[Review] ปรับผิวใส ให้ห่างไกลจากสิวและรอย ด้วย Dr.May B3 Acne Solution!

เคยเป็นกันไหมคะ? 

 สิวมาว่าเครียดแล้ว เจอรอยสิวยิ่งเครียดกว่าไปอีกกก 

เพราะว่ากว่าจะรักษาให้หายใช้เวลานานมากกก ถ้าช่วงเวลาปกติบางทีก็อาจจะไม่ค่อยซีเรียสอะไร เพราะว่าใช้คอนซิลเลอร์ได้ แต่ช่วงที่ผ่านมาเรามีสิวขึ้นบริเวณผิวใต้แมสก์ แล้วปัญหาคือ พอระหว่างวันที่เหงื่อออก ถอดแมสก์มาก็เจอรอยสิวโผล่ปิดไม่มิดอยู่ดี หรือบางทีแต่งเยอะๆ แล้วมันอับก็อาจจะมีสิวขึ้นตามมาอีก ;w; วันนี้เราจึงขอหยิบไอเท็มเด็ดขวดจิ๋วแต่แจ๋วที่ช่วยให้ผิวใส ห่างไกลจากสิวและรอย อย่าง เซรั่ม Dr.May B3 Acne Solution กันนน

 Dr.May B3 Acne Solution 

(10ml./2340.- มีโปรบ่อยบางทีเหลือไม่ถึงพัน)

จริงๆ แบรนด์ Dr. May เป็นแบรนด์ดังจากไต้หวัน ที่ผ่านการคิดค้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้รับความนิยมจากไอดอลไต้หวันมาก่อน และพึ่งเข้าไทยอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานนี้เอง ซึ่งสูตรนี้น่าสนใจตรงที่ส่วนประกอบบอกเปอร์เซ็นต์ชัดเจน + มีการทดลองกว่า 8,000 ครั้งกว่าที่จะออกมาเป็นเซรั่มขวดนี้ เน้นในเรื่องของการดีท็อกซ์ผิว ควบคุมความมัน ป้องกันและต่อต้านการเกิดสิวโดยเฉพาะ ผ่านการรับรองจาก SGS ว่าสามารถต่อต้านแบคทีเรียและป้องกันสิวได้ถึง 99.9%

 Packaging : 

เป็นขวดแก้วสีชาที่ตอนแรกจะบรรจุมาแบบเป็นฝาปิด พร้อมแนบฝาดรอปเปอร์มา ตอนเปิดครั้งแรกค่อยหยิบฝาดรอปเปอร์มาใช้ค่ะ

 

 ส่วนประกอบ : 

พวกสารแอคทีฟตามที่เขาเคลมมีประมาณ 4-5 ตัว ได้แก่

- Niacinamide 6% : ปรับสมดุลไขมันและช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น + มีงานวิจัยรองรับว่า เกินกว่า 4% สามารถใช้รักษาสิวได้ แต่ตัวนี้ใส่มาในปริมาณ 6% ซึ่งสามารถคาดหวังเรื่องสิวได้ และไม่เยอะเกินจนไปรบกวนให้ระคายเคืองผิวด้วย

- FRSAB 1.5% ฟาช๊าร์ป สารสกัดจากพืชหลายชนิดมาใส่ในหนึ่งเดียวเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ ช่วยให้ผิวและภายในผ่อนคลายเพียงแค่ได้ดมกลิ่น (เดาจากส่วนประกอบด้านหลังน่าจะพวกน้ำมันหอมระเหย + สารธรรมชาติที่ช่วยเรื่องสิวนิดหน่อยค่ะ)

- Salicylic Acid : หลายคนรู้จักในชื่อของ BHA ลดการผลิตสารต่างๆ ที่เป็นปัจจัยของแบคทีเรีย ช่วยลดการอุดตันและกระชับรูขุมขน 

- Thyme Kill™ หรือ Isopropyl methylphenol ช่วยฆ่าเชื้อโรค และเสริมเรื่องการป้องกันโอกาสเกิดสิว

นอกจากนี้ก็คือ วิตามินอี ช่วยฟื้นฟูผิว เปิดมาไม่มีน้ำเป็นเบสเลย แต่มีพวก Ethoxydiglycol, Propanediol, Butylene Glycol, Propylene Glycol ฯลฯ เป็นตัวทำละลายและนำสารเข้าสู่ผิว ปราศจากสารแต่งสี-กลิ่น, แอลกอฮอล์ และ พาราเบน ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง 

 เนื้อสัมผัส : 

หน้าตาเหมือนเซรั่ม เหลว ใส ไม่มีสี แต่พอสัมผัสกับผิวแล้วเราว่าแอบมีความเป็นออยล์เนื้อเบานิดๆ แห้งซึมไว ไม่เหนอะหนะ มีความอุ่นที่ผิวเบาๆ แต่ไม่แสบร้อน หรือระคายเคือง ใครที่ผิวบอบบางระคายเคืองง่าย แนะนำให้ทาเว้นบริเวณรอบดวงตานะคะ ส่วนกลิ่นแอบคล้ายพวกน้ำมันหอมระเหยอย่างทีทรีออยล์ประมาณนั้น แค่ดมก็รู้สึกผ่อนคลายมากก ทาก่อนนอนคือดี ช่วยปลอบปละโลมจิตใจจากการเหนื่อยล้าได้พอสมควรเลยค่ะ ;w; 

 วิธีใช้ : 

ใช้เช้า-ก่อนนอน เป็นตัวสุดท้ายในการบำรุง // แต่ช่วงที่เราทดลองใช้ เราใช้ตัวเดียวเดี่ยวๆ นะคะ ยังไม่เคยใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นเหมือนกัน 

ความรู้สึกหลังใช้ :

ชอบเนื้อสัมผัสอยู่เหมือนกันเป็นฟีลแปลกใหม่แบบว่า ออยล์ แต่เนื้อเบา ซึมไว กลิ่นหอมละมุนผ่อนคลาย ส่วนตัวระคายเคืองง่ายแต่ใช้แล้วไม่ระคายเคืองหรือพัง แต่ถ้าใครไม่มั่นใจควรเทสต์ที่หลังหู + เว้นรอบดวงตานิดนึง เรื่องฟื้นฟูผิวทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น รอยสิว (หลังจากที่มือบอนไปบีบ/น่าตีมือเนาะ) อาจจะไม่ได้หายกริ๊บ แต่ในระยะเวลา 7-8 วันที่ใช้ต่อเนื่องมาถือว่าจางลงไปเยอะมาก แทบจะไม่ค่อยมีรอยแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาโบกคอนซีลเลอร์หนาๆ ให้เปลือง + เสี่ยงอุดตันให้เกิดสิวในอนาคตอีกต่อไปค่ะ ปล. หลังใช้ตอนนั้นยังไม่เจอสิวใหม่โผล่มาทักทายนะคะ 

 โดยรวมถือว่า  ผลลัพธ์ดีสมราคาเลยค่ะ แอบคิดว่า จะดีมากถ้าให้ปริมาณเพิ่มมากกว่านี้อีกนิดนุงแหะ *ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับผิวแต่ละคนและปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยนะคะ แต่ช่วงที่เราทดลองใช้เราใช้สกินแคร์แค่คลีนซิ่ง + โฟมล้างหน้า + เซรั่มตัวนี้ค่ะ*

สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาผิวอ่านแล้วสนใจ ตอนนี้น่าจะมีวางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์นะคะ สามารถส่องข้อมูลหรือรีวิวเพิ่มเติมด้วยการเสิร์ช Dr.May ผ่าน Google หรือไปที่หน้าเพจ @dr.mayth ได้เลยค่ะ ยังไงก็ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าน้า สวัสดีค่ะ รักรักรัก <3