Dior Capture Totale เซรั่มหยุดเวลาผิวในตำนาน
Wave1992 46 7 JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!
สวัสดีครับ รอบนี้เวฟกลับมารีวิวสกินแคร์กันอีกแล้ว โดยจะขอหยิบชิ้นที่ได้เป็นรางวัลจากการร่วมสนุกกับทางจีบันในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเวฟเองก็เป็น 1 ใน 10 ผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลครับ ก่อนอื่นเวฟขอขอบพระคุณทีมงานจีบัน ที่ได้สร้างสรรกิจกรรมดีๆเรื่อยมา รวมถึง Dior ที่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนของกิจกรรมครั้งนี้ครับ
สกินแคร์ที่เวฟจะรีวิว คือ Dior Capture Totale Super Potent Serum ซึ่งได้ถูกขนานนามว่า “เซรั่มหยุดเวลาผิวในตำนาน ที่พัฒนามายาวนานกว่า 30ปี” ทำไมจึงเป็นตำนาน? ดีจริงไหม? มีอะไรน่าสนใจบ้าง? ตามมาดูกันครับ
เวฟข้อเกริ่นที่มาที่ไปของการสร้างสรรสกินแคร์ตัวนี้ก่อนครับ เจ้าเซรั่มในไลน์ Capture Totale ตัวนี้ได้ถูกคิดค้นมายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว ด้วยความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ในช่วงแรกทาง Dior เริ่มมีการวิจัยเกี่ยวกับไลโปโซม ต่อมาได้พัฒนาการวิจัยไปยังเรื่องการเติมพลังงานสู่เซลล์ผิว โดยทีมวิจัยค้นพบว่า แท้จริงแล้วปัญหาผิวหนังเหวี่ยวโทรม มีริ้วรอย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุและเพศเท่านั้น หากแต่ยังมีอีกปัจจัยที่สำคัญ นั้นคือ เซลล์แม่ หรือ เซลล์ต้นกำเนิดเนื้อเยื่อในร่างกายที่ขาดพลังงานในการขับเคลื่อน ส่งผลทำให้ผิวไม่สามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมได้ดีเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ทีมวิจัยจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อให้ได้มาซึ่งการกอบกู้สภาพผิวให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง นำไปสู่ผลงานการวิจัยภายใต้ชื่อ Dior Capture Totale C.E.L.L.ENERGY จากที่เวฟได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่า Dior ไม่เคยหยุดนิ่งในการค้นคว้าและนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆมาพัฒนาสกินแคร์ครับ
สำหรับ Dior Capture Totale ในรุ่นปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยี Bio-Cellular Technology ร่วมกับการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมากกว่า 91% โดยยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของ Dior Capture Totale Super Potent Serum ซึ่งเป็นเซรั่มสูตรใหม่ล่าสุดของทางแบรนด์ โดยมีส่วนผสมสำคัญที่ได้จากพืชอยู่ 4 ชนิด ได้แก่
สกินแคร์ที่เวฟจะรีวิว คือ Dior Capture Totale Super Potent Serum ซึ่งได้ถูกขนานนามว่า “เซรั่มหยุดเวลาผิวในตำนาน ที่พัฒนามายาวนานกว่า 30ปี” ทำไมจึงเป็นตำนาน? ดีจริงไหม? มีอะไรน่าสนใจบ้าง? ตามมาดูกันครับ
เวฟข้อเกริ่นที่มาที่ไปของการสร้างสรรสกินแคร์ตัวนี้ก่อนครับ เจ้าเซรั่มในไลน์ Capture Totale ตัวนี้ได้ถูกคิดค้นมายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว ด้วยความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ในช่วงแรกทาง Dior เริ่มมีการวิจัยเกี่ยวกับไลโปโซม ต่อมาได้พัฒนาการวิจัยไปยังเรื่องการเติมพลังงานสู่เซลล์ผิว โดยทีมวิจัยค้นพบว่า แท้จริงแล้วปัญหาผิวหนังเหวี่ยวโทรม มีริ้วรอย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุและเพศเท่านั้น หากแต่ยังมีอีกปัจจัยที่สำคัญ นั้นคือ เซลล์แม่ หรือ เซลล์ต้นกำเนิดเนื้อเยื่อในร่างกายที่ขาดพลังงานในการขับเคลื่อน ส่งผลทำให้ผิวไม่สามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมได้ดีเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้ทีมวิจัยจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อให้ได้มาซึ่งการกอบกู้สภาพผิวให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง นำไปสู่ผลงานการวิจัยภายใต้ชื่อ Dior Capture Totale C.E.L.L.ENERGY จากที่เวฟได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่า Dior ไม่เคยหยุดนิ่งในการค้นคว้าและนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆมาพัฒนาสกินแคร์ครับ
สำหรับ Dior Capture Totale ในรุ่นปัจจุบัน มีการใช้เทคโนโลยี Bio-Cellular Technology ร่วมกับการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมากกว่า 91% โดยยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักของ Dior Capture Totale Super Potent Serum ซึ่งเป็นเซรั่มสูตรใหม่ล่าสุดของทางแบรนด์ โดยมีส่วนผสมสำคัญที่ได้จากพืชอยู่ 4 ชนิด ได้แก่
- Longoza (ลองโกซา) ที่ได้สมญานามว่าเป็น “ไม้ยืนต้นอมตะ” ถูกพบในดินแดน Madagascar ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นพลังงานให้กับเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใส รวมถึงป้องกันริ้วรอยแห่งวัย
- Peony (โบตั๋น) มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยปกป้องผิวจากแสง UV
- White Lily (ลิลลี่ขาว) มีสาร Glycolic Acid ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และยังเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว ทำให้ผิวฟูกระชับ
- Chinese Jasmin (ดอกมะลิจีน) ช่วยปรับระดับความชุ่มชื่นของผิว รวมถึงเพิ่มความยืดหยุ่นของชั้นผิวได้ดี **ซึ่งสารประกอบหลักทั้ง 4 ถูกเรียกรวมว่า Floral Complex
นอกจากนี้ยังมีกลไล Lipo-3X เป็นตัวสำคัญ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนตัวช่วยในการลำเลียงสารบำรุงต่างๆให้ลงสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึกถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับสกินแคร์โดยทั่วไป
นวัตกรรมความล้ำหน้าทางการบำรุงผิวที่เวฟได้กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Dior Capture Totale Super Potent Serum โดยทางแบรนด์เคลมว่า หากใช้เป็นประจำ จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ หมดกังวลเรื่อง ริ้วรอยแห่งวัย ความหย่อนคล้อย ความแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น และ ผิวขาดความสดใส โดยเซรั่มตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่งมือในการซ่อมแซมและปกป้องผิวถึงระดับเซลล์ผิว
ความพิเศษที่นอกเหนือจากส่วนผสมหลักอย่าง Floral Complex และกลไก Lipo-X3 เซรั่มตัวนี้ยังใช้ Sodium Acetylated Hyaluronic Acid ที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำกว่า Hyaluronic Acid ทั่วไป จึงทำให้ผิวสามารถดูดซับสารบำรุงได้รวดเร็วและล้ำลึกมากถึง 13 เท่า
ส่วนประกอบอื่นๆที่น่าสนใจ มีดังนี้
นวัตกรรมความล้ำหน้าทางการบำรุงผิวที่เวฟได้กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของ Dior Capture Totale Super Potent Serum โดยทางแบรนด์เคลมว่า หากใช้เป็นประจำ จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ หมดกังวลเรื่อง ริ้วรอยแห่งวัย ความหย่อนคล้อย ความแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น และ ผิวขาดความสดใส โดยเซรั่มตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่งมือในการซ่อมแซมและปกป้องผิวถึงระดับเซลล์ผิว
ความพิเศษที่นอกเหนือจากส่วนผสมหลักอย่าง Floral Complex และกลไก Lipo-X3 เซรั่มตัวนี้ยังใช้ Sodium Acetylated Hyaluronic Acid ที่มีน้ำหนักโมเลกุลต่ำกว่า Hyaluronic Acid ทั่วไป จึงทำให้ผิวสามารถดูดซับสารบำรุงได้รวดเร็วและล้ำลึกมากถึง 13 เท่า
ส่วนประกอบอื่นๆที่น่าสนใจ มีดังนี้
- Niacinamide หรือ วิตามิน B3 : ทำหน้าที่ปลอบประโลมผิว มอบความชุ่มชื้นและลดจุดด่างดำ
- Squalane : ทำหน้าที่เสริมเกราะป้องกันชั้นผิว (Skin Barrier) ช่วยให้ผิวแข็งแรงและสุขภาพดี
- Ascorbly Glucoside : เป็นวิตามิน C ที่ค่อนข้างเสถียร ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
วิธีการใช้ : ใช้ทาลงบนผิวหน้าที่ทำความสะอาดแล้ว หรือหลังการเช็ดด้วยโทนเนอร์ แล้วจึงลง Dior Capture Totale Super Potent Serum สามารถทาได้ทั้งเช้า-ก่อนนอนครับ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ : สิ่งที่เวฟสัมผัสได้หลังจากการทดลองใช้ Dior Capture Totale Super Potent Serum ประมาณ 14 วัน เวฟพบว่าจุดด่างดำบนผิวหน้าลดน้อยลง ผิวดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย ช่วงที่ใช้ 1-3 วันแรก ต้องพูดกันตรงๆว่า มีสิวขึ้น เวฟตกใจมากเพราะกลัวจะแพ้ แต่ตัดสินใจใช้ต่อไปอีกสักระยะ พบว่าปัญหาสิวหายไป สิวที่ขึ้นยุบตัวลง ไม่มีสิวเพิ่มขึ้นใหม่ เหมือนกับว่าผิวได้ปรับสภาพและตอบรับกับสารบำรุงในเซรั่มนี้ได้ นอกจากนี้เซรั่มตัวนี้ยังมอบความชุ่มชื่นแก่ผิวได้ดี โดยทำหน้าที่โอบอุ้มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี มีความโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติครับ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ : สิ่งที่เวฟสัมผัสได้หลังจากการทดลองใช้ Dior Capture Totale Super Potent Serum ประมาณ 14 วัน เวฟพบว่าจุดด่างดำบนผิวหน้าลดน้อยลง ผิวดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย ช่วงที่ใช้ 1-3 วันแรก ต้องพูดกันตรงๆว่า มีสิวขึ้น เวฟตกใจมากเพราะกลัวจะแพ้ แต่ตัดสินใจใช้ต่อไปอีกสักระยะ พบว่าปัญหาสิวหายไป สิวที่ขึ้นยุบตัวลง ไม่มีสิวเพิ่มขึ้นใหม่ เหมือนกับว่าผิวได้ปรับสภาพและตอบรับกับสารบำรุงในเซรั่มนี้ได้ นอกจากนี้เซรั่มตัวนี้ยังมอบความชุ่มชื่นแก่ผิวได้ดี โดยทำหน้าที่โอบอุ้มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี มีความโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติครับ
ข้อควรระวัง : มีสารประกอบของแอลกอฮอล์และน้ำหอม หากใครแพ้สารผสม 2 ตัวนี้ เวฟขอให้หลีกเลี่ยง ส่วนตัวรู้สึกได้ว่ามีปริมาณสารระคายเคืองอยู่พอสมควรครับ แต่ถ้าใครไม่มีปัญหาดังกล่าว เวฟก็อยากให้ได้ลองกัน
ถ้าถามเวฟว่าน่าลงทุนไหม เมื่อเทียบในไลน์เดียวกันของ Dior Capture Totale เวฟว่าซื้อใช้แค่เจ้าตัวเซรั่มนี้ก็ได้ครับ เพราะสารอาหารผิวแน่นและดีจริง อีกทั้งยังสามารถนำมาเสริมเป็นกองหนุนให้กับสกินแคร์ที่ใช้ประจำอยู่แล้วก็ได้ จะได้เพิ่มการบำรุงผิวขั้นกว่าด้วยครับ
Dior Capture Totale Super Potent Serum ถือเป็นอีกหนึ่งในเซรั่มที่ควรลอง ใครที่อยากมีผิวสุขภาพดี ไกลปัญหาริ้วรอยและความหมองคล้ำ ลองมาเปิดประสบการณ์กับเซรั่มตัวนี้กันครับ เวฟเชื่อว่า เซรั่มขวดนี้จะทำให้ผิวดูดีขึ้นมากกว่าที่เป็นครับ
ถ้าถามเวฟว่าน่าลงทุนไหม เมื่อเทียบในไลน์เดียวกันของ Dior Capture Totale เวฟว่าซื้อใช้แค่เจ้าตัวเซรั่มนี้ก็ได้ครับ เพราะสารอาหารผิวแน่นและดีจริง อีกทั้งยังสามารถนำมาเสริมเป็นกองหนุนให้กับสกินแคร์ที่ใช้ประจำอยู่แล้วก็ได้ จะได้เพิ่มการบำรุงผิวขั้นกว่าด้วยครับ
Dior Capture Totale Super Potent Serum ถือเป็นอีกหนึ่งในเซรั่มที่ควรลอง ใครที่อยากมีผิวสุขภาพดี ไกลปัญหาริ้วรอยและความหมองคล้ำ ลองมาเปิดประสบการณ์กับเซรั่มตัวนี้กันครับ เวฟเชื่อว่า เซรั่มขวดนี้จะทำให้ผิวดูดีขึ้นมากกว่าที่เป็นครับ
ขอบคุณที่ติดตามรีวิวกันนะครับ