เมื่อคนดังยอมรับเรื่องใช้อภิสิทธิ์ความเป็นชาย

53 8
 Taylor Swift   เคยสร้างความฮือฮาในการกล่าวสุนทรพจน์หลังจากได้รับรางวัล "สตรีแห่งทศวรรษ" จาก  Billboard   เธอใช้เวลาเกือบ 15  นาทีในการโจมตีวัฒนธรรมผู้ชายที่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่า ทำให้ศิลปินหญิงในวงการดนตรีไม่ได้รับเครดิตในความสำเร็จที่พวกเธอมุ่งมั่นตั้งใจสร้างขึ้นมา           เมื่อก้าวมามีชื่อเสียงโด่งดังได้  ผู้คนมักจะกังขาความสามารถและยกเครดิตให้กับproducer นักแต่งเพลงที่อยู่เบื้องหลัง  หรือไม่ก็ยกความดีความชอบให้กับค่ายเพลงที่ใช้แผนเฉียบคมปั้นเธอเป็นดาว

ในโลก internet ได้ถกเถียงกันว่าการใช้พื้นที่รับรางวัลเพื่อวิพากษ์คู่อริอย่าง Scooter Braun อย่างเผ็ดร้อนนั้นเหมาะสมมากเพียงใด แต่ประเด็นอภิสิทธิ์ชายที่ถูกยกมาก็ตรงใจหลายคน แม้กระทั่งเร็วๆนี้ ดราม่าจากบทซีรีส์ Ginny and Georgia ที่พาดพิงว่า Taylor ผ่านผู้ชายมาเยอะจนทำให้ทั้งเจ้าตัวและแฟนๆฉุนเฉียวที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไร หรือจะก้าวมาสร้างความสำเร็จได้ไกลขนาดไหน สำหรับบางคน เธอก็ยังถูกดูแคลนว่าเป็นเพียงผู้หญิงมากรักอยู่ดี
(ทั้งๆที่มันเป็นเสรีภาพส่วนบุคคลอยู่แล้ว)



ในช่วงที่Netflixกำลังสร้างความฮือฮาด้วย Enolaผลงานที่แฟนๆต่างชื่นชมถึงความน่ารักสดใสของนางเอกวัยทีนชื่อดัง แต่ฉากหนึ่งที่สร้างเสียงกล่าวขวัญให้กับ Enola คือฉากที่หญิงสาวธรรมดาๆคนหนึ่งสามารถไล่ต้อนนักสืบชื่อดังว่า ที่เขาสามารถพูดได้อย่างไร้อารมณ์ว่าการเมืองเป็นสิ่งที่แสนจะน่าเบื่อนั้น เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับอำนาจในมือจนไม่ใส่ใจเหลียวแลความทุกข์ของผู้ที่ถูกกดขี้

ภาพของนักสืบหนุ่มสุด perfect ที่ถูกยกย่องว่าเป็นชายที่ปราดเปรื่องที่สุดในอังกฤษต้องอ้ำอึ้งไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างคำกล่าวหาของผู้หญิงที่ได้รับการปฏิบัติราวกับพลเมืองชั้นสองนั้นได้กลายเป็น viral เพราะแม้แต่ผู้ที่มีภาพของฮีโร่ ก็ยังต้องยอมรับว่า ตัวเองมองโลกผ่านเลนส์ของผู้มีอภิสิทธิ์ และเมินเฉยที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกดีขึ้น

Enola อาจจะเป็นผลงาน comedy ที่ไม่ต้องใช้พลังงานวิเคราะห์ให้เหนื่อยสมอง แต่ก็ได้แสดงเจตนารมณ์เพื่อนำเสนอปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศอย่างแจ่มแจ้ง


สิทธิพิเศษของเพศชายเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ และหลายๆครั้งก็ทำให้เกิดการถกเถียงด้วยประเด็นที่ว่า "ผู้หญิงก็มีสิทธิพิเศษไม่แพ้กัน"  ตลอดว่า ภาพของผู้หญิงที่ได้รับการปกป้องหรือการใช้ชีวิตแม่บ้านเต็มตัวโดยไม่ได้ทำงานประจำข้างนอกบ้านนั้น ไม่ได้ถูกรวมว่าเป็นอภิสิทธิ์เหนือใคร ตราบเท่าทุกวันนี้ ชายหญิงยังมีความเหลื่อมล้ำกันหลายประการ อย่างสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด คือ ค่าตอบแทนในการทำงาน และโอกาสในการถูกรับเข้าทำงานที่หลายประเทศยังประสบกับปัญหาเหล่านี้อยู่

นับตั้งแต่ความเคลื่อนไหว Me Too ที่สร้างคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงจนเกิดผลกระทบหลายประการในอุตสาหกรรมบันเทิง จากเดิมที่ผู้หญิงเคยเป็นฝ่ายที่ออกมาเปิดเผยความอึดอัดคับข้องใจที่ถูกเลือกปฏิบัติและล่วงละเมิดในสังคมที่ยังเชิดชูแนวคิดชายเป็นใหญ่ แต่ตอนนี้ คนดังผู้ชายบางคนเลือกที่จะก้าวออกมาเพื่อประกาศยอมรับถึงอถิสิทธิ์ทางเพศที่ตนเองมี


ปฏิกิริยาของสังคมที่มีต่อคำพูดของคนดังชายเหล่านี้จะเป็นเช่นไร มาติดตามกันค่ะ






John Mayer ถูกกดดันให้ขอโทษ Jessica Simpson หลังเปิดใจว่าเกือบร้องไห้เมื่อได้ชม framing Britney  Spears


สารคดี Framing Britney Spears ได้สร้างปฏิกิริยาจังสังคมอย่าล้นหลาม แม้ว่านี่จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวจากการรวบรวมลำดับเหตุการณ์ต่างๆที่หลายคนรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว แต่เมื่อได้โฟกัสในประเด็นที่ว่า เจ้าหญิงเพลง pop ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมมากเพียงใด หลายคนรู้สึกละอายใจที่เคยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอดำดิ่งสู่จุดตกต่ำ รวมไปถึงการเรียกร้องให้ Justin Timberlake อดีตคนรักวัยทีนของเธอแสดงคำขอโทษอย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะเลิกรากันมาเกือบๆ 20 ปี และไม่เคยมีคำพูดที่แสดงความเสียใจจากฝ่ายชายมาก่อน นอกเหนือจาก J แล้ว ยังมีคนดังคนอื่นๆที่ร่วมกันเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเธอ



แต่ผู้คนอาจจะคาดไม่ถึงว่า  หนุ่มที่มีภาพลักษณ์แสนเสเพลอย่าง John Mayer  จะเข้าร่วมกับ movement นี้ด้วย   !
John Mayer ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าหักอกสาวๆคนดังร่วมวงการไปแล้วหลายคนได้เปิดเผยความรู้สึกหลังจากชม Framing Britney Spears ในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับพิธีกรดังอย่าง Andy Cohenไว้ว่า


"นี่มันเป็นการอธิบายถึงปัญหาทางสังคมได้อย่างแจ่มแจ้งครับ ระหว่างที่ดูอยู่ ผมเกือบจะร้องไห้ไปห้ารอบ"

" การที่ได้เห็นความเศร้าโศกของหมนุษย์คนหนึ่ง น้ำตาผมปริ่มๆแทบจะไหลออกมาห้าครั้งเพราะว่า ถ้าคุณเข้าใจถึงเรื่องธุรกิจ อุตสาหกรรมนี้และlifestyle ที่ส่งผลกระทบต่อคนๆหนึ่งได้เช่นไร หากยังก้าวผ่านมาได้โดยที่ยังไม่เป็นไร มันก็ทำให้รู้สึกว่าชื่นชมผู้ที่ต้องฝ่าฟันมาเรื่องเหล่านี้ด้วยความยากลำบาก"


John ยังชี้ว่า เขาผ่านพ้นความโหดร้ายในวงการมาได้ เพราะอถิสิทธิ์เพศชายนั่นเอง


"ผมเชื่อมั่นแน่วแน่ว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับศิลปินหญิงเพราะเพศของพวกเธอครับ พวกผู้ชายทั้งหลายกล้าพูดออกมาได้ยังไงว่า เรียนรู้จากสิ่งที่สิ่งที่เกอดขึ้นกับพวกเราซะสิ ใช่ ผมเป็นบ้าเป็นบอไป แต่ผมก็กลับมาได้นี่นา ผมดูสารคดีเรื่องนี้ด้วยความซาบซึ้งใจต่อผู้ที่ต้องพบกับประสบการณ์อันโหดร้ายที่มาจากการมีชื่อเสียงหนักหนาสาหัสกว่าตัวผม มันทำให้ผมถา่มตัวเองว่า ทำไมผมหาทางก้าวข้ามอุปสรรคมาได้ มีสิ่งใดที่ช่วยเหลือผมอย่างมีรูปแบบเฉพาะเจาะจง ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณจะถูกมองเป้นพวกหัวขบถ แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คนจะหาว่าคุณบ้าไปแล้ว เมื่อผมดูสารคดีจากมุมมองนั้น มันก็ทำให้จิตใจของผมเจ็บปวดตลอดทั้งเรื่องเลยครับ"



 

การออกมายอมรับว่า เพราะสิทธิพิเสษของเพศชายทำให้เขาไม่ต้องผ่านเส้นทางที่มีแรงกดดันรุนแรงเหมือน Britney อาจจะทำให้ชาวเน็ทหันมาให้credit กับเขาที่ได้เรียนรู้และเจ็บปวดไปกับความลำบากของเธอ แต่คำพูดต่างๆในอดีต กลับทำให้ John Mayer ถูกกล่าวหาว่า "เสแสร้งแกล้งทำ" เพราะ เมื่อหลายปีก่อน เขาก็ได้พูดจาถึงอดีตคนรักไม่ต่างจาก Justin Timberlake และยังเพิ่งรายละเอียดติดเรทเข้าไปจนฝ่ายหญิงต้องชีช้ำ เธอคือ Jessica Simpson นักร้องสาวที่สร้างชื่อขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกันกับ Britney นั่นเอง พวกเค้าเคยเป็นคู่รักที่สร้างความฮือฮา และรักๆเลิกๆกันหลายครั้ง เขาได้บรรบายถึงประสบการณ์ความรักครั้งนั้นไว้ว่า

- เธอเปรียบเหมือนกับยาเสพติ ถ้าเล่นยามากเกินไปก็จะเกิดเรื่องแย่ๆตามมา
- การมี sex กับเธอมันบ้าคลั่ง เหมือนระเบิดนาปาล์ม และตั้งฉายาว่าเป็นระเบิดนาปาล์มแห่ง sex
- เธอมีพลังรุนแรงจนทำให้คลั่งไคล้และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป
- ยังเปรียบเทียบอย่างร้ายกาจว่า ถึงเธอจะคิดราคาหมืนดอลลาร์ทุกครั้งที่มีอะไรกัน เขาก็พร้อมขายทรัพย์สมบัติเพื่อจะได้ "ฟัน"เธอต่อไปเรื่อยๆ

 Jessica ออกมาเปิดเผยภายหลังว่า เธอแทบจะล้มทั้งยืนด้วยความอับอาย   ...

ไม่เพียงแต่ Jessica   เท่านั้น    John ยังเปิดเผยเรื่องความรักกับนางเอกชื่อดังอย่าง Jennifer Aniston ว่า  ถึงจะเป็นความรักที่ลึกซึ้งและรักเธอหมดใจที่มี แค่ก็ต้องจบความสัมพันะ์เพราะมันดีต่อชีวิตตัวเองมากกว่าเพราะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันมาก    เขาวิจารณ์ว่าเธอโหยหาชีวิตในยุค 90s    เมื่อได้เห็นเขานิยมใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ทของยุคใหม่แล้วก็วิจารณ์ว่า มันเป็นสิ่งที่ชวนให้ไขว้เขว  และเขาก็ตอบกลับไปเสมอว่า นี่คือเรื่องใหม่ที่ต้องยอมรับ     John ยืนยันว่ารู้สึกผิดเสมอที่ไม่สามารถประคองความสัมพันธ์ต่อไปได้  แต่เขาก็ต้องแสดงออกให้ตรงกับอายุตัวเองด้วย (  
Jennifer อายุมากกว่า John เกือบ 10 ปี คำพูดพวกนี้เหมือนกับจะบอกใบ้ว่าเธอทำตัวคร่ำครึนั่นเอง)


วีรกรรมที่ลือลั่นเป็นอย่างยิ่งคือการเปิดศึกฉะกับ Taylor Swift ที่เคยควงกันช่วงสั้นๆ    หลังจากที่เลิกรากัน   Taylor ก็ได้ส่งเพลง Dear John ออกมาฟาดฟันอดีตแฟนplayboy อย่างไม่ไว้หน้า  เนื้อเพลงที่บอกว่า เขาเอาเปรียบเธอที่มีอายุน้อยกว่าหลายปี และทำให้เธอร้องไห้เสียใจ  และรู้สึกว่าพลาดไปแล้วที่ไม่ฟังคำเตือนจากคนอื่นให้หนีห่างจากเขา      ชื่อเพลงก็บอกอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังโจมตีเขาแบบไม่ต้องมีคำย่อหรือตัวใบ้ใดๆ    และนั่นทำให้ John โกรธเกรี้ยว  แดกดันเธอกลับว่า นี่เป็นวิธีการแต่งเพลงแบบห่วยๆ  แม้ว่าเธอจะจะดด่งดังอลังการระดับโลก  แต่การใช้ดนตรีมาแก้แค้นคนอื่นมันเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก  และเผยว่า เพลงของเธอซ้ำเติมเขาในช่วงที่กำลังรู้สึกย่ำแย่ให้ตกต่ำลงไปอีก  



หลังจากที่เคยวิจารณ์ผู้หญิงในแง่ไม่ดีในอดีต เมื่อเขาออกมาแสดงความเห็นใจ Britney แทนที่จะได้รับกำลังใจจากชาวเน็ท กลับเรียกเสียงวิจารณ์อันร้อนแรง trending กดดันให้เขาขอโทษ Jessica Simpson บางคนได้ขุดกำลังเรื่องตอนที่เขาเดทกับ Taylorที่ยังเป็นวัยทีนที่อายุน้อยกว่าถึง 12ปี และแสดงความมั่นใจว่า ชายหนุ่มที่เคยร้ายกับแฟนเก่ามาก่อนไม่มีความน่าเชื่อถือในการออกมาท้วงติงสังคมที่เลือกปฏิบัติกับเพศหญิงแม้แต่น้อย

ดราม่านี้ได้สร้างข้อถกเถียงตามมาว่า   ผู้คนไม่ควรเปิดโอกาสให้กับผู้ชายที่มีอดีตไม่สวยงามได้เปลี่ยนความคิดเช่นนั้นหรือ ?





Ben Affeck  ยอมรับ   ใช้อภิสิทธิชายล่วงเกินพิธีกรสาว

ราวๆ 4 ปีก่อน ชื่อของ Ben Affleck ก็กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ เมื่อพิธีกรสาวงามที่ขณะนั้นมีวัยเพียง 18 ปีได้เปิดเผยว่า ตอนที่ได้สัมภาษณ์พระเอกดังในสมัยที่เขายังหนุ่มแน่นอยู่ เขาเคยจงใจใช้มือแตะหน้าอกเธอระหว่างที่กอดทักทายกัน โดยมีภาพวีดีโอเป็นหลักฐาน แม้จะเป็นมุมที่ถูกบังจากตัวฝ่ายชาย แต่เสียงอุทานปนหัวเราะแบบเก้อๆของเธอนั้นทำให้หลายคนเชื่อเต็มที่ว่า Ben "มือซุกซน" จริงๆ ทำให้หลายคนออกมาประนามเขาว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศโดยได้ฉวยโอกาสภายใต้ท่าทีที่เป็นมิตร และเป็นประสบการณ์ย่ำแย่ที่ผู้หญิงจำนวนมากมายได้พานพบมาแล้ว แต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาตอบโต้ใดๆได้

Hilarie Burton ได้เผยความรู้สึกในตอนนั้นว่า เธออยากจะให้ทักมายด้วยการแปะมือ hi 5 กันมากกว่า และยืนยันว่า มันเป็นการบีบหน้าอกที่เป็น "move"ฝนการทักทาย ที่เราได้ยินกันทั่วไป ( มักจะมีเรื่องเล่าถึงชายวัยกลางคนในตะวันตกที่ทักทายผู้หญิงด้วยการบีบก้น)


Ben ชี้แจงว่า จำเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ แต่ก็ขอโทษพิธีกรสาวแห่ง MTV อย่างจริงใจที่ได้แสดงพฤติกรรมล่วงเกินเธอออกไป

" ผมจำเรื่องนี้ไม่ได้เลยครับ แต่ผมขออภัยอย่างสุดหัวใจ ผมไม่คิดว่าเธอโกหกหรือปั้นเรื่องขึ้นมาอย่างแน่นอน เมื่อเป็นผู้ชายก็ต้องใส่ใจต่อสิ่งนี้ คอยระมัดระวังพฤติกรรมตัวเอง และแสดงความรับผิดชอบ เมื่อผมเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ผมต้องการจะเปลี่ยนแปลง และเป็นส่วนหนึ่งเพื่อหาหนทางแก้ไข"




จากนั้นเพียงไม่นานก็มีอีกคลิปหนึ่งตามมา Ben ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับพิธีกร ซบหน้าลงไปที่ทรวงอก เขี่ยหัวนม สูดดมกลิ่นกาย พูดย่างหื่นกระหายเรื่อง sex และ
และแม้พิธีกรหญิงในภาพจะโต้ว่า เธอเป็นฝ่ายตกลงทำเรื่องนี้กับ Ben ต่อหน้ากล้องเอง เธอไม่ใช่เหยื่ออย่างที่ใครคิด แต่ภาพที่เตี๊ยมกันมาหื่นใส่กันด้วยคำว่า "เปิดนมให้มากกว่านี้" และถามอีกฝ่ายว่า "อยากโชว์เหมือน Janet Jackson ใน Super Bowlและใส่ห่วงหัวนมรึเปล่า" ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Ben ดีขึ้น

ถึงจะมีคนออกมาปกป้องว่า เมื่อผู้หญิงสมยอม ถึงจะนัวเนียกันออกหน้าจอ แต่นี่ไม่ใช่กรณีเดียวกับวายร้ายจากความเคลื่อนไหว Me Too เชื่อว่า นี่คือวิธีการให้สัมภาษณ์โพรโมทหนังที่ไม่น่าจะได้เห็นในสมัยนี้ ถ้าให้นึกภาพ Robert Pattinson เตี๊ยมกับพิธีกรสาว hot เพื่อเขี่ยหัวนมกันออก TV คงจะอึ้งไปหมดทั้งวงการ!


หลังจากถูกวิจารณ์หนัก  ไม่นานต่อมา Ben ก็ได้ออกมาชี้แจงในเรื่องอภิสิทธิ์เพศชายค่ะ


"ผมเคยคิดว่าตัวเองมองเห็นและเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นปัญหา แต่ความเป็นจริงคือ ผมไม่ได้เข้าใจมันจริงๆ ผมไม่เข้าใจถึงความรู้สึกที่ถูกลวนลาม ถูกคุกคาม ถูกรบกวน ถูกแย่งพูด ได้รับค่าจ้างน้อยกว่า ถูกเสือกไสไปทั่ว ถูกดูหมิ่น ทุกๆอย่างที่ผู้หญิงต้องรับมือ ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ผมมีสิทธิพิเศษทำให้ไม่ได้เจอกับเรื่องเหล่านี้"


"ผมได้รับฟังเรื่องราวจากผู้คนที่ผมรักและห่วงใยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเค้ามาบ้าง เราต้องรับรู้ถึงความเหลื่อมล้ำของชายหญิงว่าเป็นเรื่องจริง ผมไม่ใช่โฆษก ไม่ใช่ยอดมนุษย์ ผมสามารถแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองและการกระทำของตัวเองเท่านั้น"


" ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่เราต้องทำคือการสนับสนุนที่ก้าวออกมาเปิดเผยเรื่องราว เชื่อคำพูดของพวกเค้า และสร้างหน้าที่การงานในสถานที่เหมาะสมที่สนับสนุนพลังให้ผู้หญิงและทำให้ปัยหาคุกคามเหล่านี้ลดลงไป เปิดโอกาสให้มีการรายงานเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดมันออกมา"





ในภายหลัง Hilarie Burton ได้แต่งงานกับพระเอกดังจากซีรีส์ The Walking Dead เขาจึงกลายมาเป็นเป้าหมายของสื่อเพื่อไถ่ถามว่ารู้สึกเช่นไรเมื่อ Ben ประกาศขอโทษภรรยาสาวสวย เขาตอบรับคำขอโทษด้วยความยินดี เพราะไม่อยากทำให้เรื่องนี้บานปลายใหญ่โตเพราะตัวภรรยาเองก็ไม่ต้องการเช่นนั้น เขายังได้ให้กำลังใจเหยื่อการล่วงละเมิด ทั้งผู้ที่ออกมาเปิดเผยประสบการณ์และคนที่ยังเลือกจะไม่พูดว่ามีความกล้าหาญ และมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานกาณ์ของปัญหาจะมีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น





Benedict Cumberbatch  เรียกร้องให้พระเอกร่วมวงการใช้อภิสิทธิ์ตัวเองร่วมกันเรียกร้องเพื่อสร้างค่าตอบแทนที่เป็นธรรมโดยไม่แบ่งแยกเพศ
นักแสดงหญิงหลายคนเคยออกมาระบายความคับแค้นใจในเรื่องค่าตอบแทนที่ไม่เท่าเทียม  แม้ว่าพวกเธอจะได้รับบทนำที่เป็นแม่เหล็กของเรื่องราว กฌอาจมีความเป็นไปได้ว่านักแสดงชายที่ได้รับบทสมทบจะได้รับรับค่าตัวมากกว่า    

Jennifer Lawrence เคยประกาศว่าจะไม่ทนอีกต่อไป เมื่อพบว่า เธอและ Amy Adams ได้รับค่าตอบแทนนับเป็น 7%จากกำไรของหนัง American Hustle ในขณะที่นักแสดงชายอย่างBradley Cooper, Christian Bale และ Jeremy Renner
ได้รับไปถึง 9% แม้จะเป็นบทสนับสนุน แต่ก็ทำให้เธอเข้าชิงรางวัล Oscar และคว้ารางวัลจากเวทีต่างๆ และแน่นอนว่าต้องพูดถึง Amy Adams ที่เป็นนางเอก A List แต่ก็ได้ค่าตัวน้อยกว่าเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้เรื่องนี้มาจากข่าวฉาวที่อีเมลของผู้บริหาร Sony ถูกแฮค ไม่ได้ข้อมูลอย่างเปิดเผยจริงใจ

อีกกรณีที่สร้างความฮือฮาคือ Clair Foy นางเอกที่เฉิดฉายในวงการ A Lister ด้วยบท Queen Elizabeth ที่2 และรับหน้าที่เป็นศูนย์กลางของ The Crown แต่สื่อดังรายงานว่า พระเอกที่มีบทบาทน้อยกว่าอย่าง Matt Smith ได้รับค่าตัวมากกว่าเธอเป็นจำนวนมาก นัยว่ารัศมีดาราใหญ่ของ Matt นั้นเจิดจ้ากว่า แต่เมื่อเข้าซีซันที่ 2 ที่ Claire ดังเปรี้ยงสุดๆ เธอก็ยังได้รับค่าตัวน้อยกว่า Matt อยู่ดี ข่าวนี้สร้างแรงกดดันจากสังคมทำให้บริษัท production ยินยอมจ่ายเงินให้เธอเพิ่มเติมแม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบทราชินีอังกฤษแล้ว




เรื่องค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมที่ฉาวที่สุดครั้งหนึ่งคือ หนัง All The Money In The World  ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเมื่อนักแสดงนำ Kevin Spacey ถูกกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศจนต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงและรื้อถ่ายซ่อม  ตัว Michelle Williams ที่รับบทนางเอกที่เด่นมากๆทั้งในหนังและภาพโพรโมทนั้นมีความเห็นใจผู้สร้างที่ต้องทุ่มทุนเพื่อปิดกล้องหหนังให้ได้  เธอจึงยินยอมรับค่าตัวเพียง 1000 ดอลลาร์ในการถ่ายซ่อม  แต่จากนั้นก็มีการเปิดโปงออกมาว่า  Mark Wahlberg พระเอกที่ประกบคู่กับเธอเจรจาเรียกค่าตัวไปเพิ่มถึง 1.5 ล้านดอลลาร์   แน่นอนว่าก่อนที่จะถ่ายซ่อม เขาได้ค่าตัวมากกว่าเธอหลายเท่า   เสียงวิพากษ์ถึงเรื่องอภิสิทธิ์ชายก็ดังอื้ออึงตามมาทันที  เพราะ Michelle ไม่ใช่นักแสดงโนเนม  แต่วนเวียนกับเวทีรางวัลมาหลายปีแล้ว  เธอเข้าชิง Oscar มาหลายครั้ง และเป็นเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ  (เหมือนตลกร้ายที่เธอเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากบทนางเอกของหนังเรื่องนี้ด้วย!)  ตัวเธอเองไม่ได้ happy กับเรื่องค่าตัวพระเอกสุด  hot นัก   เธอประกาศขอบคุณเพื่อนนักแสดงและทุกกำลังใจที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อร่วมกันเรียกร้องความเท่าเทียม   และความสำเร็จในฐานะนักแสดงคุณภาพก็ยิ่งพุ่ง  เธอคว้ารางวัลดังๆมาอีกหลายตัว    ส่วน Mark ก็รีบประกาศบริจาครายได้ 1.5 ล้านนั้นให้กับ Time's Up movement  ภายใต้ชื่อของ Michelle   เรื่องจึงค่อยๆเงียบไป

ที่ผ่านมานั้น มีนักแสดงชายเพียงไม่มากนักที่ออกตัวสนับสนุนเรื่องการยุติความเหลื่อมล้ำของรายได้ชายหญิง บางคนอาจจะพูดไปตามเนื้อผ้าว่า เพื่อนร่วมงานที่ประชันบทบาทคู่กันสมควรจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมและไม่ถูกเลือกปฏิบัติเพียงเพราะเป็นหญิง

พระเอกชื่อดังที่ประกาศยืนยันหนักแน่นเพื่อต่อต้านการความไม่เท่าเทียมอันนี้คือพี่ Sherlock ของเรานี่เอง


Benedictได้เรียกร้องให้นักแสดงชายร่วมวงการเปรียบเทียบเรื่องความแตกต่างของรายได้ด้วยการตั้งคำถามเรื่องค่าตอบแทนของนางเอกที่ประกบคู่ด้วย และหากพบว่าเธอไม่ได้ค่าตัวเท่ากัน ก็ให้ปฏิเสธบทนั้นไปซะ!


แม้จะการได้รับค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกันจะมีข้อแม้ที่ซับซ้อนอยู่บ้าง เมื่อนักแสดงระดับ top มักจะเรียกร้องค่าตัวได้สูงลิบลิ่ว และคำว่าเท่าเทียมอาจจะนำมาใช้ไม่ได้ หากพระเอกคือผู้ที่ดำเนินเรื่องราวโดดเด่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ในหลากหลายกรณี แม้ว่าพระ-นางจะสร้างความโด่งดังมาเคียงข้างกัน หรือแม้กระทั่งเป็นผลงานที่นางเอกเป็นส่วนสำคัญสุดๆของเรื่องก็อาจจะได้รับเงินน้อยกว่าเป็นล้าน พระเอกซีรีส์ The Affair ยังออกปากด้วยซ้ำว่าฝ่ายนางเอกต่างหากที่ควรได้รับเงินมากกว่าเขา เพราะเธอได้รับบทที่เด่นมากและยังคว้ารางวัลลุกโลกทองคำมาแล้ว


Helen Mirren นางเอกอาวุโสที่อยู่ระดับ top มาเนิ่นนานได้ให้ความเห็นอย่างเป็นกลางต่อเรื่องการได้รับค่าตอบแทนอย่างเท่าเทียมระหว่างชายหญิงว่า

" หากหญิงชายทำงานร่วมกันในกองถ่ายด้วยระยะเวลาที่พอๆกัน และพวกเค้ามีสถานะความเป็นดาราที่เสมอกัน แน่นอนว่าพวกเค้าควรจะได้ค่าตอบแทนที่เท่ากันค่ะ"




อย่างไรก็ตาม นางเอกชั้นนำอีกหลายคนก็ต้อง fight หนักเพื่อค่าตัวที่เท่าเทียม ในระยะหลังๆ การปล่อยข่าวมายังสื่อจึงกลายมาเป็นเครื่องมือช่วยต่อรองกับนายทุนเพื่อเพิ่มตัวเลขให้ใกล้เคียงกับพระเอก หรืออาจจะมีกรณีที่พระเอกเป็นฝ่ายลดค่าตัวเพื่อนำส่วนนั้นไปเพิ่มให้กับนางเอก เช่นเดียวกับที่พระเอกแสนดีผู้ล่วงลับ Chadwick Boseman ที่ปรับลดต่าตัวจนสตูดิโอสามารถจ่ายให้กับนางเอกคือ Sienna Miller ในตัวเลขที่เธอเสนอ เพราะปรารถนาจะร่วมงานกับเธอจริงๆ

Sienna ให้ความเห็นว่า ความเอื้อเฟื้อแบบ Chadwick ไม่ใช่เรื่องที่ได้เห็นกันมากนัก จากคำพูดของเขาที่ว่า นี่คือค่าตอบแทนที่เธอควรค่าจะได้รับ แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะนึกภาพพระเอกคนอื่นที่เสนอน้ำใจให้เช่นนี้ ตอนที่เธอเล่าให้เพื่อนผู้ชายฟัง พวกเขาต่างก็อึ้งไป โดยที่แสดงความคิดเห็นว่าเธอควรได้รับต่าตัวที่ว่าหรือไม่




The End



candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE