LA MER The Treatment Lotion อวยยศโลชั่นตัวโปรด ที่รู้อย่างงี้ลองตั้งนานแล้ว!!
Wanviset 56 21
ต้องยอมรับว่าในช่วงเวลาหลายปีที่เราหลงรัก Skincare ยังคงมีสกินแคร์อีกหลายต่อหลายแบรนด์ที่เรายังไม่มีโอกาสได้ลอง ซึ่งหนึ่งนั้นคือ LA MER และหนึ่งในไอเทมที่ยอดฮิตของแบรนด์คงหนีไม่พ้น LA MER The Treatment Lotion โลชั่นอันโด่งดั่งของเค้าที่อุดมไปด้วยสารสกัดจาก Miracle Broth ที่ต้องยอมรับว่าเราโดนป้ายยามาหนักหน่วงมากจากเพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนว่าควรต้องลอง สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวไปตำมาตามระเบียบ และก็ได้ลองใช้มาซักพักใหญ่เชียวแหละ วันนี้เราเลยถือโอกาสมาแชร์มุมมองของเราผ่านตัวอักษรให้เพื่อนๆ ได้ชมกันฮะ...
LA MER The Treatment Lotion (100ml/3900.-)
The Claim : โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ มอบความรู้สึกมีชีวิตชีวาให้แก่ผิวด้วย Liquid Energy ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ผิวชุ่มชื้นในทันทีที่ใช้ มอบผิวแลดูนุ่ม เรียบเนียนและช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ
Texture / Scent / Packaging
- Texture : เนื้อสัมผัสมีความน่าสนใจตรงที่ตัวโลชั่นไม่ได้เหลวจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้หนืดจนทาแล้วรู้สึกเหนอะหนะผิว เรียกว่าเป็นสัมผัสที่อยู่ตรงกลางซึ่งมอบความรู้สึกที่น่าประทับสำหรับเราอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวหละ
- Scent : ในแง่ของกลิ่นอาจจะไม่ได้ถูกใจเรานัก เพราะหากเลือกได้ก็อยากจะให้มีสูตรที่ไม่มีส่วนผสมน้ำหอมเลยซะมากกว่า แต่จากที่เราใช้มาเกือบ 1 เดือนก็ยังไม่พบอาการแพ้/ระคายเคืองนะขอรับ
- Scent : ในแง่ของกลิ่นอาจจะไม่ได้ถูกใจเรานัก เพราะหากเลือกได้ก็อยากจะให้มีสูตรที่ไม่มีส่วนผสมน้ำหอมเลยซะมากกว่า แต่จากที่เราใช้มาเกือบ 1 เดือนก็ยังไม่พบอาการแพ้/ระคายเคืองนะขอรับ
- Packaging : อีกจุดที่ขอหักคะแนนเล็กน้อยด้วยความที่เนื้อโลชั่นไม่ได้เหลวมาก บวกกับเราที่ชอบใช้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณเยอะทำให้เวลาเทออกจากขวดต้องเทหลายครั้งอยู่พอสมควร เลยแอบคิดว่าถ้าเป็นแบบขวด Airless Pump น่าจะดีกว่านี้นะครับ
Active Ingredients
แน่นอนอยู่แล้วว่าตัวชูโรงของ LA MER ก็คงไม่พ้น Miracle Broth สารสกัดจากที่ได้จากหารหมักของสาหร่าย Sea Kelp ในตำนาน ซึ่งผ่านถูกค้นพบและพัฒนาโดย Dr.Max Huber ที่ทางแบรนด์เคลมในเรื่องกระบวนการเสริมสร้างผิวใหม่ เติมเต็มความชุ่มชื่นให้ผิว ฟื้นบำรุงผิวใหม่ ปลอบประโลมผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนเปล่งประกาย ซึ่งจากที่ได้ลองใช้เราถึงแม้เราจะไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นเพราะสารตัวนี้หรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าผิวโดยรวมเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ แหละฮะ
นอกจากนี้ยังมี Dipotassium Glycyrrhizate หรือ Licorice ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการแพ้หรือระคายเคือง บรรเทาการอักเสบของผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่สร้างเม็ดสีเมลานินจึงมีผลช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย
สารอีกตัวที่เรามองว่าค่อนข้างน่าสนใจแต่ไม่ค่อยได้ยินคนหยิบมาพูดถึงเท่าไหร่ คือ Alcaligenes Polysaccharides เป็นสารในกลุ่มพอลิแซ็คาไรด์ที่เกิดจากกระบวนการหมักของแบคทีเรียที่ชื่อว่า Alcaligenes latus B-16 ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ คือ การเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวและล็อคความชุ่มชื้นเหล่านั้นไว้บนผิว ซึ่งพอทำงานร่วมกับ Fucus Vesiculosus Extract ซึ่งเป็นสาหร่ายสีน้ำตาลที่สามารถสร้างฟิล์มบางๆ ให้กับผิวเรียกว่า Hydrolipidic Film เป็นชั้นฟิล์มที่ประกอบด้วยทั้งน้ำ และไขมันที่มีความคล้ายคลึงกับผิว จึงสามารถเข้ากับผิวได้ดี และทำงานร่วมกับเพื่อมอบความชุ่มชื้น และสามารถเคลือบปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นจากสภาพแวดล้อมได้ดีทีเดียว
นอกจากนี้ยังมี Dipotassium Glycyrrhizate หรือ Licorice ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการแพ้หรือระคายเคือง บรรเทาการอักเสบของผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่สร้างเม็ดสีเมลานินจึงมีผลช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้อีกด้วย
สารอีกตัวที่เรามองว่าค่อนข้างน่าสนใจแต่ไม่ค่อยได้ยินคนหยิบมาพูดถึงเท่าไหร่ คือ Alcaligenes Polysaccharides เป็นสารในกลุ่มพอลิแซ็คาไรด์ที่เกิดจากกระบวนการหมักของแบคทีเรียที่ชื่อว่า Alcaligenes latus B-16 ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ คือ การเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวและล็อคความชุ่มชื้นเหล่านั้นไว้บนผิว ซึ่งพอทำงานร่วมกับ Fucus Vesiculosus Extract ซึ่งเป็นสาหร่ายสีน้ำตาลที่สามารถสร้างฟิล์มบางๆ ให้กับผิวเรียกว่า Hydrolipidic Film เป็นชั้นฟิล์มที่ประกอบด้วยทั้งน้ำ และไขมันที่มีความคล้ายคลึงกับผิว จึงสามารถเข้ากับผิวได้ดี และทำงานร่วมกับเพื่อมอบความชุ่มชื้น และสามารถเคลือบปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นจากสภาพแวดล้อมได้ดีทีเดียว
Let's Try...
ปกติแล้วเรามักจะชอบเท LA MER The Treatment Lotion ประมาณเหรียญ 10 บาทแล้ววอร์มทั่วฝ่ามือก่อน จากนั้นค่อยๆ ประคบทั่วใบหน้าและลำคออย่างแผ่วเบา ซึ่งจากการที่เราทำแบบนี้มาร่วม 1 เดือนผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงคือ...
เราสังเกตุเห็นการเปลี่ยนแปลงของความชุ่มชื้นบนชั้นผิวได้อย่างชัดเจน ผิวดูแน่นขึ้น อิ่มฟูขึ้น ดูกระจ่างใสขึ้นในยามที่แสงตกกระทบลงบนผิว ทำให้ผิวดูโกลว์สุขภาพดี นอกจากนี้เรายังพบว่าการแพ้/ระคายเคืองที่เกิดจากสภาพแวดล้อมต่างๆ เกิดขึ้นน้อยลงพอสมควรในช่วงเดือนที่ผ่านมาขอรับ
ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์ เนื้อสัมผัส รวมถึงส่วนผสมแล้วนับว่าเป็น Lotion/น้ำตบ ที่เราโปรดปรานที่สุดในตอนนี้เลยทีเดียวแหละ จนทำให้เราอดรู้สึกไม่ได้จริงๆ ว่าเราน่าจะลอง LA MER The Treatment Lotion ให้เร็วกว่านี้(#น่าจะโดนป้ายยาไวกว่านี้ ฮ่าๆ) และรู้สึกว่าในอนาคตคงได้งอกไอเทมอื่นๆ ออกมาอย่างแน่นอนฮะ
แต่ก็อย่างที่เรามักพูดเสมอว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้รวมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขอรับ ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้/ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ
แต่ก็อย่างที่เรามักพูดเสมอว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว การดูแลตัวเอง รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เราใช้รวมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลขอรับ ส่วนคำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้/ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ