Fashion&Beauty ของผู้หญิงในยุคหนังเงียบ
candy 44 9
การสร้างหนังเงียบที่เริ่มพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นในช่วงต้นค.ศ.1900s จากแต่เก่าก่อนที่ศิลปะการแสดงถูกจำกัดให้ชมกันสดๆ ผู้คนได้ร่วมสัมผัสเทคโนโลยีของภาพยนตร์เป็นครั้งแรก และมีส่วนสำคัญที่ทำให้วัฒนธรรมตะวันตกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด เหล่านักแสดงที่ไม่ได้รับความนับถือจากสังคมมากนัก ได้กลายมาเป็นผู้กำหนดเทรนด์ด้วยความคลั่งไคล้ของแฟนๆที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว การแสดงออกที่ต้องคำนึงถึงแบบแผนประเพณีดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วยความ modern จนแทบไม่น่าเชื่อว่า เพียงแค่ 1-2 ทศวรรษก่อนที่หนังเงียบจะรุ่งเรืองขึ้นมา การเปลือยข้อเท้าของผู้หญิงเป็นเรื่องที่ล่อแหลจนต้องถูกครหาซะด้วยซ้ำ!
การเปิดใจยอมรับด้านที่เย้ายวนใจของเพศหญิง
ที่จริงแล้ว เทคโนโลยีการสร้างหนังเงียบนั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายยุค Victorian แต่หนัง Hollywood เรื่องแรกถูกสร้างในต้น 1910 และเริ่มสร้างความนิยมอย่างสูงในเวลาไม่นานต่อมา ในยุคหนังเงียบ โรงหนังบางแห่งจะมีที่นั่งเป็นพันๆ หนังโด่งดังอย่าง The Birth of a Nation (1915) ทำเงินไปได้ร่วมๆร้อยล้านเหรียญ (หรือมีผู้เปรียบเทียบมูลค่าเงินในปัจจุบันไว้ถึง 1.8 พันล้าน!)
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมหนังเริ่มก่อร่างสร้างความสำเร็จในช่วงคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แม้จะมีเหล่านายทุนเปิดสตูดิโอสร้างหนังขึ้นมา แต่ก็ปิดตัวไปจากพิษเศรษฐกิจตำต่ำอันเป็นผลพวงจากสงครามไปหลายเจ้า แต่ก็ทำให้เกิดสิ่งหนึ่งที่ไม่ปราฏต่อสังคมมาก่อน นั่นคือ "ผู้หญิงทำงาน" แต่เดิมนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคใด ผู้หญิงก็ถูกจัดสรรหน้าที่ให้เป็นเพียงภรรยาและแม่ผู้ดูแลครอบครัว แม้จะเคยหาเลี้ยงชีพมาก่อน เมื่อแต่งงานไปก็ต้องปฏิบัติหน้าที่แม่บ้าน หรือดูแลกิจการงานของครอบครัวอย่างการเกษตรหรือค้าขาย ไม่ได้เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝัน การเรียนหนังสือก็ถูกจำกัดไว้ให้พออ่านออกเขียนได้ จะเลือกตั้งก็ยังไม่สามารถ อภิสิทธิ์ที่จะรักสวยรักงามและออกจากโลกแคบๆในครัวที่บ้านอยู่ในวงสตรีชั้นสูงเท่านั้น แต่เมื่อผู้ชายถูกเกณฑ์ไปรบ ผู้หญิงจำเป็นต้องออกมาทำงานเพื่อความอยู่รอด และในที่สุด พวกเธอก็เริ่มรู้คุณค่าของการพึ่งพาตัวเอง การทำเพื่อตัวเองโดยไม่ต้องคอยเป็นผู้ตาม และการแสดงออกทาง fashion ก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดด ชุดยาวกรุยกรายปกปิดเนื้อหนังที่ผู้หญิงใส่สืบต่อกันมานับพันปีก็เริ่มหายไปจากช่วงนี้เอง
ในยุค Victorian ผู้หญิงยุโรปจะคลั่งไคล้การโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งด้วยการรัดคอร์เซทให้แน่นที่สุด และเน้นให้สะโพกดูตู้มขึ้นมาด้วยโครงใต้กระโปรง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องปกปิดเนื้อหนังใต้ร่มผ้า เมื่อผ่านมาอีกยุค นอกจากจะเปลือยข้อเท้าได้แล้ว ชุดก็สั้นไปจากเดิม โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยุค 20s การเผยเรียวน่องไม่ได้ถูกครหาว่าเป็นสไตล์ของหญิงงามเมืองอีกต่อไป แม้จะเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อยู่ในชนชั้นสูงหรือเป็็นคนดังในสังคม ชุดก็ต้องดูรัดกุมขึ้น เพราะเมื่อผ่านสงครามมา การใส่ชุดยาวลากหางยาวและมีขั้นตอนการเตรียมตัววุ่นวายก็คงเสียเวลาไปเปล่าๆ
ลองชมตามภาพสิคะ สาวเปรี้ยวในยุค Edwardian กับนางเอกชื่อดังในยุคทองของหนังเงียบมี style ที่แตกต่างกันแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ในอเมริกา ยังมีกฎเกณฑ์ต่างๆเพื่อควบคุมผู้หญิงจากการแต่งกายตามใจปรารถนา บางรัฐยังจำกัดความยาวของชุด หรือแม้กระทั่งระบุว่าคอเสื้อสามารถกเปิดต่ำลงไปจากคอได้กี่นิ้ว รวมไปถึงการทำงาน พวกเธอถูกกีดกันจากหลายอาชีพ บางอย่างก็มีการบัญญัติกฎหมายขึ้นมาด้วยเหตุผลว่าช่วยป้องกันผู้หญิงจากความเสี่ยงต่างๆ บางอย่าง ก็เป็นวงการที่ไม่ต้อนรับผู้หญิง เช่น firmนักกฎหมายสามารถปฏิเสธผู้หญิงไม่ให้มาร่วมงานด้วยโดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะว่า มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเรื่องสิทธิความเท่าเทียมนั่นเองค่ะ
ในช่วงปี 1920s เป็นต้นมา รองเท้าส้นสูงเริ่มได้รับความนิยม ดังที่ได้เห็นในภาพด้านล่างคือ Clara Bow อีกหนึ่งผู้นำเทรนด์แห่งยุค เธอใส่ slip dress เล่นหนังสร้างความฮือฮามาตั้งแต่เกือบร้อยปีก่อน
นางเอกหนังเงียบดูไม่คลั่งผอมกันเท่าใดนัก
จากยุค Victorian ที่คลั่งไคล้เอวบางร่างน้อยกันมาก ถึงขนาดว่าคู่มือความงามยอดนิยมแนะนำให้กินให้น้อยๆเข้าไว้ เมื่อได้เห็นนางเอกชื่อดังจากยุคหนังเงียบหลายคนมีรูปร่างเล็กกะทัดรัดและไม่ได้ผอมบาง ทำให้ประหลาดใจนิดๆ
Gloria Swanson fashionista แห่งยุคที่มีส่วนสูงเพียง 150 cm
Norma Shearer นางเอกที่สิ้นสุดยุคหนังเงียบแล้วยังสร้างความโด่งดังได้ต่อในหนังที่มี sound เธอเป็นนางเอกอีกคนที่สูงไม่ถึง 160 cm
ลองมาชมตัวเลขสัดส่วนในอุดมคติแห่งยุคหนังเงียบจากหนังเรื่อง American Venus ซึ่งนางเอกก็คือ Esther Ralston ค่ะ
อก 34 นิ้ว
เอว 26 นิ้ว ครึ่ง
สะโพก 37 นิ้ว ครึ่ง
สูง 167 cm
ในสายตาชาวเอเชียนแล้ว นี่คือสัดส่วนที่อวบอิ่มเลยใช่ไหมล่ะ
ส่วนเว้าส่วนโค้งที่งามสมส่วนของ Esther Ralston
เทรนด์การแต่งหน้าที่บางทีก็แทบแยกกันไม่ออกว่าใครเป็นใคร
กาวาดเส้นคิ้วเรียวเล็กโค้งลงให้ใบหน้าดูโศก ปากเล็กกระจิ๋วที่จีบคว่ำเหมือนเด็กเอาแต่ใจ นี่คือเทรนด์ที่ช่างแตกต่างจากยุคปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
เป็นยุคที่นางเอกทุกคนเขียนคิ้วตกและปากแดงจุ๋มจิ๋มเหมือนกับ Betty Boop กันไปแทบหมดทุกคน
ไม่ว่าจะผมสั้น ยาว หรือสีใดก็ตาม นางเอกหนังเงียบต้องการสร้างความโดดเด่นให้สะดุดตาจากภาพขาวที่อาจจะกลืนไปกันไปหมด คุณจะได้พบตั้งแต่ผมหยิกฟูฟ่อง ไปจนถึงลอนขดตัวเรียงกันจากการทาน้ำมันจนเรียบแปล้ติดหนังศีรษะ
คุณจะไม่ได้เห็นนางเอกเหล่านี้ปล่อยผมยาวตรง
ลอนผมของ Dolores Costello ผู้มีฉายาเทพธิดาแห่งหนังเงียบ เธอเป็นย่าของ Drew Barrymore
จากยุค Victorian และยุค Edwardian ที่ผู้หญิงที่โตเต็มวัยต้องไว้ผมยาวเหยียดและต้องดูแลด้วยการมวย -เกล้า -เปียแล้วเก็บผมไว้ใต้หมวกใบใหญ่ เมื่อก้าวเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 20 ผู้หญิงสามารถตัดผมสั้นแล้วเซ็ทสารพัดทรง และแม้ว่าหมวกจะยังได้รับความนิยม แต่โดยมากจะใส่หมวกทรงระฆังที่ไม่ต้องประดับประดาด้วยไอเท็มสารพัดเหมือนกับสองยุคที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ถึงจะรักสวยรักงามมากแค่ไหน แต่จินตนาการความเหนื่อยที่ต้องคอยมาดูแลผมยาวเลยกลางหลังนานเป็นสิบๆปีไม่ออกเลย มาถึงยุคนี้ได้ก็เบาหัวกันถ้วนหน้า
Flapper
เมื่อพูดถึงยุคหนังเงียบตอนปลายจะตรงกับช่วงที่กลุ่ม Flapper สร้างเสียงฮือฮาจากสังคม คนรุ่นหลังอาจจะมองด้วยสายตาที่ชื่นชมที่พวกเธอสามารถฝ่ากำแพงอคติเพื่อแสดงออกถึงความมั่นใจไม่แคร์ขี้ปากชาวบ้าน แต่คนรุ่นเก่าอาจจะดูถูกดูแคลนว่า Flapper เป็นเพียงสาวใสไร้สติที่ก๋ากั่นถึงขนาดแต่งตัวกึ่งเปลือย ( กระโปรงสั้นระดับเข่าถือว่าโป๊เต็มที่) ที่จริงแล้ว Flapper คืออะไร ?
makeup แบบ Flapper
Flapper เคยเป็นคำ slang เรียกสาววัยรุ่นในวัยปล่อยผมยาวสยาย ( เมื่ออายุถึงเกณฑ์ผู้ใหญ่แล้วจะต้องรวบผมขึ้น) ทั้งในอังกฤษและอเมริกาได้ใช้คำนี้แทนเด็กสาววัยใสจนค่อยๆสูญหายไป เมื่อเข้ายุค 20s จึงกลายมาเป็นคำเรียกหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอย่างเสรี ปลาบปลื้มการเข้าสังคม สนุกกับพาร์ตี้ย์เพลงแจ๊ส นางเอกในยุคหนังเงียบหลายคนที่สร้างความโด่งดังจากภาพลักษณ์นี้ พวกเธอกลายมาเป็นไอดอลของหญิงสาวจำนวนมาก จากที่เคยคิดว่าอยากจะแต่งงานออกไปให้ได้เร็วที่สุด หลายคนหันมาใฝ่ฝันอยากร่ำรวย มีชื่อเสียงและพึ่งพาตัวเองได้ไม่ต่างเหมือนกับนางเอก Hollywood
ก่อนที่จะเข้ายุค 1920s เกิดวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายสิบล้าน รวมถึงผู้ชายที่ต้องสังเสยชีวิตไปจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้หญิงวัยสาวจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อชีวิตใหม่ จากที่ถูกพร่ำสอนให้พยายามหาผู้ชายดีๆมาเป็นสามีตั้งแต่อายุยังไม่มาก พวกเธอเริ่มอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีอิสระโดยที่ไม่ต้องโฟกัสกับการแต่งงานเพียงเท่านั้น หญิงสาวกลุ่มหนึ่งจึงลุกขึ้นมาสวมกระโปรงสุดสั้น (แค่เข่า!) แต่งหน้าจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ขับรถ
Flapper ถูกค่อนขอดว่าไร้เสน่ห์ทางเพศ จากผมซอยสั้น ชุดสั้นระดับเข่า รวมถึงโครงสร้างของเสื้อผ้าที่ไม่เน้นส่วนเว้าโค้งทำให้มีการเปรียบเทียบว่าเธอดูเหมือนเด็กผู้ชาย แต่นางเอกชื่อดังที่เป็นไอคอนของชาว flapper อย่าง Louise Brooks ก็ได้รับการยกให้เป็น sex symbol ของยุคไม่ต่างจาก Clara Bow
The End