เจาะ Beauty Standard ยุโรปโบราณ แบบไหนที่เรียกว่าหล่อเป๊ะ!?

48 8
เทรนด์จากทางเกาหลีใต้ที่กำลังสร้างความสำเร็จอย่างสูงในวงการนักอ่าน Webtoon คือสิ่งที่เรียกว่า  Isekai Manhwa  (  ญี่ปุ่น - Manga  ,จีน - Manhua )  อันเป็นหมวดของการ์ตูนที่ว่าด้วยการเดินทางข้ามมิติหรือกลับชาติมาเกิดของคนบนโลกไปอยู่ในสังคมชั้นสูงหรือราชวงศ์แห่งดินแดนหนึ่ง    Isekai Manhwa  โด่งดังหลากหลายเรื่องจะมีพล็อทที่คล้ายคลึงกัน   สาวชาวเกาหลีใต้ลืมตาตื่นในร่างของสตรีชั้นสูงหรือเจ้าหญิงที่มี background  ดินแดนตะวันตกยุคประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในนิยายรักที่เธอเคยอ่าน  นางเอกจึงต้องทำทุกวิถีทางในการเอาตัวรอดให้รอดพ้นจากโศกนาฏกรรมจากเรื่องราวที่ได้รู้มาล่วงหน้า    อีกพล็อทหนึ่งที่ใช้กันเยอะมากคือ การกลับชาติมาเกิดเพื่อแก้ไขชีวิตที่ผิดพลาดของตัวเอง แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามหนีห่างจากปัญหามากเท่าไร  ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเข้าไปสู่วังวนแห่งความรักกับชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่แสนหล่อเหลาได้เลย

การ์ตูนใน genre นี้ได้เติมเต็มfantasy ของผู้คนที่หลงไหลตำนานความรักของเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ฉีกไปจากanimation ของDisney ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนักเขียนได้ผสมผสานกับแนวคิดที่ดึงดูดความนิยมแบบเอเชียลงไปแซ่บครบรส ที่สำคัญ งาน art นั้นสวยงามมาก การแข่งขันที่สูงลิบลิ่วของวงการนี้ ทำให้ศิลปินต่างประชันฝีมือผลิตผลงานที่สวยเป๊ะสะดุดตา เสื้อผ้าหน้าผมดูอลังการและสามารถโกยความสำเร็จในระดับนinternational จากการขายลิขสิทธิ์ไปยังหลายประเทศ จากเดิมที่เราเราคิดว่าการ์ตูนผู้หญิงของญี่ปุ่น (Josei manga ) ครองความเป็นหนึ่ง ไม่มีใครสั่นสะเทือนได้ แต่เมื่อตลาดdigital กำลังมาแรงสุดๆ การ์ตูนแนว Isekaiจากเกาหลีได้เพิ่มพูนความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะ out ในเร็ววันนี้




เหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ genre นี้คว้าใจนักอ่านก็คือ นักวาดชาวเกาหลีใต้นั้นสามารถรังสรรค์ตัวละครนำชายที่ดูหล่อกระชากใจแฟนๆที่นิยมหนุ่ม 2 D บางคนเป็นนักวาดที่debut ได้ไม่นาน แต่วาดพระเอกได้หล่อเจิดจ้าแทบจะส่องประกายออกมาจากจอมือถือ  



แน่นอนค่ะว่า ศิลปินเหล่านี้ได้ศึกษา reference องค์ประกอบต่างๆของหนุ่มสูงศักดิ์จากยุคประวัติศาสตร์ยุโรป ทั้งfashion ชุดเป็นทางการ รวมไปถึงเครื่องแบบทหารม้าที่เหล่าเจ้าชายและขุนนางระดับสูงนิยมสวมใส่ ลุคเหล่านี้ได้เติมเต็ม fantasy จนต้องเคลิบเคลิ้มไปกับความหล่อเหลาของพระเอก



แต่เมื่อเราค้นคว้าถึง beauty standard และ fashion trend ที่น่าสนใจต่างๆของชายหนุ่มในยุโรปโบราณก็ต้องพบว่า มีหลายสิ่งที่ห่างไกลจากภาพที่ปรากฏในการ์ตูนผลงานของคนเอเชียน และบางเรื่องอาจจะสร้างความประหหลาดใจจนต้องร้องโว้ว!

มาติดตามกับเราสิคะ





ศตวรรษที่ 16


ผมสั้นและเคราสวย


บางคนอาจจะคิดว่า ศิลปะการวาดภาพเหมือนในยุคประวัติศาสตร์นั้นมีลักษณะแตกต่างจากภาพเหมือนในปัจจุบันและค่อนข้างจะระบุอัตลักษณะของคนฝนภาพได้ยากเพราะดูตล้ายคลึงกันไปหมด   แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นยุคสมัยใดด้วย    ในศตวรรษที่ 16   จิตรกรบางคนสามารถถ่ายทอดฝีมือเป็นภาพที่น่าจะสะท้อนต้นแบบได้เหมือนจริง ไม่ต้องใช้จินตนาการช่วย
จะเห็นได้ว่า  ทรงผมที่ชนชั้นในยุโรปยุคนี้นิยมจะใกล้เคียงกับยุคปัจจุบันไม่น้อยเลยค่ะ  พวกเค้าตัดผมสั้นเรียบร้อย และไว้เคราที่ตกแต่งเป็นอย่างดี


พระเจ้า Henry ที่ 8  กษัตริย์แห่งราชวงศ์ Tudor อาจจะสร้างชื่อเสียงไว้หลายด้านจนมีการสร้างหนังและซีรีส์เกี่ยวกับพระองค์มาหลายครั้ง  ซึ่งในช่วงวัยทีนก่อนจะขึ้นครองราชย์นั้นก็ได้รับคำชื่อนชมว่าเป็นเจ้าชายที่รูปงามที่สุดคนหนึ่งในยุโรป   หลังจากเป็นกษัตริย์แล้ว  lifestyle ที่เปลี่ยนไปทำให้มีรูปร่างหน้าตาไม่ดึงดูดเหมือนกับแต่ก่อน  จากที่เคยมีรูปร่างฟิตเพราะชื่นชอบการเล่นกีฬา ด้วยอาการเจ็บป่วยและบาดเจ็บจากการตกม้าทำให้ช่วงหลังๆน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน


ก่อนที่จะได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ผู้ร้ายกาจ พระเจ้า Henry ที่ 8 เคยได้รับความชื่นชมจากผู้คนและมีรูปโฉมโดเด่น ดังที่ท่านทูกคนหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า


"ฝ่าบาทเป็นบุรุษที่หล่อเหลามากที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยพบมา มีความสูงเกินมาตรฐานทั่วไป ช่วงน่องสวยงามได้รูป ผิวพรรณของฝ่าบาทชาวสง่ามากและมีผมสั้นสีน้ำตาลแดงหวีเรียบเป็นเส้นตรงเมื่อมองจาก fashion ชาวฝรั่งเศส ฝ่าบาทยังมีลำคอยาวและหนา"


นอกจากนั้นก็มีบันทึกชื่นชมเพิ่มเติมว่า

"ฝ่าบาทมีเคราที่มีสีดุงทองคำ และผิวพรรณที่สวยละเอียดราวกับผู้หญิง" รวมไปถึงการชื่นชมว่าภาพของกษัตริย์ที่กำลังเล่นเทนนิสนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามเป็นที่สุด เพราะผิวพรรที่เปล่งประกายเจิดจ้าผ่านเสื้อผ้าเนื้อบาง


ในประวัติศาสตร์ยุโรปนั้น ผิวขาวคือตัวแทนความงามเลิศล้ำ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เพิ่งจะปรับเปลี่ยนความคือกันในช่วงศตวรรษล่าสุดนี่เองค่ะ





เปิดเผยเรียวขาเต็มที่

ด้วย fashion ชุดท่อนล่างสั้นเหนือเข่าทำให้คุณผู้ชายได้โชว์เส้นสายร่างกายท่อนล่างอย่างเต็มที่ ในตอนต้นยุคนั้น น่องที่กล้ามขึ้นชัดเจนยังได้รับความนิยม ดั่งผลงานรูปปั้น David ของ Michelangelo ที่ดูฟิตเปรี๊ยะไปหมดทุกส่วน



พระเจ้า Henry ที่ 8 ที่ได้รับคำยกย่องเรื่อง "น่องงาม"  จนทำให้รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ผลพวงจากกิจกรรม outdoor อย่างขี่ม้า ยิงธนู และล่าสัตว์ทำให้มีรูปร่างที่ดูแข็งแกร่ง   สอดคล้องกับ fashion trend โชว์ขาที่สร้างความรู้สึกแสนมาดแมนจนสาวๆต้องใจละลาย

แต่ช่วงครึ่งหลังของยุค เมื่อสมเด็จพระราชินี Elizabeth ขึ้นครองราชย์ กล้ามน่องแน่นๆก็เสื่อมความนิยมไปจากอังกฤษเพราะมีแนวคิดขึ้นมาใหม่ว่า นี่คือสัญลักษณ์ของสามัญชน และเริ่มมีการชักจูงให้ผู้ชายไว้ผมยาว ทาขี้ผึ้งจัดทรงและม้วนลอนผมเด้งอีกด้วย





ส่วนทางด้านฝรั่งเศส  มหาอำนาจของโลก fashion นั้น    ผมสั้นและเครายังได้รับความนิยมไปถึงปลายศตวรรษที่ 16    ก่อนที่ถูกแทนที่ด้วยผมหยิกหยาวสยายและวิก




ศตวรรษที่ 17


ทรงผมแบบไอดอลหนุ่มใสไม่ปรากฏอยู่ในยุคนี้
ผมยาวสลวยที่มีลอนหานุ่มสุขภาพดีนั้นอาจจะเป็นสิ่งชวนปรารถนาของหญิงสาวจำนวนมากมายในยุคโมเดิร์น แต่เมื่อราวๆสามร้อยกว่าปีก่อน  ผมลอนสวยนั้นเป็นเทรนด์สำคัญในหมู่ผู้ชายตระกูลสูงส่ง จะมาซอยสั้นนี่ไม่ได้เลย


พี่น้องตระกูล Stuart   ลอร์ดหนุ่มวัยทีนที่โพสอย่างภาคภูมิใจกับ privilege แบบฉบับทายาทท่านดยุค  พวกเขาใส่ชุดผ้าไหมและซาตินสีทองและสีเงิน  ผมสีอ่อนทิ้งตัวยาวประบ่าดูหนานุ่ม
แม้ว่าจะมีผมหยักโศกลอนเล็ก แต่ผมม้าก็ดูมีอิทธิพลต่อผู้ดีหนุ่มในยุคนี้เลยทีเดียว

 Trendsetter ในกระแสหลักของยุโรปช่วงศคตวรรษที่ 17  พระเจ้า Louis ที่ 14 ที่ทำให้เทรนด์วิกลือลั่นไปหลายประเทศ
Paris คือศูนย์กลางแห่ง fashion ชั้นสูงมาหลายร้อยปี   ในช่วงศตวรรษที่ 17 ที่พระเจ้า Louis ที่ 14 ปกครองบ้านเมืองนั้น   ความเฟื่องฟูของศิลปะวัฒนธรรมฝรั่งเศสทำให้หลายประเทศให้ความสนอกสนใจ    นอกจากจะได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งสุริยะแล้ว  คนยุคใหม่ต่างยกให้พระองค์เป็นราชาแห่ง fashion  ด้วย   ว่ากษัตริย์องค์ก่อนหน้าจะเคยใส่วิกเพื่อปกปิดอาการผมร่วงมาแล้ว    แต่วิกหลากหลายสไตล์ของพระเจ้า Louis ที่ 14 กลายมาเป็นเทรนด์ฮิตระเบิดระเบ้อที่แม่แต่พระเจ้า Charles ที่ 2 แห่งอังกฤษยังประทับใจมากจนต้องสั่งทำวิกมาใส่ให้ดูไฉไลราชวงศ์ฝรั่งเศสบ้าง


ในซีรีส์ Versailles  นั้น  แม้จะทุ่มทุนสร้างไปกับ costume    แต่ก็ไม่ได้จัดวิกฟูฟ่องให้กับพระเอกที่รับบทเป็นราชาสุริยะ  อาจจะเป็นเพพราะว่า  ต้องการจะดึงดูดผู้ชมในยุคปัจจุบันที่มี  beauty standard เปลี่ยนไปนั่นเองค่ะ


ยังมีการสันนิษฐานว่า  พระเจ้า Louis ที่ 14  ต้องพบกับปัญหาผมร่วงตั้งแต่ยังเป็นวัยทีน  ทั้งๆที่เคยมีผมหนามากจนข้าราชสำนักต้องอิจฉาริษยา และนั่นอาจจะมาจากโรคซิฟิลิสที่ระบาดกันในรั้ววัง   เมื่อความมั่นใจของผู้ปกครองแผ่นดินถูกสั่นคลอนจึงหันมา  "เยอะ" กับวิก และทำให้ชนชั้นสูงต่างเห็นดีเห็นงาม   ผู้ชายหันมาสวมวิกฟูฟ่องแม้ว่าจะไม่ได้มีปัญหาหัวล้าน  

เรียวขาจะต้องได้รูปโดยที่ไม่ปรากฏกล้ามเนื้อชัดเจน
เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมภาพวาดเหมือนของชนชั้นสูงยุคประวัติศาสตร์   หนุ่มๆจะต้องพอยท์เท้าที่ supermodel ยุคนีต้องยกนิ้วให้
เรียวขาที่ดูกระชับได้รูปเรียวสวยนั้นสามารถสร้างแรงดึงดูดทางเพศให้กับชายหนุ่ม  ยิ่งตอนที่ได้เห็นเรียวน่องของพวกเค้าตอนที่เต้นลีลาศในงานสังคมหรูหรา  ก็ทำให้จิตใจสาวน้อยสาวใหญ่ต้องหวั่นไหว    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น   ขาแบบผู้ดีที่แท้จริงจะต้องไม่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ  เพราะนั่นคือลุคของกรรมกรที่ต้องใช้แรงงานจนหุ่นฟิตเปรี๊ยะ   

ผิวขาวซีดเท่านั้นจึงจะการันตีความหล่อแบบผู้ดีตัวจริง
ลองมาชมภาพของ   Arnold van Keppel  ท่าน Earl แห่ง Albemarle ที่ร่ำลือว่ารูปงามสุดๆ จนสามารถดึงดูดความสนใจจากพระเจ้า William ที่ 3 ได้รับความโปรดปรานมากมายถึงขนาดมีเสียงร่ำลือว่าทั้งคู่มี something กัน 
"เขามีรอยแดงราวกับสีไวน์พาดผ่านที่แก้ม"  คือคำบรรบายในความหล่อเหลาของขุนนางผู้นี้   และนั้นเป็นลักษณะของชนชั้นสูงที่มีผิวขาวจัดและพยายามหลบเลี่ยงแดดมาตลอดนั่นเอง
James Scott ดยุคแห่ง Monmouth  บุตรนอกสมรสของพระเจ้า Charles เขวผู้นี้สร้างชื่อลือลั่นด้วยลุค  tall dark and handsome  มีฝีมือสู้รบในระดับสูง และเจนจัดเรื่องผู้หญิง  และกลายมาเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์จากวีรกรรมก่อกบฎด้วยการอ้างสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์และต้องจบชีวิตอย่างสยดสยองเพราะถูกบั่นคอประหาร   เขาได้ยืนยันถึงความเชื่อว่า บิดาผู้เป็นเจ้าแผ่นดินอันสูงส่งนั้นได้เข้าพิธีสมรสกับมารดาของตัวเองมาก่อนที่จะขึ้นครองราชย์   แต่พระเจ้า Charles ได้ยืนยันว่า ไม่เคยสมรสกับหญิงคนอื่นนอกเหนือจากพระราชินี   นอกจากนั้น ยังมีเสียงเล่าลือว่า    James Scott มีรูปร่างหน้าตาที่หล่อมากเกินไปจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีสายเลือดของกษัตริย์ (ผู้ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องความหล่อเหลา)  แต่ในหลายร้อยปีต่อมา ได้มีการนำเทคโลโลยีการตรวจความสัมพันธ์ทางสายเลือดพบหลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่า เขาคือบุตรชายของกษัตริย์จริงๆ




เจ้าชายสุดหล่อระดับตำนาน

หล่อจนคนยุคปัจจุบันยกให้เป็น His Royal Hotness เลยนะ!

เจ้าชาย Prince Rupert แห่ง Rhine   หลานชายของพระเจ้า Charles ที่ 1 มีคุณสมบัติตรงกับเจ้าชายในนิยายแทบทุกอย่าง  เขามีใบหน้าที่หล่อเริ่ดเป็นที่สุด และสูงเกิน 190 cm     ความสามารถทางวิชาการ ภาษาต่างประเทศ และฝีมือการต่อสู้ฐานะชายชาติทหารก็โดดเด่น  แต่กลับมีบุคลิกหนุ่มเลือดร้อนเอาแต่ใจ  มักเหวี่ยงวีนใส่ข้ารับใช้จนได้รับฉายาว่า "ปีศาจร้าย Rupert"    แต่ถ้าพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ล้วนๆ  คงจะเปรียบเทียบได้กับ  Ezra Miller ของยุคเราได้เลย
จิตรกรรมภาพเหมือนสมัยนั้นนับเป็นอุปสรรคที่ในการจำแนกใบหน้าผู้คนได้  เพราะแม้จะชื่อว่าภาพเหมือน แต่ก็ดูคล้ายกับภาพชนชั้นสูงตระกูลอื่น ตาทรงเดียวกัน จมูก ปากเหมือนกันไปหมด   แต่ความหล่อของเจ้าชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกรผู้นี้ได้ทะลุศิลปะในศตวรรษที่ 17 เลยทีเดียว    ในช่วงที่ยังเป็นหนุ่มวัยทีนก็ไม่ได้สวมวิกฟูฟ่องซะด้วย    แต่เทรนด์ปล่อยผมยสวนี้ก็ทำให้รู้สึกตงิดๆเหมือนกันว่า เค้าไม่รำคาญกันเลยหรือไร ?




ศตวรรษที่  18

วิกหยิกหยอยค่อยๆเลือนหายไป

ช่วงครึ่งแรกของศตวรรษ วิกฟูฟ่องยังเป็นสิ่งที่ชายตระกูลสูงส่ง "ต้องมี"   แต่ก็เริ่มมีวิวัฒนาการมาเป็นวิกที่มีรูปทรงแตกต่างอย่างสิ้นเชิง หลายคนน่าคุ้นเคยกับวิกสีเงินจากภาพในหนังได้เป็นอย่างดี



ในศตวรรษก่อน ผมหนาคือปรารถนาสูงสุด แม้ใครๆสามารถคาดเดาได้ว่า ภายใต้วิกที่หนาฟูสุดพลังนั้นจะมีหัวล้านเลี่ยนซ่อนอยู่ มันได้แสดงถึงความมีอภิสิทธิ์ที่ชนชั้นล่างเอื้อมไม่ถึง

แต่เมื่อมาถึงยุคนี้ วิกไม่ได้เป็นสิ่งที่แสดงความฟุ้งเฟ้อของผู้ลากมากดีเพียงกลุ่มเดียวอีกต่อไป แต่คนจากชนชั้นรองมาก็พอจะเสาะหาวิกมาใส่ได้อย่างแพร่หลาย ตามเมืองต่างๆมีร้านช่างทำวิกให้บริการ เพราะจะต้องกำจัดกลิ่นและสิ่งสกปรกด้วยขั้นตอนของมืออาชีพ  เวลาผ่านไปอีกหลายสิบปี   จากสไตล์ที่เยอะชวนตะลึงเคยถูกมองว่าเลิศเลอหนักหนา ก็เปลี่ยนแปลงมาเป็นการผสมผสานระหว่างผมจริงกับวิกที่สวมครอบด้านบนให้ดูโก้เก๋ ผู้ชายหันมาผูกผมดูเรียบร้อยไม่รุงรัง เรียกได้ว่าฉีกอารมณ์เลยทีเดียว


ไม่ได้มีแต่อังกฤษและฝรั่งเศสเท่านั้นนะ เวลาเค้าอินอะไร  ก็จะทำเหมือนกันไปทั่วยุโรปเลยล่ะ     


จนเมื่อถึงปลายศตวรรษ รัฐบาลอังกฤษไม่ต้องการให้ผู้ชายหมกมุ่นกับเรื่องใส่วิกอีกจึงได้เก็บ "ภาษีวิก" เพิ่ม   ทำให้เหล่าสุภาพบุรุษหันมาหั่นหางม้าทิ้ง  วิกผมทุกรูปแบบจึงค่อยหายไปช่วงนี้เอง

การแสดงอออกถึงความเป็นชายชาตรีของยุคนี้คือการใส่ใจกับรูปลักษณ์ให้สมบูรณ์แบบ วิกที่จัดทรงมาเป๊ะ โค้ทตัวยาวและโค้ทไร้แขนด้านในที่มีลายปักงดงาม กางเกงขาวครึ่งเข่าฟิตเปรี๊ยะ และต้องตัดเย็บจากอาภรณ์ที่แพงที่สุดอย่างกำมะหยี่หรือซาติน


ชายหนุ่มชั้นสูงถือว่า การโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลาถือเป็นความใส่ใจที่พึงพระทำ โดยเฉพาะการพบปะกับเลดี้  การปล่อยให้หนวดเคราดกยุ่บยั่บอาจจะถือเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่สุภาพ  จากเดิมที่ต้องพึ่งพาช่างตัดผมเพื่อโกนหนวดเคราจนใบหน้าดูผ่องใส ช่วงกลางยุคก็ได้มีผลิตภัณฑ์โกนหนวดด้วยตัวเองวางจำหน่าย   ทำให้ช่วยสร้างความมั่นใจได้ทุกเวลา ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเข้าร้านตัดผม


ศตวรรษที่ 19



เป็นช่วงเวลาที่หลายคนเชื่อว่า romantic เป็นที่สุด และเป็นการก้าวเข้าสู่ความ modern และได้รวมยุค Regency และ Victorian ด้วยกันตามลำดับ


เป็นยุคประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยภาพของหนุ่มหล่อ และค่อนข้างเชื่อว่า ชายหนุ่มสูงศักดิ์จากยุคนี้เองที่น่าจะเป็นต้นแบบตัวละครต่างๆใน Webtoon เพราะภาพ portrait พัฒนาจนดูแจ่มชัด

ดังตัวอย่างแรก เจ้าชาย Leopold   ที่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เบลเยี่ยมองค์แรก


รูปร่างสะโอดสะอง
ถ้าเป็นช่วงต้นศตวรรษที่ 19  หลายคนคงนึกภาพของมิสเตอร์ Darcyที่มีเสน่ห์ภูมิฐาน   แต่เขาเป็นเพียงตัวละครจากจินตนาการนักประพันธ์  เราจึงขอแนะนำทหารหนุ่มผู้สูงศักิด์จากยุค Regency  เสน่ห์ล้นเหลือของเขาทำให้เจ้าหญิง Charlotte ผู้ถูกวางตัวให้เป้นรัชทายาทบัลลังก์อังกฤษในอนาคตต้องประกาศยุติการหมั้นหมายกับเจ้าชายคู่หมั้น แล้วหันมาพิธีเสกสมรสอย่างมีความสุขกับเจ้าชายแห่ง Saxe-Coburg และ Gotha   แต่เรื่องราวจบลงที่ความเศร้า  เจ้าหญิงไม่ได้ขึ้นเป็นพระราชินีครองราชย์ต่อจากเสด็จพ่อ เพราะได้จากโลกนี้ไปกะทันหันระหว่างให้กำเนิดโอรส

ชุดเป็นทางการของเจ้าชายLeopoldดูแตกต่างจากราชนิกูลในศตวรรษที่ผ่านมา และอาจเป็นชุดเจ้าชายในความทรงจำหลายคน   ดีไซน์ชุดที่ fit แบบนี้มีให้เห็นมาหลยสิบปีก่อนแล้ว แต่รูปร่างสะโอดสะองไร้พุงมากวนใจเพิ่งจะได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงนี้นี่เอง

วิกหายไป  ผมสั้นและจอนยาวคือที่สุด!


ชมความแตกต่างที่ชัดเจนจากผู้ที่มีชีวิตคาบเกี่ยวกันสองยุค   เจ้าชาย George  ผู้สำเร็จราชการแทนพระบิดาคือพระเจ้า  George ที่ 3 จนเป็นที่มาของคำว่ายุค Regency     ในช่วงวัยหนุ่ม พระองค์ก็ไม่พลาดเทรนด์ยอดฮิตในศตวรรษที่ 18  แล้วเปลี่ยนมาเป็นการเผยผมเส้นผมตามธํรรมชาติ
ว่ากันว่า    จุดกำเนิดของเทรนด์ทรงผมซอยสั้น-จอนยาวนี้มาจาก Francis Russell, ดยุคแห่ง Bedford ที่ตัดผมประท้วงรัฐบาลอังกฤษที่เพิ่มภาษีวิก  หลังจากนั้นชายหนุ่มตระกูลสูงทั้งหลายก็ไม่สนใจใยดีกับวิกราคาแพง และตัดผมสั้นอย่างสบายใจ   และยังตั้งชื่อผมทรงนี้เพื่อให้เกียรติกับ trendsetter ว่า  The Bedford crop  




พวกแขนเสื้อระบายฟรุ้งฟริ้งได้หายไปแล้วนะคะ  พวกเค้าให้ความสำคัญเสื้อตัวในปิดคอสูงและกางเกงฟิตเปรี๊ยะ  แนวคิดเรื่องความมาดแมนดูเป็นชายชาตรีเริ่มมาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในยุค Victorian   จากที่แต่ก่อนจะพิถีพิถันกับเรื่องลุคไม่แพ้ผู้หญิง   ก็เริ่มมีการแบ่งแยกกันชัดเจน พวกระบาย โบ ลูกไม้ เริ่มจะห่างกายไปจาก fashion ผู้ชาย    ด้วยมุมมองของ  masculinity ที่เปลี่ยนแปลง


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE