Anti-Gravity Skincare คืออะไร? ตามมาดูกันครับ

AMT Skincare เกาะติด IFSCC2020 ตอนที่ 3 Anti-Aging, Anti-Wrinkle อาจจะล้าสมัยไปเลย เมื่อเจอ Anti-Gravity Skincare คืออะไร? ตามมาดูกันครับ   ผลงานคว้ารางวัลยอดเยี่ยม Basic Research Awarded IFSCC2020 จาก Shiseido Japan

สวัสดีครับ เกาะติด IFSCC2020 ตอนที่ 3 ในตอนนี้ผมจะขอเอาผลงานวิจัยรางวัลยอดเยี่ยมในงานประชุมนี้มาเล่าให้ฟังครับ

วิทยาศาสตร์อ่านได้ทุกคน ไม่ยากหรอกครับ เชื่อผม ลองเปิดใจอ่านดูนะครับ

"New horizon in skincare targeting the facial-morphology-retaining
dermal ”dynamic belt”- Revolution in skin analysis: “4D-digital skin” technology-"

สรุปเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายคือ
เรามาส่องดูผิวกันแบบ 4D กัน (3มิติ + เพิ่มมิติที่ 4 คือ มิติของเวลา ซึ่งก็คือ ไม่ใช่แค่ภาพนิ่งๆนะ แต่เคลื่อนไหวได้ด้วย)
แล้วมาดูว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวคงรูปร่างอยู่ได้ไม่หย่อนคล้อยไปตาม Gravity แล้วเพื่อจะ Anti Gravity นั้นๆ เราทำอะไรได้บ้าง
นำทีมโดย Dr. Tomonobu Ezure จาก Sheiseido Global innovation Center และ คณะ

ผู้วิจัยเกริ่นนำมาว่า มนุษย์เรามีวิวัฒนาการเพื่อต้านแรงโน้มถ่วงของโลกมาโดยตลอด  จากลิงที่เดินหลังค่อม มนุษย์เราสามารถยืนหลังตรง และสามารถเดินสองเท้าอย่างสมบูรณ์ โดยกล้ามเนื้อ inner muscle จะเป็นตัวคอยพยุงลำตัวเอาไว้ในแนวดิ่ง  
แต่สำหรับผิวที่หย่อนคล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงโลก เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าระบบ หรือ อะไรเป็นตัวที่คอยต้านแรงโน้มถ่วงโลกเอาไว้ เรารู้แค่ว่า ผิวเด็กต้านแรงโน้มถ่วงได้ไม่หย่อนคล้อย แต่เมื่ออายุมากขึ้นเราต้านแรงนั้นไม่ได้ เกิดการหย่อนคล้อยหรือที่เรียกกันว่า Sagging

งั้นเรามาหาให้เจอกันดีกว่าว่าอะไรเป็นตัวทำให้ผิวต้านแรงโน้มถ่วงได้

ผู้วิจัยเอาเครื่อง CT-Scan (ที่เป็นอุโมงค์ เอาไว้ใช้ดูสมอง และอวัยวะต่างๆน่ะครับ) มาส่องผิว และใช้การประมวลผลภาพด้วย Super Computer ที่มีระบบ AI ช่วยคิดคำนวณ สร้างภาพผิวแบบ 4 มิติขึ้นมาครับ (VDO นี้คือภาพจริงที่ได้นะครับ ไม่ใช่ CG นะครับ)

ทีนี้เค้าก็ลองดึงผิวลง เสมือนว่ามีแรงโน้มถ่วงมาดึงทำให้หย่อนคล้อย แล้วเค้าก็พบว่า 
ทำไมผิวคนที่อายุน้อย มันมีแรงมาต้านการดึงในแนวดิ่ง (เหมือนแรงโน้มถ่วงโลก) ได้ดีกว่าผิวคนที่อายุมาก

เค้าเลยส่องเข้าไปครับ สิ่งที่เค้าเจอมันว้าวมากๆครับ นั่นก็คือ ในผิวคนที่อายุน้อยมันจะมี กล้ามเนื้อเรียบๆชนิดหนึ่ง เรียกว่ากล้ามเนื้อรากขน อยู่เยอะกว่า ผิวคนอายุมากครับ ซึ่งกล้ามเนื้อรากขนนี้ เค้าพบว่ามันวางตัวในแนวเดียวกับการหย่อนคล้อย ยิ่งมีกล้ามเนื้อนี้เยอะผิวเรายิ่งไม่หย่อยคล้อย หรือเรียกได้ว่า ผิวดูเด็กนั่นเองครับ

กล้ามเนื้อนี้เดิมทีที่เรารู้แค่ว่า มันมีหน้าที่ดึงให้ขนตั้งขึ้น (เวลาเราขนลุกน่ะครับ) เท่านั้น แต่สิ่งที่เค้าพบเพิ่มขึ้นคือ กล้ามเนื้อเส้นเล็กๆ ที่กระจายเต็มหน้าเรานี้ มันยังมีอีกหน้าที่คือ คอยพยุงหนังหน้าเราไม่ให้หย่อนคล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงโลกอีกด้วยครับ   ที่จริงแค่พบความจริงนี้มันก็เพียงพอที่จะคว้ารางวัลไปได้สบายๆ แล้ว แต่ผู้วิจัยยังไม่จบแค่นี้ครับ เค้าก็อยากรู้ต่อไปว่า เราจะทำยังไงให้กล้ามเนื้อรากขนนี้มันเพิ่มขึ้น (พูดง่ายๆคือ อยากหน้าเด็กอ่ะ ทำยังไงดี)

เค้าเลยเอาเซลล์กล้ามเนื้อรากขนนี้มาเลี้ยงครับ แล้วก็ลองทำหลายๆอย่างกับมัน แล้วดูว่า ทำแบบไหนมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นได้ครับ

วิธีแรก ที่เค้าพบว่า ทำแล้วจะเพิ่มจำนวน กล้ามเนื้อรากขน และทำให้หน้าดูเด็กได้ก็คือ “ยืด” มันครับ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องยืดออกตามทางยาวนะครับ ยิ่งยืด กล้ามเนื้อยิ่งโตเพิ่มจำนวน (อันนี้ ผมว่ามันเหมือนเวลาคนที่เล่น weight training เลยครับ คือยิ่งยืด กล้ามเนื้อยิ่ง growth)

แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าจะยืดกล้ามเนื้อรากขนไปทางไหนดี   เค้าเลยใช้ AI ไปส่องกล้ามเนื้อรากขนมาให้ทั้งหน้าเลยครับ ว่ามันวางตัวอยู่ในแนวไหน  

ทีนี้เค้าก็เอาอาสาสมัครมาทดลองครับ บอกว่า ให้ยืด หนังใต้ตา (เช่นใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้างดึงหนังใต้ตาออกจากกันตามแนวลูกศร) วันละครั้ง ติดต่อกัน เป็นเวลา 4 week พบว่า โอ้วววว ไม่น่าเชื่อ หนังใต้ตาที่ห้อยๆ นั้นมันตึงขึ้นได้ครับ ไม่ต้องเสียเงินซักบาท   (ปล แต่ในความคิดผม มองว่าอันนี้ยังสรุปไม่ได้นักครับ เป็นแค่ เคสเดียวที่เค้ายกตัวอย่างให้ดูเท่านั้นครับ แต่ก็ไม่เสียหายที่จะลองทำตามครับ ผมนั่งฟังเข้าพูด เอาจริงๆ ผมก็ลองทำตามไปด้วย 555)  

ปล ยืดเหมือนขยายภาพในมือถือ แต่ไม่ใช่แนวนอนครับ อย่าง ใต้ตา นี่ต้องวางนิ้วเฉียงลงไปหาแก้มด้วยครับ ผมลองใช้สองมือง่ายกว่าครับ

แต่ยังยากอยู่ดี ไม่รู้นิ้วผมใหญ่ หรือตาผมเล็ก

วิธีที่สอง สำหรับคนที่มองว่า เอานิ้วมานั่งยืด มันลำบาก ทำยาก (ซึ่งผมก็คิดเหมือนกันว่ามันลำบาก เพราะอย่างใต้ตา บริเวณมันแคบมากเลยครับ จะเอานิ้วไปยืดหนังตรงนั้น ลำบากมากครับ ทำผิดทำถูกก็ไม่รู้ครับ) เค้ามีวิธีที่สองมาให้ครับ เค้าบอกว่า ถ้ากล้ามเนื้อรากขนเนี่ย มันได้รับสาร Noradrenaline เข้าไป มันจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาเยอะเลยครับ หรือพูดง่ายๆคือหน้าเด็กลงนั่นเองครับ  


ปกติแล้ว Noradrenaline หรืออีกชื่อคือ Norepinephrine จะถูกปลดปล่อยออกมาตอนที่เราตกอยู่ในภาวะอันตราย ต้องตัดสินใจว่าจะสู้หรือจะหนี หัวใจจะเต้นเร็ว น้ำตาลในเลือดสูง ความดันเลือดสูงขึ้น ขนลุก ซึ่งในผิวนั้น เรายังไม่รู้ว่า Noradrenaline ในปริมาณแค่ไหนที่จะกำลังดี กล่าวคือ แค่พอทำให้หนังหน้าตึง ไม่ต้องถึงกับหัวใจเต้นเร็ว  จากการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ผมพบเปเปอร์นึงรายงานเกี่ยวกับ การนั่งสมาธิ กับ ปริมาณ Noradrenaline ที่เพิ่มขึ้นมีความสัมพันธ์กันด้วยครับ

นี่เป็นเพียงก้าวแรก ซึ่งที่จริงมีคนกล่าวมาสักพักแล้วว่า การใช้กลิ่นน้ำหอมบางชนิดในสกินแคร์ หรือการฟังเพลง ประสบการณ์อะไรใหม่ๆ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผิวทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงได้ ส่วนจะทำได้ยังไงนั้น ต้องตามดูกันยาวๆครับ ไม่แน่อนาคตเราอาจจะไม่ต้องมานั่งทาครีมก็ได้ครับ แค่ฟังเพลงหน้าก็เด็กลงแล้ว

หรือแม้แต่กระทั่ง การตกหลุมรักใครซักคน  ไม่งั้นเพลงเค้าคงไม่ร้องว่า "คนมีความรัก มักทำให้ดูเด็กลงไปนิดนึง" เพราะเวลามีความรัก โดยเฉพาะช่วง fall in love มีการพบว่า Noradrenaline หลั่งออกมามาก หัวใจเต้นตุบๆครับ

สุดท้ายเป็น VDO สรุป ครับ

บทความดีๆ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ตามกันไปอ่านต่อได้ใน FB Fanpage และ Official Website ในเมนู Blog ได้เลยนะครับผม

ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ