ความเปลี่ยนแปลงในการนำเสนอ LGBTQในบันเทิงเอเชีย

60 9
ความเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความยอมรับเพศทางเลือกในแถบเอเชียเริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาช้าๆ    แต่ถึงกระนั้น   แม้ในบางประเทศที่พัฒนาแล้ว " การเปิดเผยตัวตน"  ของเพศทางเลือกจะถูกค่านิยมดั้งเดิมบีบรัดไว้จนทำให้คนมากมายเลือกจะเก็บงำเรื่องเพศของตัวเองไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้   รวมถึงต้องทนทุกข์ทรมานจากเรื่อง bully หากความลับถูกเปิดเผย   ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวว่าพวกเค้าจะต้องพบกับการตีตราบาป  ความแปลกแยกจากผู้อื่นถือเป็นความผิดที่ต้องจำใจแบกรับ      ทั้งๆ เวลาผ่านล่วงไปจนอาจจะเกือบเชื่อได้แล้วว่า   ความคิด anti  gay  และเพศทางเลือกอื่่นๆ ควรจะสูญสิ้นไปจากโลกนี้ได้แล้ว    แต่ดูเหมือนว่า    คนในสังคมจะต้องพยายามมากขึ้นเพื่อเรียนรู้ในการมองเห็นคุณค่ามนุษย์ที่ภายใจน หาใช่เพศสภาพและรสนิยมทางเพศที่แตกต่างจากตัวเอง

.ในฝั่งเอเชีย การแต่งงานระหว่าง "เพศเดียวกัน" แทบจะเป็นไปไม่ได้ (หากคุณไม่ได้อยู่ไต้หวัน) หลายประเทศชั้นนำ มันยากเย็นนักที่จะได้เห็นศิลปินในวงการบันเทิงประกาศว่าเป็นเพศทางเลือกและสามารถดึงดูดความนิยมจากมวลชนได้ไม่แตกต่างจากคนดังที่ชอบเพศตรงข้าม แต่ความเคลื่อนไหวหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการให้ความรู้ ปลูกฝังความเข้าใจในเรื่องการยอมเพศทางเลือกได้ถูกสร้างสรรค์ผ่านผลงานหน้าจอ ทั้ง TV และภาพยนตร์ เมื่อก่อนนั้น การนำเสนอภาพของ LGBTQ อาจจะถูกจัดให้เป็น "การสร้างกระแส" ด้วย "เรื่องราวอันฉาวโฉ่" แต่พวกเราได้เติบโตเพื่อก้าวออกมาจากความคิดอันล้าหลังที่ยึดมั่นว่า เพศทางเลือกคือเรื่องไม่เหมาะสมที่ไม่ควรค่าจะได้รับการสนับสนุน แต่กันมาโอบกอดเพื่อยอมรับความเป็นมนุษย์ที่อยู่คู่กับชาวโลกมานานแสนนาน

มาติดตามการนำเสนอภาพของเพศทางเลือกในสื่อบันเทิงเอเชียกันเลยค่ะ



ไต้หวัน  เปิดโลกทัศน์ใหม่แห่งเอเชีย สนับสนุนให้สังคมยอมรับเพศทางเลือกอย่างไม่หยุดยั้ง





สังคมไต้หวันได้ข้ามจากการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มเพศทางเลือกมาสนับสนุนความเท่าเทียมของปัจเจกชน ไม่ว่าจะมีเพศใด แม้ว่าจะจะมีการบอกเล่าจากคนจากใน community นี้ว่า การเปิดเผยตัวตนยังเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ทิศทางแห่งการยอมรับก็เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม

การสมรสระหว่างเพศเดียวกันที่ถูกกฎหมายเป็นแห่งแรกในเอเชีย
รัฐมนตรีเพศทางเลือกที่มีผลงานโดดเด่น

ในบางสังคมยังมองว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ โดยไม่สนใจว่า นี่คือแนวคิดที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ที่สร้างความเสียหายร้ายกาจ 








Your Name Engraved Herein     หนังที่ทำรายได้ ไปถึงร้อยล้านดอลลาร์ไต้หวัน  



เมื่อพูดถึงหนังที่เล่าเรื่องรางวของคู่รักเกย์ หลายคนอาจจะจัดให้อยู่กลุ่ม Boy Love ที่มีแฟนๆสาว Y คอยสนับสนุน แต่ความสำเร็จของ  Your Name Engraved Herein   ที่โกยรายได้ไปถึงร้อยล้าน จากประชากรไต้หวันที่มีเพียง 24  ล้านคนน่าจะยืนยันได้ว่า  การถ่ายทอดชีวิตของคนรักร่วมเพศผ่านผลงานศิลปะบนแผ่นฟิล์มไม่ได้ดึงดูดแต่แฟนๆเฉพาะกลุ่มเพียงเท่านั้น    แต่สามารถสร้างความสำเร็จอย่างครอบคลุม และสามารถผลักดันให้สังคมลดอคติที่มีต่อเกย์ลงได้

ภาพที่เผยแพร่ทางสื่ออาจจะทำให้คนที่ไม่เคยชมหนังเรื่องนี้ติดว่า  นี่เป็นพล็อทแบบ BL ที่ขายความโรแมนติคของคู่รักชายรักชายให้แฟนๆคอยจิ้น เหมือนกับนิยายเกย์ทั้งหลายในท้องตลาด         แต่แท้จริงแล้ว นี่คือดราม่าอันแสนกดดันความรักของหนุ่มมัธยมได้หวันในยุค 80s  ในขณะที่สังคมกำลังขับเคลื่อนด้วยความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง        เด็กหนุ่มทั้งสองต้องเผชิญกับผลกระทบจากตัวตนภายในที่ถือเป็นเรื่องต้องห้าม     แม้กระทั่งความเท่าเทียมระหว่างเพศตรงข้ามกันยังเป็นเรื่องที่ดูจะเป็นไปไม่ได้   แน่นอนว่า ผู้ที่มีรสนิยมรักร่วมเพศจะยิ่งต้องเจอแรงกดดันจากเรื่อง bully  และต้องฝืนตัวตนภายในเพื่อใช้ชีวิตให้คนรอบข้างยอมรับ  

เป็นหนังดราม่าที่แสดงถึงความยากลำบากในช่วงสี่สิบปีก่อนที่ไต้หวันจะได้รับการชื่นชมว่าเป็นแบบอย่างของชาติในเอเชียในการสร้างความเท่าเทียม และประสบความสำเร็จอย่างอลังการ นอกจากจะสร้างรายได้สูงระดับ box office ก็ยังกวาดรางวัลโด่งดังมาหลายสาขา ทั้งนักแสดง เพลงประกอบหนังก็ฮ็อตฮิตโดยที่แฟนๆที่คลั่งไคล้หนังเรื่องนี้ไม่ต้องหวาดกลัวคำครหาว่าชอบเรื่องเกย์ แต่เพราะนี่คือส่่วนสำคัญที่อยู่คู่กับสังคมได้หวันที่พวกเค้าไม่มองข้ามต่างหาก




หนังซิทคอมเกย์ที่ออนแอร์ในวันเดียวกับที่ประชาชนไต้หวันเดินขบวนประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายรองรับการสมรสของเพศเดียวกัน

เราเชื่อว่า  ผู้คนจำนวนมากมายต่างโหยหาสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หลังจากที่ชาวไต้หวันจำนวนมากได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิในการสมรสระหว่างคู่ที่มีเพศเดียวกัน  แม้จะมีผู้ประกาศตัวต่อต้านอย่างแข็งกร้าว (ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีความเชื่อทางศาสนาที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้)      แต่ผลลัพธ์จากการสำรวจความคิดของกระทรวงยุติธรรมก็ได้เปิดเผยแล้วว่าชาวไต้หวันส่วนมากสนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมาย    และสิ่งที่พวกเค้ารอคอยก็เกิดขึ้นจริง


ในวันเดียวกันที่มีการประท้วง หนังสั้นแนว comedy  เรื่อง  Penguins at North Pole ได้เปิดตัวสร้างความฮือฮา ตารางการออนแอร์จะค่อนข้างดึก แต่ก็ได้รับความสนใจเกินคาดจากผู้ชม   และเชื่อกันว่า ความตื่นตัวในการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมของ LGBTQ  community   นี่เองที่ทำให้หนังสั้นเรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญ

แม้จะเป็นหนังตลก แต่ก็ได้สะท้อนสังคมไต้หวันในชีวิตจริงอ่านตัวละครต่างช่วงวัย เมื่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวยังยึดติดแนวคิดดั้งเดิมที่ว่า ลูกสาววัยสามสิบจะต้องหาคู่ครองเป็นชายดีๆที่มีฐานะมั่นคงคอยดูแลเธอไปชั่วชีวิต และเธอจะตายตาหลับเมื่อมีได้ได้เห็นหน้าหลานน้อย แต่ในความเป็นจริงก็คือ ลูกสาวที่แม่คาดหวังนักหนาไม่ได้เหลียวแลผู้ชาย และไม่คิดว่าเธอจำเป็นต้องมีสามีเพื่อเติมเต็มความสุข เพราะเธอมีคนรักเป็นผู้หญิงเหมือนกันอยู่แล้ว การเผชิญหน้าต่อความจริงของพวกเค้าจะลงเอยเช่นไรนะ!


เนื้อหาของหนังไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวที่มีลูกหลานเป็นเกย์ในสังคมเอเชีย เมื่อใดที่คุณได้ชมผลงานจากฝั่งตะวันตก ก็อาจจะคุ้นเคยกับภาพของพ่อแม่ที่เปิดใจยอมรับในเรื่องรสนิยมรักร่วมเพศของลูก หรือแม้กระทั่งตัวลูกๆ ที่ต้องปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงสุดขั้ว เมื่อบุพการีประกาศความจริงว่าเป็นเกย์หรือทรานส์ และที่ผ่านมาต้องปิดบังตัวตนมาตลอด และพวกเค้าสามารถยอมรับกับเรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และมันเป็นเรื่องที่ปกติเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นตัวละครเพศทางเลือก รวมไปถึงคู่ชีวิตเพศเดียวกันและทรานส์ผ่านหนังละคร โดยที่ไม่สร้างอคติในกลุ่มผู้ชมจนต้องบอยคอตผลงาน


แต่หากเป็นหนังในฝั่งเอเชียแล้ว ยังต้องใช้เวลาเพื่อทำให้ยอมรับกันว่านี่คือสิ่งปกติ ไม่ใช่การขายเรื่องเพศที่อื้อฉาวหรือสร้างกระแสด้วยประเด็นที่หมิ่นเหม่ต่อความรู้สึกคนในสังคม และดูเหมือนว่า ไต้หวันจะก้าวไปได้ไกลเลยทีเดียวค่ะ






ญี่ปุ่นกับความก้าวหน้าในการนำเสนอเพศทางเลือกในสื่อบันเทิง

ผลงานเกี่ยวกับ LGBTQ จากญ๊่ปุ่น  จะถูก stereotype  ด้วยคำว่า Boy Love , Yaoi  และ  Yuri     และแผ่อิทธิพลความนิยมอย่าวกว้างใหญ่ไพศาลมาถึงบ้านเรา   หากเดินเลี้ยวเข้าไปที่ร้านหนังสือ  คะณจะพบกับ section ผลงาน Boy Love  ที่ กว้างขวางกินบริเวณนิยายแนวอื่นไปมาก  มีผลงานหลากหลายรูปแบบจากหลายประเทศ  ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี   แม้กระทั่งจีนที่มีการ ban เรื่องราวของรักร่วมเพศออกจาก TV  ก็ยังมีนิยายเกย์โด่งดังหลายเรื่อง     เรื่องราวความรักของคู่ชาย - ชายที่ถูกสร้างมาเอาอกเอาใจแฟนๆนั้น  อาจจะทำให้บางคนยึดติดกับแฟนตาซีของเกย์หนุ่มสุดหล่อที่มีบทบาทรุก-รับที่ทำให้สาว Y ใจสั่นไหว


แต่การนำเสนอเรื่องรักร่วมเพศในสื่อบันเทิงญี่ปุ่นนั้น ถือว่าก้าวหน้าและหลากหลายมากค่ะ  ไม่ได้มีด้านที่ romanticize  ชีวิตของคนใน community นี้เท่านั้น แต่ยังนำเสนอความเป็นจริงที่ไม่ได้สวยหรูหรือชวนตื่นเต้นเหมือนกับในนิยายเสมอไป  แต่พวกเค้าได้สร้างเสน่ห์จากการทำการบ้านข้อมูลเพื่อให้ดู "สมจริง" ขึ้นมาแทน
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน   Cherry Magic! Thirty Years of Virginity Can Make You a Wizard?!  ซีรีส์ Boy Love ชื่อยาวเหยียดได้ฤกษ์ออนแอร์ในช่วงดึกสงัดตามเวลาญี่ปุ่น  ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่เราไม่ได้คาดหมายตัวเลขเรตติ้งที่หวือหวา     แต่มันก็น่าสนใจมากพอที่สามารถติดตามชมจาก streaming ทีถูกลิขสิทธิ์ในบ้านเรา  (  We TV ) ซึ่งแม้แต่ซีรีส์กระแสดีสัญชาติญี่ปุ่นหลายเรื่องก็ยังหาเก็บชมแบบถูกลิขสิทธิ์ให้ครบไม่ได้   แต่แค่มองจากภาพตัวอย่างก็รู้เลยว่าเข้าทางแฟนๆในต่างประเทศเพิ่ม  ดูเผินๆอาจจะเป็นเรื่องที่สร้างมาสำหรับสาว Y    จากภาพลักษณ์หนุ่มตัวเล็กหน้าหวาน มี  image เหมือนผู้หญิงน่ารัก ๆ กับพระเอกอีกคนที่สูงหล่อ เก่งกาจ มั่นใจ นิสัยดี perfect ไปทุกอย่าง   พวกเค้าอาจจะทำให้ผู้ชมคิดว่าเป็น Boy Love ที่เน้นให้แฟนตาซีของคู่รักแบบรุก-รับ  แต่เมื่อได้ชมแล้ว ก็ได้พบว่า นี่คือซีรีส์รักกุ๊กกิ๊กในออฟฟิศที่มีพล็อทแบบ feel good ไม่ต่างจากซีรีส์หวานที่มีนักแสดงนำเพศตรงข้ามกัน    
นอกจากจะคว้าตัวพระเอกหนุ่มชื่อเสียงโด่งดังมารับบทคนคลั่งรักที่น่าเอ็นดูแล้ว    กระแสตอบรับก็อบอุ่นมิใช่น้อยเลย แม้จะไม่ได้ฉายในช่วง prime time   แต่จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้ชมก็ได้รับคะแนนพุ่งสูงขึ้นมาเรื่อยๆ   จนมีการสร้างภาคพิเศษออกมาเติมเต็มความฟินกัน   และยังข้ามไปสร้างความนิยมที่ไต้หวันจนขึ้นเป้นซีรีส์เรตติ้งอันกับหนึ่งของช่องที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายถึง 6 สัปดาห์ต่อกัน



ไม่ได้ดึงดูดแต่ผู้ชม "เฉพาะกลุ่ม" 


ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งเรื่องการนำเสนอศิลปะการทำอาหารจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และสร้างซีรีส์เกี่ยวกับอาหารที่ทำให้ให้ผู้ชมทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศติดใจมาแล้วหลายเรื่อง


และถ้าผู้สร้างต้องการจะถ่ายทอดเรื่องอาหารรสอร่อยล้ำไปพร้อมๆกับlifestyle ของคู่รักเกย์หนุ่มใหญ่ในเมืองใหญ่ล่ะ ?

แน่นอนว่าจะสนุกมากๆเลยล่ะสิ!

เราเคยพูดมาหลายครั้งว่า ญี่ปุ่นมีแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่ามหาศาลเพื่อเป็นวัตถุดิบการสร้างผลงานหนังและละครคือวัฒนธรรม manga นั่นเอง และการแข่งขันที่สูงลิบลิ่วของวงการนี้ทำให้ศิลปินทั้งหลายพยายามไขว่คว้าให้ถึงความสำเร็จด้วยบันไดแห่งความสร้างสรรค์ Kinou Nani Tabeta หรือเมื่อวานนี้คุณกินอะไร ? คือในผลงานชั้นนำที่คว้ารางวัล Kodansha และรางวัล Galaxy ในปี 2019 manga เรื่องนี้ขายไปได้เกินห้าล้านเล่ม! เพียงไม่กี่นาทีแรกที่ได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ เราก็ฟันธงในใจแล้วว่า นี่จะกลายมาเป็น live action สุดปัง เพราะนี่คือผลงานที่คุณภาพที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นเวอร์ชั่นคนแสดงได้อย่างแท้จริง !

ที่จริงแล้ว เราไม่ได้อยากจะต้องแบ่งแยกประเภทของซีรีส์ด้วยเพศของตัวละครแม้แต่น้อย ยิ่งได้ Kinou Nani Tabeta แล้ว ก็มั่นใจนี่ว่า เป้าหมายของผู้สร้างไม่ใช่การดึงดูดผู้ชมเฉพาะกลุ่มคือ fujoshi หรือผู้นิยมfantasyของชายรักชาย แต่เป็นการสร้างความเข้าใจในกลุ่มคนในสังคมที่ควรได้รับสิทธิ์อันเท่าเทียมไม่ต่างจากเพศอื่น จากการสะท้อนความสังคมในยุคใหม่ของญี่ปุ่นที่พัฒนาไปพร้อมกับความคิดแบบหัวก้าวหน้า แต่ก็มีด้านอนุรักษ์นิยมอย่างเด่นชัด สังคมแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่คิดภาพไม่ออกว่าเกย์เป็นเช่นไร มีคนที่สามารถเปิดใจยอมรับแต่ยังไม่ get มีคนที่รู้สึกหวาดกลัว รับไม่ได้ มีคนที่พร้อมจะเรียนรู้เพื่อใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติ ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน



เราได้อะไรจาก Kinou Nani Tabeta เยอะจนเรียกได้ว่าเป็นการใช้เวลาในการเสพสื่อบันเทิงที่คุ้มค่า และไม่แปลกใจที่ซีรีส์เรื่องนี้จะกวาดรางวัล Television Drama Academyไปได้มากที่สุดและยังมี Confidence Award Drama Prize ที่จัดโดย Oricon รวมไปถึง Galaxy Award และกำลังปล่อยตัวซีซันสองให้ชมภายในปีนี้


การเล่าเรื่องราวแบบ slice of life จะfocus ที่คู่รักชายหนุ่มรุ่นใหญ่ที่ดูเหมือนจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับนิยาย BL แต่การอยู่เคียงข้างกันในสังคมที่ยังไม่เปิดใจรับเกย์อย่างเต็มที่ก็พาไปสู่เส้นทางที่มีทั้งขึ้นและลง เพราะเป็๋นตัวละครที่มีมิติสมจริง ก็ดึงดูดให้เราชมรวดเดียวจนจบโดยไม่ต้องพึ่งพาฉาก service ชวนจิ้นแต่อย่างใด เนื้อเรื่องทั้งอบอุ่นและให้ความรู้ และอาหารสไตล์ประหยัดก็น่ากินทุกอย่าง แม้แต่การต้มราเมนสำเร็จรูปสูตรเฉพาะของตัวเองยังดูเพลินสุดๆ



 

ชิโระซัง - ทนายหนุ่มใหญ่ที่ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดจนดูอ่อนกว่าวัย เขามักจะได้รับคำชื่นชมเรื่องรูปลักษณ์ที่ดูดีเกินกว่าคนร่วมรุ่่น แต่แม้จะดู popular เขาก็แยกตัวห่างจากความสร้างมิตรภาพกับผู้อื่น และดูหวงความเป็นส่วนตัวอย่างที่สุด แท้จริงแล้วชิโระซังเก็บงำเรื่องรสนิยมทางเพศจากคนรอบข้าง และว่าจะใช้ชีวิตกับแฟนหนุ่มมานานแล้ว นิสัยที่โดดเดี่ยวนั้นทำให้เขาวางแผนเกษียณอย่างเคร่งครัด ทำให้ภายใต้ภาพของทนายหล่อเริ่ดมีตัวตนที่ไม่ต่างจากแม่บ้านผู้มัธยัสถ์ซุกซ่อนอยู่ เขาจะใคร่ครวญอย่างละเอียดก่อนจ่ายเงินshopping แม้จะเป็นเงินเพียง 10-20 เยน และเพื่อความประหยัดคุ้มค่า ชิโระซังจึงทำอาหารรับประทานเองทั้งเช้าและเย็น ฝีมือของเขาพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆและได้เป็นสิ่งเชื่อมความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ

เคนจิ - ช่างทำผมมนุษยสัมพันธ์ดี   เขาดูแตกต่างจากชิโระซังที่คร่ำเคร่งในการเก็บเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองในบั้นปลายอย่างคนละขั้ว   เขามีจริตออกสาวนิดๆ และไม่ต้องคอยปิดบังตัวตนจากคนอื่น  ความสดใสร่าเริงของเคนจิดูจะเติมเต็มด้านที่ตรงทื่อของแฟนหนุ่มได้ไม่น้อย  แต่พวกเค้าไม่ได้เริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการตกหลุมรักและไม่ได้แสดงออกถึงความรักหวานแหวว  แต่ค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน   คนรักหนุ่มที่มีอิสระในการใช้ชีวิตอย่างเคนจินี่เองที่ทำให้ชิโระซังเริ่มค่อยๆปล่อยวาวกับความกดดันที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางอคติของสังคม
รายละเอียดของซีรีส์อาจจะไม่ละเอียดเท่ากับการ์ตูน  แต่เนื้อหามาค่อนข้างครบทีเดียว  คุณจะได้พบกับ

- การใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังของเกย์หนุ่มที่ดูแลรักษาสุขภาพและมีวินัยในการอดออมเพื่อชีวิตที่มั่งคงและมีความสุขตามอัตภาพ
-คำพูดวิพากษ์วิจารณ์เกย์จาก stereotype ที่รับฟังปากต่อปากมาและสร้างความอึดอัดใจให้กับเกย์
- เรื่องของเกย์ดาร์ ที่ยืนยันว่า เกย์ไม่ได้จำกัดแค่ผู้ชายที่มีแสดงออกหรือมีรูปลักษณ์ที่เห็นแล้วฟันธงได้ทันทีว่าเป็นเกย์
- การวางตัวเหินห่างจากครอบครัว เมื่อพ่อแม่ทำตัวไม่ถูกต่อหน้าลูกที่เป็นเกย์ แม้จะรับรู้มานานแล้ว
- สถานที่พบปะเพื่อหาคู่ของเกย์ที่อาศัยในเมือง และรูปลักษณ์ที่ทำให้เกย์ดู popular
- ผลกระทบในการเป็นคู่ชีวิตที่กฎหมายไม่ได้ยอมรับเป็นลายลักษณ์อักษร
- ความยากลำบากของเกย์ที่ยังปิดบังตัวตน และยังไม่สามารถทำใจยอมรับสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนรอบข้างที่คอยตัดสินพวกเค้าเมื่อแสดงความรักเหมือนคู่รักต่างเพศ
- การเติบโตเพื่อยอมรับตัวเองและใช้ชีวิตอย่างภูมิใจโดยไม่เอาแต่กังวลต่อการจับผิดของคนอื่นอีกต่อไป

และมีอีกหลายเรื่องราวที่ทำให้เรารอคอยซีซัน 2 อย่างตื่นเต้น



เพศทางเลือกกับครอบครัวญี่ปุ่น


เรื่องของเพศทางเลือกไม่ได้จำกัดอยู่ใน romance ชวนฝันเพียงเท่านั้น  แต่เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวพวกเรา  แม้ว่าจะไม่ใช่ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับทุกคน  แต่เราย่อมเคยได้ยินเรื่องราวของสมาชิกครอบครัวที่เป็นเพศทางเลือก       manga ญี่ปุ่นได้ก้าวไปไกลถึงเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันในตะวันตก    และสร้างความช็อคให้กับครอบครัวในญี่ปุ่นที่ค้นพบความจริง
 Otouto no Otto   เป็น manga การันตีคุณภาพจากหลายรางวัล และได้รับเลือกมาสร้างเป็นซีรีส์สามตอนจบทางช่อง NHK BS Premium  ถ่ายทอดเรื่องราวของยาอิจิ   คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เหินห่างกับน้องชายฝาแฝดไปตั้งแต่ที่อีกฝ่ายย้ายไปแคนาดา  หลังจากที่ได้รับข่าวร้ายว่า น้องชายที่มีรูปลักษณ์เหมือนกันมากเสียชีวิตลงไปกะทันหัน  เขาทำตัวไม่ถูกแม้แต่น้อยเมื่อต้องต้อนรับสามีของฝาแฝดที่เดินทางมาเยี่ยมเยียน  จากที่มีเคยชีวิตราบเรียบในเมืองเล็กๆ  พ่อลูกจะต้องปรับตัวขนานใหญ่เพื่ออาศัยร่วมกับ "คุณอา" ฝรั่งร่างใหญ่ที่มีแนวคิดเรื่องเกย์แตกต่างไปจากชาวญี่ปุ่น  โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่ต้องต่อสู้กับความวิตกกังวลในใจที่เกรงว่าชาวเมืองจะไม่ยอมรับลูกสาวของเขาที่ใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกับเกย์ที่แต่งงานกับน้องชายผู้ล่วงลับ  

ญี่ปุ่นไม่ได้มีแต่ผลงานที่เกี่ยวกับเกย์เพียงเท่านั้น Close - Knit หนังที่คว้ารางวัลเทศกาลหนัง Berlin นั้นเกิดจากแรงบันดาลใจของ นาโอโกะ โอกิกามิ ผู้กำกับที่ได้มีโอกาสไปที่สหรัฐอเมริกา และทำความรู้จักกับ LGBTQ community ที่หลากกลายและเปิดกว้าง แต่เมื่อเธอหวนคืนสู่ญี่ปุ่น กลับรู้สึกขัดแย้งเมื่อเห็นว่า เหล่าผู้คนเพศทางเลือกยังถูกกีดกัน เธอกล่าวถึงจุดมุ่งหมายในการสร้างหนังที่ตัวละครนำเป็นสาวทรานส์ว่า  เธอสร้างหนังจากประสบการณ์ที่ได้อาศัยในอเมริการะยะหนึ่งและได้พบกับcommunity ของเพศทางเลือกที่เปิดกว้างหลากหลาย แต่เมื่อหวนคืนสู่บ้านเกิดก็พบว่า นี่ยังเป็นสิ่งต้องห้ามที่สังคมไม่ยอมรับ

"มันเป็นเรื่องยากเย็นมากๆ ที่ชาว LGBTQ ที่จะเปิดเผยตัวตนในญี่ปุ่นได้ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วในตะวันตก เรายังตามหลังอยู่ โดยเฉพาะเรื่องเพศ คนญี่ปุ่นยังยึดติดว่า ผู้ชายจะต้องมีรูปลักษณ์แบบผู้ชาย ส่วนผู้หญิงก็ต้องดูเป็นผู้หญิง มีการกางเส้นแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน เมื่อไรที่ญี่ปุ่นจะมีนายกรัฐมนตรีผู้หญิงได้น่ะเหรอ ฉันว่าคงไม่เกิดขึ้นภายใน 15 ปีนี้ ฉันอยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ผู้คนควรมีความเข้าใจในประเด็นเรื่องเพศมากขึ้น "



Close-Knit เป็นเรื่องราวของโทโมะ เด็กหญิงที่มักจะถูกแม่วัยสาวทอดทิ้งทุกครั้งที่พบรักกับผู้ชายหน้าใหม่ เธอจึงต้องพึ่งพามากิโอะ น้าผู้แสนใจดีทุกครั้งที่แม่หายหน้าไป แต่ล่าสุดที่มาอาศัยกับมากิโอะ เธอก็ได้พบกับรินโกะ ซังหญิงสาวคนรักของเขา แต่หญิงสาวที่ละมุนละไมทุกความเคลื่อนไหวนั้นมีสิ่งที่แตกต่างออกไป เธอเคยมีร่างกายเป็นชายมาก่อน และอาจจะทำให้โทโมะอึดอัดใจไปบ้าง แต่นิสัยที่อ่อนโยนที่มาจากภายในอย่างแท้จริงทำให้เด็กหญิงยอมรับรินโกะซังได้อย่างเต็มหัวใจ

แต่หลังจากที่โทโมะเริ่มมีความสุขกับชีวิตของครอบครัวที่โหยหามานาน เด็กหญิงต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรมจากแนวคิด anti เพศทางเลือก และรับมือกับการเลือกปฏิบัติเท่าที่เด็กจะทำได้ เธอทนไม่ได้ด้วยซ้ำหากมีคนเย้ยหยันว่า สาวทรานส์อย่างรินโกะซังไม่สมควรจะเป็นแม่ได้ เพราะเธอรู้ซึ้งว่า ความรักและผูกพันที่มีให้กันนั้นไม่ได้มีเรื่องลักษณะทางกายภาพมาขวางกั้น

บางคนยกให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนกับ lecture เรื่องเพศทางเลือกให้กับผู้คนในญี่ปุ่น ผู้กำกับระบุว่า เด็กๆต่างก็มีความไร้เดียงสา แม้ว่าบางคนจะมีอคติและการแบ่งแยกอยู่บ้าง แต่ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ที่ยึดมั่นกับแนวคิดต่อต้านความแตกต่างจนยากจะแก้ไข การศึกษาจึงเป็นส่วนสำคัญในการปลูกฝังความคิดในการยอมรับผู้อื่น




เมื่อปีที่แล้ว สึโยชิ คูซานางิ อดีตสมาชิก SMAP บอยแบนด์ชั้นนำได้พลิกบทบาทการแสดงจากหนังเรื่อง Midnight Swan จากเรื่องราวของสาวทรานส์ที่ใช้ชีวิตในโตเกียวและต้องมาทำหน้าที่แม่ให้กับหลานสาวห่างๆที่ถูกแม่ทอดทิ้งอาจจะฟังดูคล้ายคลึงกับ Close- Knit อยู่บ้าง และหนังประสบความเร็จอย่างงดงาม ภายในเดือนแรกก็กวาดรายได้ไปแล้วถึง 500 ล้านเยน! เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมไปอย่างไม่เกินความคาดหมาย

สึโยชิได้รับคำชื่นชมจากบท นากิสะ สาวทรานส์ที่ปกปิดเรื่องการแปลงเพศจากครอบครัวที่ต่างจังหวัดและไม่ชอบเด็ก แต่เมื่อเด็กสาวได้ก้าวเข้ามาชีวิตที่อ้างว้างก็ทำได้ปลุกความเป็นแม่ในตัวเธอและก่อเกิดความรักอันสวยงาม เออิจิ อูจิดะ ที่ทำหน้าที่ผู้กำกับได้ใช้เวลาถึง 5 ปีในการเขียนบทนี้ เขาพบปะกับทรานส์จากพื้นเพที่หลากหลายในสังคมญี่ปุ่น และสร้างสรรค์เรื่องราวขึ้นมาจากประสบการณ์จริงของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ฟังดูไร้ความเข้าใจจากคนในครอบครัวว่า " ไปรักษาโรคให้หายปกติด้วยเถอะ" หรือคำวิจารณ์จากคนไม่รู้จักว่า "พวก LGBT ก็เป็นเพียงเรื่องที่กำลังนิยมกันในทุกวันนี้"




การดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากการตีตราบาป


หากนักแสดงสร้างชื่อเสียงจดจำจากบทบาทหนึ่งที่โด่งดังจนติดตาแฟนๆไปแล้ว  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะก้าวข้ามจุดนั้นแล้วทำให้ผู้คนยอมรับในบทบาทใหม่ๆ       จูริ อุเอโนะเป็นนักแสดงอีกคนที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการแสดง  เพราะเธอดังเปรี้ยงปร้างจาก Nodame Cantabile  จนทำให้ผู้คนติดภาพสาวนักดนตรีสุดต๊องจนยากจะยอมรับบทที่แตกต่างออกไป     แต่  Last Friends   ก็ทำให้ชื่อของจูริผงาดขึ้นมาอีกครั้ง     บทสาวนักบิดที่รักผู้หญิงด้วยกันทำให้เธอคว้ารางวัลการแสดง และลบภาพของโนดะเมะที่ฝังใจคนที่เคยคิดว่า เธอไม่สามารถเล่นบทดราม่าให้ชวนอินได้
ซีรีส์ออนแอร์ในปี 2008  ซึ่งในตอนนั้น  ภาพของผู้หญิงรักร่วมเพศถูกนำเสนอออกมาในด้านที่ดูผิดแปลก แตกแยกไปจากความคาดหวังของสังคม     รุกะถูกผู้ไม่ประสงค์ดีขู่ blackmail ว่าจะเปิดโปงตัวตนของเธอ และยังต้องทุกข์ทรมานเพราะเกลียดชังร่างกายที่เป็นหญิง  รุกะวางแผนเพื่อหนีจากความเจ็บปวดที่ต้องเก็บกดมาตลอดด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์  เมื่อถึงเวลาที่เธอพร้อมแล้ว Ruka ต้องการจะผ่าตัดที่ต่างประเทศเพื่อหนีจากชีวิตเดิมที่ต้องคอยปกปิดตัวตนที่แท้จริง    เธออาจจะมีความรักกับหญิงในดวงใจได้อย่างเปิดเผย
แม้ญี่ปุ่นจะมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่อง cross- dressing  และตัวละครการ์ตูนมากมายที่แสดงออกและแต่งกายแบบเพศตรงข้าม    แต่ในชีวิตจริง   ผู้ที่จิตใจภายในไม่ตรงกับร่างกายภายนอกก็ต้องเผชิญกับความกดดันมากมาย    แม้เวลาที่เปลี่ยนไปจนเข้าสู่ปี 2021  สังคมญี่ปุ่นได้ยอมรับ transgender มากขึ้น   แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยอมรับว่า การข้ามเพศยังถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ทำให้บุคคลในกลุ่มนี้รู้สึกเหมือนกับเป็นคนนอก ไม่เป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง




เกาหลีใต้    



 เมื่อการ  "ชิป"  เป็นคนละเรื่องกับการเปิดใจยอมรับเพศทางเลือก



เมื่อพูดถึงเกาหลีใต้ที่เป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเอเชีย มันเป็นเรื่องปกติสุดๆที่เราจะเห็นแฟนๆบรรยายเรื่อง"คู่ชิป" ไอดอลหรือพระเอกหนุ่มหล่อแบบชายรักชาย เมื่อใดก็ตามที่พวกเค้าสัมผัสร่างกายกันด้วยความสนิทสนม หรือแสดงท่าทีชวนคิดว่ามีความสัมพันธ์เกินเพื่อน ก็ได้สร้างความรู้สึก"หวาน"ล้นใจแฟนๆที่นิยมการจิ้นสไตล์นี้

แต่ดูเหมือนว่า นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะอยู่ในแฟนตาซีเพียงเท่านั้น การเปิดเผยตัวตนว่าเป็น LGBTQ ในหมู่คนดังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากเย็น ด้วยเงื่อนไขทางสังคมที่กดดันให้คนดังต้องวางตัวใก้สอดคล้องกับความคาดหวังสูงลิบลิ่วจากผู้คน ขยับตัวเพียงนิดเดียวก็ถูกนำไปวิจารณ์เสียหายและกลายเป็นหัวข้อข่าว scandal นอกเหนือจากความสุภาพอ่อนน้อม แสนดี พวกเค้าแทบจะแสดงตัวตนที่แท้จริงไม่ได้

สิ่งที่ดูย้อนแย้งกับการไม่ยอมรับเกย์ก็คือ ซีรีส์ชื่อดังมากมายหลายเรื่องจงใจขายภาพ service ของคู่ชาย-ชายที่ต่างก็มีรสนิยมชอบเพศตรงข้าม แต่จะมีmoment ที่ดึงดูดให้คนดูรวมพลังจิ้น ในบางครั้ง ฉากสกินชิปของพระเอกและพระรองทำเอาคนดูจำนวนมากลืมไปเลยว่าพวกเค้ากำลังแย่งยิงนางเอกกันอยู่

เกาหลีใต้อาจจะผลิตหนังและซีรีส์ LGBTQ ออกมาบ้าง  และมีหนังที่สื่อต่างประเทศยกให้เป็น masterpiece อย่าง The Handmaiden  หรือหนังที่ขึ้นชื่อเรื่องฉากติดเรทไม่แพ้กันอย่าง Frozen Flower  แต่ทิศทางในการยอมรับเพศทางเลือกผ่านผลงานบันเทิงยังดูไม่ชัดเจนนัก   หากเป็นผลงานซีรีส์  บทรักร่วมเพศจะปรากฏในตัวละครสมทบ  และไม่ได้บรรยายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสิทธิเพศทางเลือกได้ชัดเจนนัก    
ในบางครั้ง  การนำเสนอเรื่องรักร่วมเพศผ่านซีรีส์เกาหลีดู "ไม่สุด"   จนอาจจะทำให้เราคิดว่าพวกเค้ากำลังหลีกเลี่ยงไม่ให้สังคมครหาว่าสนับสนุนเกย์  อย่างซีรีส์ Ho-Gu's Love   ที่พระรองปิดบังความรู้สึกว่าชอบพระเอกมมากเกินกว่าเพื่อนและยังเปิดเผยเรื่องรสนิยมกับแม่ไปแล้วด้วยซ้ำ      ตัวละครนี้วนเวียนกับคำถามว่า "เป็นเกย์จริงหรือเปล่า" ทั้งเรื่อง และยังมีฉากความใกล้ชิดของสองหนุ่มที่สร้างความฮือฮาอีก  แต่พอใกล้ปิดฉาก   พระรองที่เคยเชื่อว่าตัวเองเป็นเกย์กลับค้นพบความจริงที่ว่า  รักแรกที่เขาฝังใจมายาวนานคือฝาแฝดหญิงของพระเอก   ความเข้าใจผิดว่าเธอเป็นชายทำให้เขาต้องทุกข์ใจเรื่องความเป็นเกย์มาตลอด  และเมื่อแน่ใจว่า ชอบแฝดที่เป็นผู้หญิงทำให้เขาต้องโล่งใจว่าตัวเองรอดพ้นจากชีวิตเกย์ที่สังคมไม่ยอมรับแล้ว  รวมไปถึงพ่อแม่ปลาบปลื้มเป็นที่สุด  จากที่เคยมีโมเมนท์กุ๊กกิ๊กกับพระเอก ก็จูบข๊วบกับแฝดพระเอกได้โดยไม่ต้องลังเลใจ

ไม่ต่างจาก storyline ของตัวละครหญิง-หญิงใน Search: WWW     ผู้ชมหลายคนพูดตรงกันว่า  ผู้สร้างจงใจทำให้คิดว่านางเอกสองคนดึงดูดเข้าหากันด้วยความเสน่หา  ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนเก่าที่ผูกพัน  ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง acting ที่ดูเหมือนคู่รักที่เก็บความรู้สึกไว้ภายใน  เพลงประกอบ การแช่กล้องตอนพวกเธอมองกันอย่างเว้าวอน  เป็นเพื่อนสาวที่เอาแต่โหยหาวันเวลาแสนหวานในวัยมัธยม  ไม่ได้ต่างจากบทความรักของคู่หญิง-ชาย   แต่ไม่ว่าจะแสดงได้หวานกันสักเท่าใด  พวกเธอก็ลงเอยกับหนุ่มหล่ออยู่ดี
ที่จริงแล้ว เรื่องราวของ homosexual ไม่ได้ห่างหายไปจากวงการซีรีส์เกาหลีและไม่ได้ขายสกินชิปแบบ "แค่เพื่อน" เพียงอย่างเดียว   แต่ยังมีตัวละครที่เปิดเผยให้คนดูรับรู้เรื่องรสนิยมทางเพศอย่างแจ่มแจ้ง อย่างคู่จุนฮี- ยุนเจแห่ง Reply  1997  ที่เล่าเรื่องราวของสองหนุ่มเพื่อนซี้ที่ฝ่ายหนึ่งแอบรักเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เป็นเกย์อยู่ฝ่ายเดียว


หรือจะเป็นบทเชฟสาวทรานส์แห่งซีรีส์ดัง  Itaewon Class  ที่ไฮไลท์ชัดๆว่า สังคมเกาหลีมีอคติกับ transgender มากแค่ไหน    ถึงขนาดที่ตัวผู้ร่วมงานฝ่ายเดียวกันยังแสดงความกังวลว่า เมื่อตัวตนที่แท้จริงของเชฟถูกเผิดเผยให้สังคมได้รับรู้แล้วจะไม่มีใครอยากเข้ามากินอาหารในร้านของพวกเค้าอีก   ( คนใกล้ตัวของเรายังบ่นพึมพำว่า ถ้าจะตั้งข้อรังเกียจถึงขนาดนี้  คนเกาหลีคงต้องพลาดการกินยำแสนอร่อยที่เมืองไทยสินะ)
และยังมีซีรีส์ขนาดสั้นที่มี ซอฮยอนแห่ง SNSD รับบทครูสาวที่ใช้ชีวิตภายใต้แรงกดดันจากความคาดหวังของแม่ที่ไม่ต้องการให้เธอข้องเกี่ยวกับเรื่องมัวหมองใดๆ   เธอจึงต้องเก็บเรื่องความสัมพันธ์ยาวนานแปดปีกับแฟนสาวที่รักกันมาตั้งสมัยมัธยมเป็นความลับสุดยอด เพราะไม่ต้องการให้แม่เศร้าเสียใจ   แต่เมื่อแม่ของเธอล่วงรู้เความจริง  ที่สุดแล้ว เธอจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามที่ใจปรารถนา    หรือต้องก้มหน้าก้มตายอมรับว่าเธอต้องทิ้งตัวตนไปเพื่อเป็นทำหน้าที่ลูกที่ดีสำหรับแม่ โดยไม่ต้องคิดถึงความสุขของตัวเอง

มิติของเพศทางเลือกที่ถูกถ่ายทอดออกมาจะวนเวียนกับการตอกย้ำว่า นี่คือความลับที่น่าอับอาย   เป็นความจริงที่น่ารังเกียจที่ไม่ว่าครอบครัวใดก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้   แม้ผลงานในช่วงหลังๆจะมีบทที่มีแนวคิดในแง่บวกต่อ community นี้อยู่บ้าง   แต่ก็ดูจะไม่ได้เน้นการจูงใจให้สังคมเปลี่ยนแปลงอคติและเปิดใจยอมรับความแตกต่าง  แต่เป็นผลกระทบเมื่อมีคนรู้เรื่องเพศของพวกเค้า    ขยี้เต็มๆว่า  การเป็นเพศทางเลือกอยู่ในสังคมนี้ได้ลำบากขนาดไหน  หากจะใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผยไร้ความวิตกกังวลต่อสายตาพิพากษา  ก็ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งเกินใคร  


The  End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE