รีวิว เปรียบเทียบโทนเนอร์ 5 แบรนด์ ใน Watsons!!
SinsatreeStory 48 10 สวัสดีค่ะสาวๆทุกคน วันนี้จะพามาเลือก และเปรียบเทียบโทนเนอร์ 5 แบรนด์ดังในวัตสันกันนะคะ
เนื่องจากช่วงนี้ตัวเราเองรู้สึกว่า ผิวหน้าไม่ค่อยชุ่มชื่นเท่าไหร่ แห้งกร้านมากๆ มีหลายๆคนแนะนำมาว่า ให้ลองใช้โทนเนอร์เป็นสกินแคร์เพิ่มเติมนอกเหนื่อยจากครีม และเซรั่ม เพื่อเป็นการเปิดผิว ด้วยอนุภาครูปแบบน้ำของโทนเนอร์ จะสามารถซึมลงผิวได้ไวกว่าครีม และเซรั่ม แต่ว่าโทนเนอร์มีหลายแบรนด์มากๆ วันนี้เราเลยจะพามาเลือก 5 โทนเนอร์ชื่อดังว่าตัวไหน ที่เราจะได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านมาใช้ และรีวิวให้เพื่อนๆได้ดูกันเลยค่าาาาาา
1.Cetaphil Bright Radiance Brightness Refresh Toner
มีส่วนประกอบหลัก คือ Niacinamide หรือวิตามินบี 3 และสารสกัดจากธรรมชาติจากดอก Sea Daffodil ที่เน้นไปทางช่วยลดจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ทางแบรนด์เคลมว่าจะช่วยให้ สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น เห็นผลใน 4 สัปดาห์ และให้ผิวผิวนุ่มชุ่มชื่นและเรียบเนียนยิ่งขึ้น ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่าใช้ได้กับผิวแห้ง บอบบาง แพ้ง่าย และทุกสภาพผิว
150 ml ราคา 725 บาท
ตัวนี้ก็น่าใช้ แต่ราคาก็อาจจะแรงไปหน่อย เน้นไปทางลดจุดด่างดำ
มากกว่าผิวชุ่มชื่น
1.Dr.wu Hyalucomplex Intensive Essence Toner
ตัวนี้ คือโทนเนอร์ที่เน้นไปในเรื่องเติมความชุ่มชื่นให้ผิว เหมาะกับคนที่ผิว แห้ง เสีย ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนจะบำรุงในตัวต่อไป ความพิเศษอยู่ที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า ให้กลายเป็น Super Toner จึงทำให้เป็นโทนเนอร์ในรูปแบบของน้ำตบเติมความชุ่มชื่นให้ผิว และเสริมสร้างการสังเคราะห์น้ำภายใต้ผิวหนังและรักษาสมดุลของการหมุนเวียนน้ำใต้ผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
150 ml ราคา 1,050 บาท
ตัวนี่ตรงจุดในเรื่องของคนที่ขาดความชุ่มชื่นบนใบหน้า ด้วยความเข้มข้นที่เค้าเน้นมาว่ามากถึงสองเท่า แต่ราคาก็สูงตาม คุณภาพเลยค่า
3.Thayers Astringent Witch Hazel Aloe Vera Formula Original
ตัวนี้เป็นโทนเนอร์แบบ ผสม Organic Aloe vera ที่ใช้เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าและสมานผิว เน้นไปทาง ขจัดความมันส่วนเกินจะช่วยปรับสภาพผิว กระชับรูขุมขน และปรับสีผิวให้กระจ่างใส ให้ความชุ่มชื่นและปรับสมดุลของระดับ pH ของผิว และจุดเด่นของโทนเนอร์ตัวนี้ก็คือ Organic Witch Hazel ที่ช่วยลดการสะสมเชื้อแบคทีเรีย ลดการสูญเสียน้ำ และ Organic Aloe vera ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปลอบประโลมผิวจากแสงแดด ลดการเกิดริ้วรอยสำหรับผิวผสม ผิวมัน
355 ml. ราคา 559 บาท
จริงๆตัวนี้น่าสนใจมากค่ะ ราคาก็ดีด้วย แต่เค้าเน้นไปทางคนผิวมัน เพื่อนๆคนไหนผิวมัน ตัวนี้ก็น่าสนใจมากๆ แต่ตอนนี้เราเองผิวแห้ง ขอผ่านไปก่อน….
4. Eucerin UltraSENSITIVE Hyaluron Toner
ตัวนี้เป็นตัวใหม่ ของ ยูเซอรีน ที่คุณสมบัติจะคล้าย DR.WU นั้นคือ มี Hyaluron ที่เน้นไปทางให้ความชุ่มชื่นที่ทางแบรนด์บอกว่ามี Hyaluron มากถึง 1.5 เท่า และ APG complex คือเป็นทั้งโทนเนอร์บำรุง และเช็ดทำความสะอาด ผิวเตรียมผิวในขั้นตอนแรก ที่ให้ความชุ่มชื่นผิว สลายความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและเครื่องสำอางตกค้างอย่างล้ำลึก ผิวไม่อุดตัน
200ml ราคา 630 บาท
ตัวยูเซอรีน ก็เป็นอีกตัวให้ความชุ่มชื่นที่เราแอบสนใจอยู่เหมือนกัน แต่เมือเทียบกับ DR.WU ดูเหมือนจะมีความชุ่มชืนมากกว่า
5.Acqua Distillata Alle Rose Toner
มาถึงตัวสุดท้ายกันนะคะ โทนเนอร์น้ำกลั่นกุหลาบ ตัวนี้ เป็นโทนเนอร์ ที่ขายดีที่อิตาลี เป็นโทนเนอร์ที่ดู แตกต่างจากตัวอื่นๆที่ผ่านมา เนื่องจากสารสกัดมาจากน้ำกลั่นของกูหลาบคุณภาพเยี่ยมหลายสายพันธุ์ คุณสมบัติคือกระชับรูขุมขน ให้ผิวเรียบเนียน ให้ความชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน พร้อมทั้งช่วยให้ผิวกระจ่างใส ที่สำคัญอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้เกิดการแพ้
300 ML ราคา 419 บาท
เอาเข้าจริงๆ รู้สึก ตัวนี้ซื้อแล้วคุ้มค่ามากกกก ทั้ง ราคา และปริมาณ รวมถึงคุณภาพ ก็ปังปรุริเยกันไปเลย ได้ทั้งชุ่มชื่น เช็ดผิว และ ผิวขาวใส
ให้ทายว่าเราได้ ตัวไหนกลับบ้านมาใช้ 5555555 แน่นอนค่ะ สุดท้ายแล้วเราก็เลือก ซื้อตัว Acqua Distillata Alle Rose Toner ด้วยความคุ้มค่าต่างๆ มาค่ะมาลองดูกัน ว่าเป็นยังไงบ้าง…..
ก่อนอื่นมาดูคุณสมบัติ ส่วนประกอบต่างๆกันอย่างละเอียดอีกรอบดีกว่า เผื่อเป็นแนวทางให้สาวๆ เลือกซื้อตามกัน…
Acqua Distillata Alle Rose Toner เป็นโทนเนอร์ที่ขายดีที่ อันดับหนึ่ง อิตาลี เป็นโทนเนอร์ ที่มี AAR ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นบำรุงผิว ให้ความชุ่มชื่นและลดการระคายเคือง ผสมกับน้ำกลั่นจากกุหลาบ แบบเข้มข้นมากๆ และไม่เพียงแค่นั้นยังคัดเอาแต่กุหลาบ คุณภาพเยี่ยมมากลั่น ซึ่งได้แก่ สายพันธ์ุ Canine Rose ,CentifoliaRose และ Damascen Rose นำมารวมส่วนประกอบที่มีแต่คุณภาพตัวอื่นๆ ในแบบฉบับของแบรนด์
ไม่ต้องห่วงเรื่องของ ส่วนประกอบที่เป็นอันตรายกับผิว ทางแบรนด์ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ สิริโคน พาราเบน และที่สำคัญเป็นสินค้าที่ผลิตมาจากส่วนประกอบจากธรรมชาติถึง 95 % กันเลยทีเดียวค่า
คุณสมบัติของโทนเนอร์ตัวนี้ก็คือ สารสกัดที่เค้าคัดมา มีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
ทำให้ ผิวของเราสดใส จะช่วยให้ความชุ่มชื่น ผิวนุ่ม และช่วยให้ผิวกระจ่างใส ผิวจะกระชับและรูขุมขนจะเล็กลง หากใช้เช็ดเครื่องสำอางก็จะช่วยขจัดสิ่งตกค้างในผิว หน้าให้เราหลังล้างหน้าได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโทนเนอร์ที่ตอบโจทย์ในหลายๆอย่าง และน่าใช้ มากๆเลยค่ะ เราเลยตัดสินใจเลือกมาใช้ต่อที่บ้าน ราคาก็น่าซื้อสุดๆ ดูคุ้มค่ามากๆ
ตัวโทนเนอร์เป็นน้ำใสใส ไม่มีสี มีแต่กลิ่นหอมๆ ของน้ำมันกุหลาบ
หลังจากสอยมาแล้วก็ลองใช้ กันเลยค่ะ เราใช้เช็ดหลังหลังล้างหน้าเช้าและเย็นนะคะ ใช้หยดลงบนสำลีให้ชุ่ม แล้วเช็ดที่หน้า หรือใครจะใช้ใส่ขวด และทำเป็นสเปรย์ไว้ฉีดหน้า ก่อนทาครีม หรือทาเซรั่มตัวอื่นๆเราก็ว่าโอเคนะคะ
ผลลัพท์ที่ได้หลังใช้ทันที
สิ่งแรกเลย แค่กดเปิดฝา และหยดลงสำลี คือกลิ่นของน้ำมันดอกกุหลาบมันโชย เข้าจมูกแบบหอม หวาน รู้สึกดีมากๆ เหมือนเวลาที่เราเข้าสปา แล้วไปเจอกลิ่นหอมในสปาแบบนั้นเลยค่า หลังจากใช้เช็ดทันที รู้สึก ผิวนุ่มชุ่มชื่น มากๆหน้าก็นิ่มสุดๆไปเลย หลังจากใช้แล้วลงสกินแคร์ตัวอื่นได้เลย รู้สึกได้ว่าเวลาแต่งหน้า แล้ว ผิวดี สุด เมคอัพติดทน ชอบมากๆค่ะ
ต้องเรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งสกินแคร์ ในดวงใจเลย อยากแนะนำให้สาวๆ ได้ลองซื้อมาใช้กัน ใครที่ชอบกลิ่นหอม แบบสปา แนะนำให้ซื้อมาลองด่วนๆเลยค่า ตัว Acqua Distillata Alle Rose Toner เค้าไม่ได้มีดีที่แค่ความหอมนะคะ แต่ยังทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่นดูสุขภาพดีได้จริง และยังช่วยให้ผิว สวยใส ได้ในระยะยาวหากเราใช้กันเป็นประจำ ยังไงตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มของเราแล้ว หากเพื่อนๆคนไหน สนใจ อยากใช้ตาม ขอบอกเลยว่าจะไม่ผิดหวังเลยค่า
ใครสนใจสามารถไปหาซื้อได้ที่ Tops และ Watsons ทุกสาขาทั่วประเทศ
ปริมาณ 300 ML. ราคาเพียง 359 บาท