เปิดกรุคุชชั่น 10 brand 16 ตลับ
Earnice's story 71 25กระทู้นี้ใช้เวลาทำสักพักใหญ่ๆเลยนะคะทุกคน
เนื่องจากบางตัวซื้อมาสักพัก แต่เพิ่งได้เปิดใช้ค่ะ
ส่วนบางตัวก็ใช้เกือบหมดแล้ว แบบปาดมารีววกันเลยทีเดียวค่ะ
ซึ่งทุกชิ้นเป็นเค้าท์เตอร์แบรนด์ในไทยทั้งหมดนะคะ
หาซื้อได้ตามห้าง หรือ ออนไลน์ได้เลยค่ะ
ราคาตั้งแต่หลัก เกือบพัน จนถึง 3 พันนะคะ
สภาพผิวของเอินคือ ผสม มันช่วงทีโซน มีรอยแดงบ้างจากสิว
เนื่องจากพักผ่อนไม่เป็นเวลาค่ะ
บางแบรนด์ใช้ขาวอมชมพู บางแบรนด์ขาวเหลืองค่ะ แล้วแต่ผลิตภัณฑ์
เอินชอบใช้คุชชั่นมาก เพราะสะดวกและเร็วดีค่ะ
เวลาที่ต้องตื่นเช้ามากไปทำงานก็จะเน้นคุชชั่นเพราะพกพาสะดวก
เวลาในการทำงานคือ 10 ชม นะคะ ทุกตัวผ่านการเทสโดยการทามาทำงานแล้วค่ะ
**กระทู้นี้เป็นความคิดเห็นและความชอบส่วนตัวนะคะ
ไม่ได้มีสปอน ซื้อเอง เจ็บเองค่ะ
มีได้รับจาก YSL ตลับเดียวค่ะคือตลับที่ 2**
1. TOMFORD Shade And Illuminate #2.00
ขอมอบมงให้นางเลยค่ะ จะบอกว่าเค้าเป็นคุชชั่นผิวสวย ผิวแพงแซงทางโค้งมากๆ เอินซื้อเพราะดูรีวิวเยอะมากว่านางควรค่า สมราคา ทั้งที่เราคิดว่ามันแพงมากๆเลยค่ะ แต่พอได้ไปลอง คือไม่แปลกใจเลย นางเริ่ดตามคำเคลม
- เล่นแสงสวยมากแบบไม่ต้องทาไฮไลท์เลยค่ะ
- ปกปิดปานกลาง แต่ไม่ตกร่อง ปาดนิดเดียวได้ทั่วหน้าเลยค่ะ
- คุมมันดี มีความมันบ้างแต่ไม่เมือก เรียกว่าเหงื่อออกก็สวยค่ะ
- แพคเกจเลอค่า ดูแพงสุดๆ
ข้อเสียคือ ราคาค่อนข้างสูงหากเทียบกับแบรนด์อื่น และไม่เหมาะกับสาวผิวมันนะคะเพราะน้องค่อนข้างเงาค่ะ
2.YSL Le Cushion Encre De Peau #20 (Limited Edition)
เป็นคุชชั่นที่เล็งไว้ตั้งแต่ยังไม่เข้าไทยเลยค่ะ คือตลับปังมากกก แต่น้องไม่ได้มีดีแค่ตลับนะคะ
- คุชชั่นงานผิวที่เลิศมาก เนื้อไม่หนัก สบายผิวมาก ฟินิชจะแมทกว่าตัวเดิมนิดนึงค่ะ
- คุมมันปานกลางนะคะ 5-6 ชม คือจะต้องซับแล้ว แต่เค้าไม่เมือกแล้วก็ไม่ตกร่องค่ะ ให้ความผิว เคยทาถึง 10+ ชม ก็ยังโอเคค่ะ เติมแป้งก็คือไปต่อได้ค่ะ
- ปกปิดปานกลาง บิ๊วได้ไม่คราบจ้า
- แพคเกจคือชนะ โดยเฉพาะสาวก YSL นี่ต้องไม่พลาดเลยนะคะ
ข้อเสียคือ
-ตัวนี้สีดรอปนิดหน่อยนะคะ รอสัก 5-10 นาที น้องจะพอดีผิวค่ะ เวลาซื้อควรลองให้ดีก่อนนะคะ/ รุ่นนี้มีสีให้เลือกน้อยค่ะ
3. JUNG SAEM MOOL Master Class Cushion # Vanilla
ตัวนี้คือเหนือความคาดหมายมากค่ะ เพราะตอนไปลองรู้สึกว่ามันหนาไปหน่อย แต่รีวิวแน่นมาก จนคันค่ะเลยอยากได้ก็ตำจนได้
- ปกปิดดีมาก แต่ไม่หนักหน้าเลยค่ะ
- คุมความมันได้ดีค่ะ ใช้เกิน 10 ชม นี่คือรอด แบบไม่เซทแป้งด้วย
- ผิวสวย เล่นแสงดีเช่นกันค่ะ ใครอยากได้กลาสสกินเชิญมาลองค่ะ
- คุ้มราคา ในแพคเกจมีรีฟิลมาให้ด้วยค่ะ ตลับก็สวย พัฟก็นุ่มนิ่ม
ข้อเสียคือ
- เนื้อคุชชั่นค่อนข้างเหนอะค่ะ ทุกครั้งที่ผิวหน้ามีควมมันแล้วซับออกจะติดเนื้อคุชชั่นติดออกมาด้วย/ ไม่เหมาะกับสาวผิวมันนะคะ น้องวาวเยอะค่ะ
4. GIORGIO ARMANI Designer Essence-In-Balm Mesh Cushion#2
คุชชั่นงานผิวสุดๆ เหมือนดื่มน้ำเยอะ เพราะเค้าฉ่ำ โกลวค่ะ
- เนื้อบาล์ม บางเบา เหมาะกับคนอยากได้งานผิวจริงๆ
- ปกปิดปานกลาง สามารถบิ๊วเพิ่มได้
- คุมมันปานกลาง 5-6 ชั่วโมง ผิวมันแต่ยังผ่อง เนื่องจากกระจายแสงดี
- มี SPF 50/PA+++ คือเรียกว่าไม่ต้องทากันแดดเลยค่ะ
ข้อเสีย
- คุชชั่นตกร่องนิดหน่อยทีโซนนะคะ หากไม่เซทแป้งช่วย/ มีสีให้เลือกค่อนข้างน้อยค่ะ/ เนื้อเป็นบาล์ม ต้องกดแรงหน่อยเพื่อให้คุชชั่นติดพัฟค่ะ
5. DIOR Prestige Le Cushion Teint de Rose #012
ตัวนี้โดนตกเพราะพีบีเออธิบายสรรพคุณได้เริ่ดหรูมากค่ะ แล้วพอตอนลองก็คือต้องมีแหละแก ก็งานผิวดีขนาดดดดด
- กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ ใช้แล้วดีต่อใจมากๆ
- งานผิวสวยอีกตัว อิ่มน้ำ โกลวเล็กน้อยไม่เท่า 4 ตัวเเรกค่ะ
- ตลับหรูหรา แต่หนาไปหน่อยค่ะ *แต่ตอนนี้เค้าประตลับให้บางลงแล้วนะคะ
- คุมมันกลางๆ มีหลุดช่วงทีโซน ซับๆไปต่อได้ค่ะ
ข้อเสีย
- ราคาแพง ถ้าหากเทียบกับคุชชั่นที่มีทางเลือกมากในตอนนี้ค่ะ
6. Laura Flawless Lumiere Cushion
เป็นคุชชั่นที่น่าทึ่งมากค่ะ เกินความคาดหมายจริงๆ- ปกปิดดีงามมากค่ะ แต่ไม่หนา ยังคงความผิวอยู่
- คุมมันได้ดีค่ะ 10 ชม สบายๆเลยค่ะ
- มีสีให้เลือกเยอะค่ะ คุ้มราคาค่ะ
ข้อเสีย
- เนื้อคุชชั่นมีความเหนอะหนะนิดนึงค่ะ / คุชชั่นดรอปหลังเซทตัว ควรเลือกเฉดให้ดีค่ะ
7. MAC Studio Fix #N12
ยืนหนึ่งเรื่องเฉดสีหลากหลายมากที่สุดในทุกแบรนด์เลยค่ะ- ปกปิดกลางๆบิ๊วได้สบายๆ
- ฟินิชกึ่งแมท แต่ก็ยังฉ่ำมากกว่ารองพื้นค่ะ
- ผสมสารกันแดด และบำรุงค่ะ
ข้อเสีย
- น้องเยิ้มอ่ะ แต่ได้เป็นคราบนะคะ คือซับหน้าก็ยังไปต่อได้ หรือควรใช้แป้งเซทช่วยค่ะ/ สีดรอปนะคะ รอเซทตัวนานนิดนึงแบบ 1-2 ชมค่ะ