HOW TO ฝึกภาษาอังกฤษ (เทคนิคที่ลองแล้วได้ผล!)
Wawa Kulatnam 46 11? เชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มคล้าย ๆ กันคือเรียนในโรงเรียนก็แล้ว เรียนพิเศษก็แล้ว ทำไมยังใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง ไม่มั่นใจซักที
??? วันนี้เราขอแลกเปลี่ยนในฐานะคนที่ลองแล้วได้ผล! หลาย ๆ ตัวช่วยก็ไม่ต้องเสียเงินเลย แถมยังสนุกด้วย ยังไงลองดูคลิปแล้วมาแลกเปลี่ยนกันบ้างนะค้า
Background พื้นฐานภาษาอังกฤษของเรา
เราเป็นคนนึงที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่นะคะ เรียนโรงเรียนไทย มหาลัยเพิ่งมาเรียนหลักสูตรอินเตอร์ ภาษาเราก็ทั้งเรียนทั้งฝึกเอง หมดเงินไปก็… พอสมควรค่ะ
แต่เวลาผ่านไปทำให้เรียนรู้ว่า Tools ตัวช่วยให้เราพัฒนาภาษาอังกฤษหลาย ๆ อย่างทุกคนสามารถทำตามและฝึกเองได้ค่า
การเรียนภาษาทุกภาษา พูดในภาพรวมคือประกอบด้วย Listening, Speaking, Reading, and Writing วันนี้จะมาแนะนำในภาพรวม ๆ ค่ะว่าถ้าเราอยากฝึกด้วยตัวเองแบบสนุก ๆ จะมีเทคนิคหรือ tools อะไรบ้างที่น่าสนใจจ้า
Set up the environment
สร้างบรรยากาศรอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษ โควิดแบบนี้จะบอกให้เอาตัวเองไปอยู่ใน environment ต่างประเทศ ก็อาจจะไม่เวิร์คเนอะ ดังนั้น ลองเขียน note, to-do list, เปลี่ยนภาษาในมือถือ คอม ให้เป็นภาษาอังกฤษ มันจะค่อย ๆ สร้างความเคยชินและการเรียนภาษาอังกฤษของเราเป็นธรรมชาติมากขึ้นMake it fun
เราไม่ชอบอะไรที่น่าเบื่อ ดังนั้น จะให้มานั่งท่องแกรมม่าอย่างเดียวเราอาจจะท้อไปก่อน ก็เลยอยากแนะนำให้ทุกคนลองหา entertainment content ที่เราสนใจ เช่น เราชอบดู VDO แต่งหน้า รีวิวเครื่องสำอาง ก็ลองเปลี่ยนจาก Blogger ที่พูดภาษาไทย เป็น Blogger ที่พูดภาษาอังกฤษ เราก็จะสนุกกับการฟังมากขึ้น บางคำอาจจะเคยได้ยินคนไทยพูดทับศัพท์ การเรียนภาษาของเราก็จะไม่เครียดแล้วก็รู้สึก Comfortable มากขึ้นด้วยค่า
Do not underestimate of 5 - 10 mins of learning time
อย่าดูถูกเวลาว่างระหว่างวันของเรา เช่น เวลาเดินทาง นั่งรถไฟฟ้า อาบน้ำ เราลองเปิดฟัง content ภาษาอังกฤษให้มันผ่านหูเราไปเรื่อย ๆ ส่วนตัวเราชอบฟังพวก podcast คล้าย ๆ วิทยุหรือรายการ Talk ต่าง ๆ ที่เราสามารถฟังได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องมานั่งดู Screen ให้เมารถนะคะ 55555555
ฟังไปวันละ 5-10 นาทีตอนแรกอาจจะฟังจับใจความไม่ได้ แต่เชื่อเถอะค่ะ มันจะออกดอกออกผลซักวันนึง ให้มันรู้กันไปเลยว่าถ้าฟังทุกวันแล้วภาษาเราจะดีขึ้นได้มั้ย!
Test what you've learned
ฝึกฟังแล้ว อย่าลืม practice หาวิธีการลองพูด สื่อสาร เพราะเรารับ inputs เข้ามาแล้วก็ต้อง test ตัวเองด้วยว่าเราเข้าใจจริง ๆ หรือเปล่า เข้าใจวิธีการใช้ภาษา เข้าใจ word choice สำนวนที่ใช้เวลาพูดจริง ๆ มันไม่ตรงทุกคำซะทีเดียวReading Skill
Reading อ่านหนังสืออ่านเล่นในหัวข้อที่เราสนใจ เช่น self-improvement หรือเริ่มจากสิ่งที่เราพอมี background เช่น เราเรียนรัฐศาสตร์ ก็ลองอ่านหนังสือที่มันเกี่ยวข้อง เพราะจะมีคำศัพท์เดิมที่เราคุ้นเคย ทำให้การอ่านไม่ tough มาก + ได้รู้ศัพท์ใหม่เพิ่มอีกการอ่านสำคัญมาก มันจะค่อย ๆ สะสมคลังคำศัพท์ และเทคนิคการเขียน (ที่จะแชร์ต่อไปนี้) ให้มันแพรวพราวมากขึ้น เรื่องศัพท์ก็มีวิธีท่องหลายแบบเนอะ ถ้าใครอยากท่องเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะไม่ต้องเข้มข้นมาก แต่บางคนต้องท่องเพื่อสอบ เช่น GAT TOEIC TOEFL GRE จะมีแอพลิเคชั่นแบบ flash card