขภาพจิตอย่างหนักหนาสาหัสจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเราต่างหวังเหลือเกินว่า ข่าวที่กำลังเกรียวกราวจะไม่ได้เป็นกระแสที่อีกไม่นานก็เงียบหายไปจนลืมเลือนกันไปหมด แต่ขอให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการคัดเลือกบุคลากรที่จะมาทำงานเพือเด็กๆ รวมถึงเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่หนุนให้เกิดการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนเพราะคำว่า "บุญคุณ" หรือ " หวังดี" มาสร้างบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็ก ยุติแนวคิดที่จะพัฒนาคนด้วยการสร้างรากฐานจากความหวาดกลัว มาใช้วิธีที่สร้างสรรค์และไม่ผิดกฎหมาย
ดังตัวอย่างที่ชัดเจนจากสวีเดน ประเทศที่มักถูกจัดให้มีระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมและสามารถผลิตทรัพยากรบุคคลมาพัฒนาประเทศจนก้าวหน้า ข้อห้ามเรื่องการทำโทษเด็กด้วยความรุนแรงทุกประเภทเริ่มเป็นครั้งแรกมาตั้งแต่ปี 1979 และจากการสำรวจวิจัยก็พบว่า ประเทศที่เด็กๆที่ได้รับการปกป้องจากความรุนแรงด้วยน้ำมือผู้ใหญ่ทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน อัตราอาชญากรรมจะต่ำกว่า
แล้วพวกเรายังต้องมีการทำโทษด้วยการใช้ความรุนแรงกับเด็กอยู่อีกหรือ ?
The End