นึกว่าจะได้ซื้อของถูก แต่ก็จ่ายเยอะอยู่ดี

50 9

รายละเอียดของสินค้า และส่วนผสม ดูได้ที่เว็บนี้ครับ


 https://deciem.com/brand/the-ordinary 


ถ้าไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ลองเปิดด้วย Chrome มันจะมีที่แปลภาษาครับ 


ส่วนใหญ่สินค้า the Ordinary จะเป็น vegan , no alcohol , no fragrance , no silicone (รายละเอียดต้องดูเป็นอัน ๆ ไป) ซึ่งตรงใจผมมาก


Silicone แม้จะปลอดภัย ไม่อุดตัน แต่ถ้าเลี่ยงได้ผมจะเลี่ยง (silicone บางอัน บางเกรดก็ไม่อุดตัน แต่ขี้เกียจมานั่งดูมานั่งเช็คครับ)


Fragrance อาจใส่เพื่อให้มีกลิ่นที่น่าอภิรมย์ หรือมาจาก essential oil ในส่วนผสม แต่สำหรับผม ส่วนใหญ่จะแพ้ หน้าขึ้นเป็น bump ๆ เพราะงั้นผมเลยเลี่ยงครับ 


Alcohol ใส่เพื่อเนื้อสัมผัสของครีม หรือบางทีแอลกอฮอล์จะดึงสารสกัดของวัตถุดิบนั้นออกมาได้ดีขึ้น แต่ผมจะเลี่ยงครับ

อันนี้เป็นราคานะครับ ต้องบวก tax เพิ่มไปด้วย
(ภาษีจะแตกต่างกันไป เช่นที่นิวหยอค จะ 8.875% ส่วนที่ DC จะ 5% มั๊ง หรือ ที่ philly จะไม่มี tax ในสินค้าบางอย่าง )

อัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 USD = 31.52 บาท นะครับ

1. Glycolic acid 7% Toning solution
ขนาด 240 ml ราคา 299 บาท


อันนี้เป็นโทนเนอร์ AHA ครับ เรียกว่าน้ำตบก็ได้นะ


AHA ช่วยเรื่องผลัดเซลส์ผิว ใช้ตอนเย็นหลังล้างหน้า ส่วนตอนกลางวันก็ทากันแดดให้ดีครับ


AHAs มีหลายอย่างครับ เช่น
Citric acid (จาก ผลไม้ตระกูล citrus เช่น ส้ม มะนาว)
Glycolic acid (จากอ้อย)
Lactic acid (จากแลคโทส หรือ carb อื่น ๆ )
Tartaric acid ( จากองุ่น )
และ 9ล9 แต่ละอย่างก็มีจุดเด่นและข้อบ่งใช้

2. Niacinamide 10% + zinc 1 %
ขนาด 60 ml ราคา 364 บาท

ปกติ papers เห็นว่า Niacinamide 5% ก็ช่วยเรื่องสิวครับ ใครเป็นสิวเล็กน้อย ลองได้ครับ (หลังจากศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเองก่อนนะครับ) ส่วนสิวปานกลางไปทางหนักหนาสาหัส ลองปรึกษาตจแพทย์ดูครับ

อันนี้ niacinamide 10% อาจจะทำให้ระคายเคืองได้นะ แต่แค่อาจจะไง งานวิจัย 10% ที่บอกว่าทำให้ระคายเคือง ยังมีไม่มากพอ

Zinc 1% ก็ช่วยเรื่องสิว ผมเคยใช้ไปแล้ว 2 หลอด สภาพผิวโดยรวมก็ใช้ได้นะครับ นี่เลยซื้อมาอีก 2 หลอด

ถ้าผิวแพ้ง่ายมาก ๆ แต่อยากจะใช้ vit C + niacinamide แต่ก็กลัว niacin flush ก็พยายามใช้ vit c คนละเวลากับ niacinamide นะครับ เช่น ใช้ vit C กลางวัน ส่วนกลางคืน ใช้ vit B3 (อันนี้แค่ยกตัวอย่างเฉย ๆ นะครับ)
3. Buffet
ขนาด 60 มล ราคา 964 บาท

อันนี้เอา peptides หลาย ๆ ตัวมารวมกันครับ ราคาแพงนะครับ ใน line ของ The ordinary

4. Natural Moisturizing factors + HA
ขนาด 100 ml ราคา 264 บาท


อันนี้เป็น มอยเจอร์ไรเซอร์ ให้ความชุ่มชื่นครับ เป็น NMF (Natural Moisturizing factors) มีพวก amino acids, alpha/beta/gamma fatty acids , triglycerides, urea, ceramides, phospholipids, sterols,  glycerin, saccharine, sodium PCA + hyaluronic


ส่วนตัวผม มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดี ต้องให้ความชุ่มชื่น และช่วยเรื่องเกราะกำบังผิว


มีอัตราส่วนผสม cholesterol , ceramides และ essential /non essential free fatty acids ที่ 3:1:1:1 เพื่อที่จะช่วยเรื่อง skin barrier ถ้าผามมาในอัตราอื่นแทนที่จะช่วย อาจได้ผลอีกแบบ และเราจะรู้ได้อย่างไรละว่าครีมที่เราซื้อมาผสมมาในอัตรานี้รึเปล่า คำตอบคือ ต้องรู้จัก R&D ของผลิตภัณฑ์นั้น และก็หวังว่าเค้าจะใส่มาตามนั้นนะ หรือ บางทีผู้ผลิตก็จะแจ้งมา ผมจำยี่ห้อไม่ได้แล้ว ว่าอันไหนที่เค้าแจ้งไว้เลยว่า 3:1:1:1 


นอกจากนั้น ผิวของเราเป็นแบบไหน ก็ไปดูเรื่อง humectant , emollient และ occlusive ครับ จะได้รู้ว่าอันไหนเหมาะกับเรา


ผมลองใช้อันนี้แล้ว โอเคเลยครับ หน้าไม่ขึ้นเป็น bump ๆ 


ตอนแรกก็กลัวนะ เพราะมันเป็น hydrators + oils ทาแล้วมันเคลือบหน้า เหมือนมันไม่ลงไป

แต่พอใช้แล้วรอด หน้าก็ชุ่มชื่นดี แม้จะดูเหมือนว่าครีมมันไม่ลงไปในหน้า และที่เคลือบ ๆ บนผิวหน้า ก็ไม่ทำให้คันยิบ ๆ บนหน้า หลังจากล้างออกแล้ว วันต่อมา ไม่เกิด bump บนหน้า (ตอนซื้อไม่กล้ายืนอ่านส่วนผสม เพราะเป็นร้านครีม พนักงานก็มีแต่ผู้หญิง และตอนนั้นผมก็เป็นลูกค้าคนเดียว )

เหตุผลที่ผมไปซื้อ The ordinary คือ 


1. มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีมาก ๆ สำหรับผมหมดครับ และทริปที่จะไปอังกฤษโดนยกเลิก 


Simple regeneration age resisting day cream SPF 15 และตัว night cream ขนาด 50 ml รายละเอียดสินค้า + ส่วนผสม ดูได้ที่นี่ครับ


https://www.simple.co.uk/products/face-moisturisers-and-creams.html 


ส่วนผสมก็ดีมี pro vit B5, vit E, Oat-beta glucan, เห็ด ชาเขียว และ prebiotic และอื่น ๆ ถ้าจำไม่ผิด ใส่สารสกัดชาเขียว 5% ครับ 


ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม ไม่มี mineral oils ไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ 


ส่วนเรื่องราคานะเหรอ 5.99 £ แต่ส่วนใหญ่ ซื้อ 1 แถม 1 เพราะฉะนั้น เหลือหลอดละ 122 บาท ( 1£ = 40.7 บาท) ถ้าช่วงไหนไม่ลด ผมก็ไม่ซื้อ


คือมียึ่ห้อไหน ถูกและดี แบบนี้อีกครับ? 


****มอยเจอร์ไรเซอร์ของ the ordinary 100 ml = 264 บาท ส่วนของ simple 50 ml = 122 บาท เพราะฉะนั้น The ordinary แพงกว่า Simple มล. ละ 20 สตางค์ครับ !

2. ระหว่างนั้นก็ไปเอา ว่านหางจระเข้ หรือ โลชั่นของ vanicream มาทาหน้า แต่มันก็ยังไม่ใช่อะจอร์จ 


ว่านหางก็ไม่ชุ่มชื่นมากพอ ส่วน vanicream คงไม่เหมาะกับหน้าผม ขึ้นเป็น bump ๆ เลยจ้า
และไป grocery เอเชียมา มี snail white cream 50 ml ตั้งอยู่ ราคาประมาณ 130 บาท เลยหยิบมา ไม่ได้อ่านส่วนผสมอะไรทั้งสิ้น พอควักครีมมา โห น้ำหอมฉุนกึก เนื้อครีมก็ไม่โดนใจ เลยลองเสี่ยงทาดู สรุปวันรุ่งขึ้น หน้าขึ้น bump ๆ 3-4 อันเลยจ้า เดี๋ยวจะเอามาทาตัวทาตูดจะได้หมด ๆ ไป

3. ถึงนิวหยอค เลยเข้า CVS เห็น Moisturizer ของ differin ( คือใช้ adapalene gel 0.1 % ของยี่ห้อ differin อยู่ ) คิดว่ามันต้องดีสิ เพราะ differin gel ใช้เพื่อคนเป็นสิว เพราะฉะนั้นตัว Moisturizer ก็น่าจะดี เลยซื้อมา ราคาน่าจะประมาณ 15-16 USD + tax แต่พอมาถึงที่พัก เห็นส่วนผสม ไม่กล้าใช้ มีทั้ง hydrogenated polyisoprene กับ avocado oil และ dimethicon

4. เลยลังเลว่าจะเข้าไปซื้อ Moisturizer ที่ sephora ดีไหม แต่อีกใจก็ไม่กล้าเข้าคนเดียว เพราะมันเป็นร้านเครื่องสำอาง


แต่พอดีมีร้านของ DECIEM เลยเข้าไปหยิบ Moisturizer มา 2 อัน และอะไรเลใจก็ไม่รู้ ไปหยิบ niacinamide 10% กับ glycolic 7% มาอีกอย่างละ 2 


สรุปตอนไปจ่ายเงิน เค้าไม่มีเงินทอน ผมเลยต้องไปหยิบ buffet มาอีกอัน เค้าจะได้มีเงินทอน ( ผมไม่ได้เอาบัตรไป + ผมมีแบงค์ 100 ) 


5. เคยใช้ The ordinary นานมาแล้ว 

5.1 squalane cleanser
ก็คิดว่าเป็นครีมล้างหน้าปกติ แต่อันนี้มันคือ make up remover เป็นเนื้อครีมที่ตัองเอามาถู ๆ ที่มือก่อน แล้วค่อยไปถูกับหน้า และมันจะเปลี่ยนเป็นน้ำมัน ๆ จากนั้นวักน้ำอุ่นเพื่อล้างน้ำมันออก และก็ล้างด้วยครีมล้างหน้าอื่นอีกที ( double cleansing )

ตอนซื้อก็ไม่รู้ไง ก็ใช้เหมือนใช้ครีมล้างหน้าทั่วไป (ถูหน้า และล้างออก)
ผลปรากฏว่าวันรุ่งขึ้น หน้าขึ้นเป็น bump ๆ 3-4 เม็ดเลยจ้า


5.2 100% cold-pressed virgin marula oil
อันนี้ตอนที่ DE ออก marula oil มาใหม่ ๆ Ordinary ก็ออก marula oil  เห็นคนพูดว่า marula oil ดีอย่างนู้นอย่างนี้ ผมก็หูบล็อคสิ (ไม่สนเลยว่าผิวผมพังมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วเพราะ oil) ไปหา marula oil มาใช้เลย (ผมก็ซื้อแบบประหยัดเนอะ เลยเลือก Ordinary)


สรุปวันรุ่งขึ้น หน้าเนียนเด้งเลย แต่พอวันที่ 2 bumps เริ่มมา 3-4 เม็ด


คือปัญหาอาจจะเป็นที่ผมนะแหละ เรื่องการใช้ oil ไม่ว่าจะทาตัว หรือทาหน้า มันจะเหนอะ และคัน ๆ และตอนล้างผมก็ใช้ครีมล้างหน้าธรรมดาล้างออก (ไม่ได้ double cleansing โดยใช้ oil cleanser หรือ micellar water cleanser ก่อน )

สรุปแม้ว่าทั้ง squalane cleanser และ marula oil ของ Ordinary ที่เคยซื้อ จะทำให้หน้าผมเป็น bump ๆ แต่ก็ยังไม่เข็ด ไปซื้อสินค้าอื่นของ Ordinary มาอีก!

อันนี้คือ oil ที่เคยเอามาทาหน้า (ที่ตอนนี้ยังหาเจอ ส่วนที่ทิ้งไปแล้วก็มีอีกหลายอัน)

ทุกตัวไม่มีอันไหนที่ผมใช้แล้วดีขึ้นเลย!

มาคุยเล่นถึงพวก actives กันดีกว่านะครับ


ในอดีต บริษัทอาจจะไม่บอกความเข้มข้นของสารที่ใส่ใน skincare  แต่พอเวลาผ่านไป ผู้คนเข้าถึงองค์ความรู้มากขึ้น หลายบริษัทเริ่มบอกส่วนผสมแล้วว่าใส่สารโน่น นั่น นี่ เท่าไหร่ ส่วนผสมอะไรบ้าง


หลายบริษัทเริ่มทำผลิตภัณฑ์ actives แบบแยกมาขายในตลาด mass มากขึ้น เช่น retinoids , vit c , acids, antioxidants, molecules สำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาเป็นจุด ๆ ไป


สินค้าพวกนี้มีหลายระดับราคา อย่าง  DECIEM ก็มีทั้ง NIOD ,HYALAMIDE และอื่น ๆ ส่วนตัวที่ราคาถูกก็จะเป็น The ordinary


คนพูดถึง the ordinary เยอะ มีอีกหลายบริษัทเข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาดตรงนี้ เช่น The inkey list หรือ boots ก็ออก boots ingredients
แต่สินค้าของ boots ingredients ยังไม่หลากหลายเท่า ordinary หรือ inkey และตอนนี้รู้สึกว่า olay ก็ออกสินค้าประมาณนี้ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ )



** Inkey ผมไม่เคยใช้ ส่วน olay ที่เป็นตัว ingredients ผมก็ไม่เคยเห็น เพียงแค่ได้ยินผ่าน ๆ เฉย ๆ ครับ


Boxer-T

Boxer-T

FULL PROFILE