🧴Makeup remover เลือกยังไงให้ล้างสะอาด?
RukCosmeticsPharmacist 26 4ต้องชอบแต่งหน้าแฟชั่น
หรือชอบงานติดแน่นทนนานแหละ
ตอนแต่งก็สนุกหละ
แต่ปัญหาอยู่ที่ตอนล้าง
ว่าจะล้างยังไงให้หมดและสะอาด
แถมแต่ละคนก็อาจจะจัดเต็มคนละแบบ
บางคนแต่งมาก
บางคนแต่งน้อย
แล้วจะเลือก Make up remover กันยังไงหละทีนี้
.
วันนี้รักเลยจะมาเล่าถึง
#ประเภทของ_Makeup_remover ให้ฟัง
ซึ่งแต่ละประเภท
✔️ก็เหมาะกับการล้างเครื่องสำอางต่างๆกัน
เพราะตัวโครงสร้างสูตรต่างกัน
✔️มีระดับการทำความสะอาด
(Cleansing Power) ที่แตกต่างกัน
✔️เหมาะกับเครื่องสำอางต่างกัน
มีอะไรบ้างมาเริ่มกันเลย
.
⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?
.
1️⃣ สูตร Surfactant (สารลดแรงตึงผิว)
#ส่วนประกอบสูตร
ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปน้ำเหลวๆจ๋องแจ๋ง??
สูตรนี้จริงๆแล้วจะคล้ายๆกับการเอาสารทำความสะอาด
หรือสารลดแรงตึงผิวในสูตรสบู่มาทำแยกใส่ขวด
แต่ว่า Surfactant ที่ใช้เป็นคนละชนิดกัน
และมักจะเป็น mild surfactant
ที่สามารถสัมผัสผิวได้โดยตรง
.
#คุณสมบัติ
จากการใช้ mild surfactant
จึงไม่ทำให้เกิดระคายเคือง (หรือเกิดน้อย)
ไม่มีฟอง ?
แม้ว่าจะใช้สารลดแรงตึงผิวแบบโฟมล้างหน้า
แต่ระดับการทำความสะอาดหรือ Cleansing power
อาจจะไม่ได้เจ้มจ้นเท่าโฟมล้างหน้าเช่นกัน
.
#วิธีใช้
มักต้องใช้คู่กับสำลีแผ่นในการทำความสะอาด
อาจจะต้องล้างออกด้วยโฟมล้างหน้าหรือไม่ต้องล้างก็ได้
อันนี้แล้วแต่แบรนด์จะบังคับ
.
#เทคนิคการใช้ให้สะอาดได้อีก
แบบที่1
เทใส่มือแล้วนวด??
เพราะการนวด
จะทำสารทำความสะอาดสัมผัสกับผิวแบบเต็มๆ
จับสิ่งสกปรกได้แน่นพอ
และการถูก็ช่วยให้หลุดง่ายขึ้นด้วย
พอเอาสำลีเช็ดออกก็ง่ายเลย
แบบที่ 2
เทใส่สำลีให้โชก (หรือแบบที่มีสำลีมาให้อยู่แล้ว)
ถ้าเป็นที่ตาก็แปะๆแล้วก็นวดๆนิดหน่อย
ระวังเข้าตาหน่อยแล้วกันเดี๋ยวแสบตา ?
ถ้าเป็นที่หน้าก็โปะแช่นิดนึง
แล้วปาดฟรื๊บในการเช็ดทำความสะอาด
.
#เหมาะกับ
ด้วยตัวสูตรส่วนใหญ่ประกอบด้วยของเหลวน้ำ
และสารลดแรงตึงผิวที่จับได้ทั้งน้ำและไขมัน
ทำให้สูตรนี้โดยรวมแล้วเหมาะกับ
✅ การทำความสะอาดเครื่องสำอางแบบไม่กันน้ำ
✅ การแต่งหน้าเบาๆ
✅ คนผิวแพ้ง่ายเป็นสิวใช้แล้วสบายใจ
.
#ยกตัวอย่างสูตรในท้องตลาด
?Toner ?
สูตรนี้โดยมากแบรนด์ต่างๆ
มักจะให้ใช้หลังล้างหน้า
เพื่อทำความสะอาดสิ่งตกค้างที่เหลือบนหน้าอีกรอบนึง
ก็จะมีสารลดแรงตึงผิวน้อยลงมาหน่อย
เพราะไม่มีขั้นตอนให้ล้างออก
แล้วไปเพิ่มคุณสมบัติการให้ความชุ่มชื้นมาแทน
อันนี้ก็ต้องแล้วแต่พิจารณาว่าจะใช้หรือไม่ใช้น้า
(ไว้รักจะเขียนเรื่องโทนเนอร์แยกให้ได้อ่านกันอีกทีนะคะ)
?Micellar water ?
สูตรอาจมี Oil อยู่นิดหน่อยๆ
แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำและสารลดแรงตึงผิว
?Makeup Wipe ?(แผ่นทำความสะอาด)?
สูตรนี้ #อาจจะ
มีสารลดแรงตึงผิว สารกันเสีย
รวมถึงปริมาณแอลกอฮอล์เจ้มจ้นกว่าสูตรอื่น
เพราะเอาสำลีแช่สารทำความสะอาดมาเลย
ซึ่งการจะทำให้สูตรนี้เชื้อไม่ขึ้น
จำเป็นต้องมีความเข้มข้นสูงพอสมควร
เพื่อให้น้องเชื้อทั้งหลายถูกทำลายผนังเซลล์
แล้วตายให้หมด
✅แต่ข้อดีก็คือ สะดวกหน่อยพกทีเดียวมีสำลีด้วย
.
⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?
.
2️⃣ สูตร Oil
.
#ส่วนประกอบสูตร
ง่ายๆเลย คือการเลือก oil หรือน้ำมัน
ที่มี Cleansing power แหล่มๆมาใส่สูตร
อาจจะเป็น Natural/Synthetic oil ก็ได้
เนื้อสัมผัสจะเป็นแบบเนื้อเหลวๆจ๋องแจ๋ง
หรือเนื้อดูหนักๆเจ้มจ้นก็ได้
อาจจะมีสารลดแรงตึงผิว
สำหรับสูตรน้ำมันใส่มาด้วยก็ได้
เผื่อๆว่าจะจับสิ่งสกปรกที่มีขั้วหรือละลายน้ำได้
ซึ่งถ้าใส่มาสูตรนั้นก็มักจะโดนน้ำแล้วกลายเป็นน้ำนม
.
#คุณสมบัติ
จากการใช้ Oil 80-100% ของสูตร
โอกาสการเกิดการระคายเคืองน้อย
แต่โอกาสที่จะอุดตันสูงมาก
ถ้าดันใช้แล้วล้างหน้าเอา oil ออกไม่หมดไปอีก
แต่ระดับการทำความสะอาดหรือ Cleansing power
นี่สุดยอสมากกพวกสูตรกันน้ำใดๆตายเรียบแน่นอน
.
#วิธีใช้
สูตรพวกนี้จะใช้เพียวๆลงหน้าเลย แล้วก็นวดๆ
นวดเสร็จค่อยเอาสำลีเช็ดออก
ตามด้วยล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า
เอา oil ส่วนเกินทั้งหลายออก
.
#เทคนิคการใช้ให้สะอาดได้อีก
จงเทออกมาหรือควักออกแล้ว
✅ #นวดวนๆทั่วหน้า
นวดเหมือนเวลาทาครีมอ่ะ
นวดวนเป็นวงกลมขึ้นด้านบนและนวดเข้าตามไรผม
ยิ่งช่วงตานี่นวดไปเลยยาวๆ
จนมันละลายเครื่องสำอางออกมาหมด
✅ แล้วก็เอาสำลีเช็ด
✅ ต่อด้วยโฟมล้างหน้า
ควรใช้เป็น Soap-based
พวกเนื้อครีมทึบที่ Cleansing power ดีๆ
เพราะการล้างขั้นนี้
คือการล้างเอา oil ที่ฝังอยู่ในหน้าออกให้หมด
วิธีการล้างก็เหมือนตอนนวดล้างเครื่องสำอางออก
.
#เหมาะกับ
✅ การแต่งหน้าแบบแฟชั่น แฟนตาซีแบบฮาร์ดคอร์
✅ หรือแต่งหน้าแบบสูตร matte สูตรกันน้ำ
✅ คนที่ผิวอุดตันง่าย เป็นสิวง่ายไม่ควรใช้
เพราะถ้าล้างโฟมไม่สะอาดสิวก็จะขึ้นจาก makeup remover ไปอีก
.
#ยกตัวอย่างสูตรในท้องตลาด
?Liquid หรือ Cleansing oil?
เป็นสูตรเหลวๆ
เอาง่ายๆเหมือน pack oil ใส่ขวด
เติมสีเติมกลิ่น เหยาะ Active นิดหน่อยแล้วขาย
?Gel หรือ Gel to oil cleanser?
สูตรเจลข้นๆมมาหน่อย
เรียกง่ายๆคือการเอาสูตรเมื่อกี๊
มาปั้นเป็นตัวด้วยสารก่อเจล
ให้มีลูกเล่นหน่อย นวดแล้วสนุก
พกง่าย ไม่ต้องกลัวหกไรงิ
?Wax/Balm หรือ Balm to oil cleanser?
สูตรเป็น Wax เนื้อแข็ง หรือเนื้อนิ่มที่เรียกว่า Balm
อยู่ที่การเลือก Wax ของผู้ผลิต
ว่าอยากจะให้ควักเนื้อง่ายแค่ไหน
ก็เหมือนกับการเอาสูตร Liquid
มาปั้นเป็นตัวให้แข็งขึ้นเป็นของแข็ง
✅ ข้อดีก็คล้าย Gel oil cleanser
▫️นวด สนุก พกง่ายไม่หก
▫️ไม่มีความเสี่ยงเรื่อง สูตร leak ออกมาด้วย
▫️อีกนิดนึงที่จะแถม คือ น่าจะเป็นสูตรที่ไม่ค่อยเปลือง
เพราะควักนิดเดียวก็ทาได้ทั่วหน้า
ไม่หกตามร่องมือ
.
⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?
.
3️⃣ สูตรผสม
#ส่วนประกอบสูตร
เอา Surfactant/น้ำ ผสมกับ Oil/Wax
55555555+ ดูผสมกันง่ายๆเลยเนาะ
หลักการมันเป็นแบบนี้แหละ
แต่จริงๆไม่ได้ง่ายขนาดนี้หรอก
ต้องดูสัดส่วนของน้ำ/Surfactant/Oil/Wax
ที่ทำความสะอาดได้ดีด้วย
.
#คุณสมบัติ
จากการเฉลี่ยสัดส่วนเกือบครึ่งๆ
ของ Water phase ?และ Oil phase?
✅ทำให้การล้างทำความสะอาด
หรือ Cleansing power กลางๆ
✅ล้างทั้งสูตรกันน้ำและสูตรไม่กันน้ำได้ครึ่งๆ
✅โอกาสการเกิดการระคายเคืองก็กลางๆ
✅โอกาสที่จะอุดตันก็กลางๆ
เรียกว่าดูดีแต่ไปไม่สุดซักทาง
.
#วิธีใช้
✅ถ้าเป็นของเหลวใช้คล้ายๆสูตร Surfactant
บางสูตรอาจจะต้องเขย่าก่อนใช้ ?
และก็เทออกมานวดหน้าแล้วเอาสำลีปาด
หรือถ้าอยากจะเขย่า
แล้วเหยาะใส่สำลีให้โชกแล้วปาดก็ได้
?ต้องเช็กวิธีใช้ของแต่ละแบรนด์อีกที?
✅ถ้าเป็นเนื้อครีมมักจะใช้คล้ายๆกับสูตร Oil/Balm
ก็คือฟาดลงหน้า นวด แล้วปาดด้วยสำลีอีกที
?แต่ที่แน่ๆต้องล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอีกที?
.
#เทคนิคการใช้ให้สะอาดได้อีก
ก็เน้นที่การนวดและการเลือกสูตรโฟมล้างหน้า
ถ้าสัดส่วนน้ำมันน้อยๆหรือสูตรที่เป็นของเหลว 2-3 ชั้น
อาจจะใช้โฟมล้างหน้าที่เป็นสูตรเจลก็ได้
แต่ถ้าเป็นสูตรครีมก็ควรเลือกสูตรโฟม
แต่ถ้าเอาชัวร์มากๆก็สูตรโฟมไปเลย
.
#เหมาะกับ
✅ การแต่งหน้าแบบกลางๆ
✅แต่งหน้าไปห้างเดินเล่นขำๆ ไม่ได้ออกอีเวนท์
✅ใช้ได้กับผิวทุกประเภท
แค่เลือกให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง
▫️ถ้าแพ้ง่าย/เป็นสิว/ผิวมัน
ก็อาจจะเลือกเป็นสูตรแยก 2-3 ชั้น
▫️ถ้าผิวธรรมดาผสม ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ก็อาจจะเลือกเป็นครีม/Emulsion
#ยกตัวอย่างสูตรในท้องตลาด
?Liquid?
สูตรมาในรูปของเหลว
บางสูตรจะคล้าย Micellar แต่แค่สัดส่วนน้ำมันเยอะ
ซึ่งอาจจะเยอะถึงขั้นแยกเป็น 2-3 ชั้นเลยก็ได้
ก็คือ
▫️Oil Phase บนสุด
▫️ตรงกลางเป็น Surfactant
▫️ข้างล่าง Density หรือความหนาแน่นสูงสุดเป็น Water phase
#วิธีการใช้
ก็จะยุ่งขึ้นนิดนึงตรงที่
ต้องมาเขย่าให้มันเข้ากันก่อนแล้วรีบเท รีบปาดลงหน้า
เพราะถ้าเขย่าไม่เข้ากันก็ได้แต่น้ำมันด้านบนมาจ้า
เหมือนใช้ cleansing oil อ่ะ
เหมาะกับคนชอบสนุกๆลุ้นๆหน่อยๆ
?Emulsion/Cream?
สูตรมาในรูปเนื้อทึบอาจจะเหลวแบบเทได้
หรืออาจจะข้นแบบควักเนื้อออกจากกระปุก
ขึ้นกับสัดส่วน Water phase และ Oil phase ในสูตร
ข้อดีกว่าด้านบนคือ
✅เค้าผสมมาให้เสร็จสรรพไม่ต้องเขย่า
เราก็เทๆนวดๆปาด ล้างหน้า
.
⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?⬛️?
.
โอเค
ครบทุกสูตรพื้นฐานของ Make up remover ในตลาดละ
#แต่อยากจะฝากไว้ให้คิสนิสนึง
หน้าที่หลักๆของ Make up remover
✔️ก็คือการล้างเครื่องสำอางออก
ก็แปลว่าล้างแค่เครื่องสำอางจริงๆ
ไม่ได้แปลว่าจบขั้นตอนนี้แล้วจะทำตัวปลิว ไม่ล้างหน้าต่อ
✔️ยังไงก็ต้องมาทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟมล้างหน้า
เพื่อเอาทั้งเครื่องสำอางและ Make up remover ออก
จนเหลือแต่หน้าเกลี้ยงๆเกลาๆของเรานี่แหละ
เพราะฉะนั้น
แอบบอกว่า #ลัดขั้นตอนเลยก็ได้นะ
✅ถ้าเราพบว่าตัวเองล้างหน้าได้อย่างถูกต้องและนานมากพอ
✅และพบว่าการใช้แค่โฟมก็ล้างสะอาด
เอาคราบต่างๆและเครื่องสำอางออกหมด
?Make up remover ก็ไม่ต้องใช้?
แต่ #ถ้าพบว่าโฟมมันสะอาดไม่พอ
ลองดูโฟมล้างหน้าอีกทีว่า
Cleansing power มันพอรึยัง
ให้เปลี่ยนสูตรโฟมล้างหน้า
ถ้ายังไม่พออีกค่อยเริ่มที่ #Makeup_remover
#เลือกให้เหมาะกับการแต่งหน้าของเรา
✔️ว่าแต่งมากหรือน้อย
✔️ใช้สูตร make up กันน้ำหรือไม่กันน้ำ
✔️ประเภทผิวเป็นยังไง
แห้ง แพ้ง่าย มัน อุดตัน เป็นสิว หรือผสม
✔️Lifestyle เป็นยังไง
เที่ยวบ่อยก็ต้องเลือกที่พกง่าย
เหลวๆก็อาจจะไม่เหมาะรึเปล่า เ
ดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ได้อีก
✔️ชอบหลายขั้นตอนมั้ย
เช่น ต้องมีหลายอุปกรณ์ ต้องพกสำลี
?และข้อสำคัญ คือ?
การเพิ่มขั้นตอนการทำความสะอาด
ต้องทำให้สะอาดมากขึ้น
ไมใช่ว่าสร้างปัญหาให้กับผิวมากขึ้น
อย่างใช้แล้วแพ้คันระคายเคืองเป็นสิว
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ควรเพิ่มนาจา
#เพราะรักจึงบอก
#เภสัชกรรัก