มาตามสัญญา .....มัดรวมเครื่องสำอางค์ Make up Skin Care ที่ใช้หมด ปี 2020

52 11

สวัสดีคร่าเพื่อนๆ ชาวจีบันทุกคน

วันนี้มาตามสัญญาสำหรับการรีวิวเครื่องสำอางค์และ Make up ที่ใช้หมดในปี 2020

อาจจะมาช้าหน่อยแหละ เอาเป็นว่ามาในปีใหม่ไทยน้า


มาเริ่มต้นด้วยหมวดแรกกันเลยค่ะ


Item ที่ทุกคนต้องมีนั้นก็คือ .... ครีมกันแดด



เรียงลำดับตามความชอบของเราและเราซื้อซ้ำ นั้นก็คือ


1 Acesine Sun Shield SPF 50 ขวดชมพู น้องเค้ามาเป็นแบบ 2 in 1 ลงตัวเดียวจบ คล้ายเนื้อบีบี ค่อนข้างจะข้นน้า ปกปิดบางเบา เหมาะกับคนที่ไม่มีจุดด่างดำเยอะๆ ที่ต้องการปกปิด เราทาตัวเดียวแล้วลงแป้งฝุ่นจบเลยจ้า ราคาอยู่ที่ 1300 บาทโดยประมาณคร่า


2 Acesine Sun Shield SPF 50 ขวดขาว เนื้อบางเบากว่า ตัวนี้เราจะลงรองพื้นอีกขั้นนึงจ้า หรือถ้าวันเบาๆ แบบอยู่บ้านก็ลงตัวเดียวจบจ้า ราคาประมาณ 1300 คร่า


3 Kate Mermaid ตัวนี้เดินงงในดง Eve and boy แล้วไปพบเข้า เลยลองเอามาดู ถือว่าโอเคร เนื้อเป็นกึ่งเจลนะ ลงกับรองพื้นบางตัวจะเป็นคราบจ้า ราคา 400 โดยประมาณ


4 Shisedo wet force เราแอบไม่ชอบความเหลวของเนื้อและความมันของครีมทีเกิดขึ้นเวลาทาลงบนหน้า เลยแบบนานๆ หยิบมาใช้ที ตัวนี้ลงแล้วหน้าวอกหนึ่งเบอร์ ราคาแอบแรง 1500 ถ้าจำไม่ผิดน้า

หมวดต่อมาเป็น การล้างหน้าจ้า

สำหรับการล้างหน้า เราเสพติด Bioderma มานานมากแล้วเกินห้าปีได้

คือ เปลี่ยนไปตัวอื่นแล้วเราแพ้


ก็เลยยึดตัวแบรนด์นี้ Bioderma ขวดชมพูมาตลอด

แอบชี้เป้าลดราคา Shopee นะจ๊ะ มีโปรดี มาเรื่อย


ส่วนการล้างมาสคาร่าของเราคือ Baby oil ตัวเดียวจบรู้เรื่อง

ลบออกทุกทิ้งที่เป็นเครื่องสำอางค์กันน้ำ ราคาก็ดีหลักร้อยเอง


ส่วนอุปกรณ์การล้างแปรงของเรา

เราตัดงบมาเป็นของหาง่าย หาจาก ไดโซะ ได้ทุกสาขาจ้า

ขวดละ หกสิบบามล้างแปรงและพัฟได้ดี สะอาดมากจ้า 

มาต่อด้วย การดูแลผิวกาย

สำหรับ Scrub ถ้าซื้อซ้ำเลยนะ เราเทใจให้ Boot  ซื้อหาง่าย ราคาดี

ขวดนึงใช้ได้นานมากๆ ตัวนี้เป็นกลิ่นกาแฟ เวลาสครับแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากๆ เลยนะ


ส่วนของ St ive เรามองว่าสูตร Oat ตัวสครับจะอุดที่รู ทำให้ยากต่อการใช้เวลาบีบ

เวลาบีบออกมาก็ทะลักจ้า เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ส่วนกลิ่นนั้นเราว่าแรงไปจนมึนสำหรับนะ  คนอื่นอาจจะคิดเห็นต่างกันตามความชอบของบุคคล


พูดถึงโลชันเราใช้ Jergen Age Defying  มายาวนานมาก ด้วยความที่น้องเค้าช่วยเรื่องความชุ่มชื้นได้ดีและผิวเราแห้งมาก เราเลยใช้ตัวนี้เป็นประจำจ้า  ราคาไม่เกินสี่ร้อยจ้า


ส่วนของ Apex นั้น เรานั้นเราซื้อมาลอง เค้าเคลมว่าจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสด้วยภายใน 7 วันด้วย ATP แล้วก็ช่วยเรื่องริ้วรอย โดยรวมแล้วเราเฉยๆ เนื้อครีมออกไปทางหนัก กลิ่นดีหอมออ่นๆ ราคาแรงอยู่ ขวดละสามพันได้ หมดแล้วเราก็ไม่ซื้อต่อจ้า

สำหรับครีมอาบน้ำเรา กับสะสม St ive.เกือบทุกกลิ่นเลย ชอบสุดคือตัวนี้กลิ่นวานิลลาอาบแล้วผิวไม่แห้งด้วย ยิ่งถ้ามีหนึ่งแถมหนึ่งนี้ตุนเลยจ้า


ส่วนของ Aveeno อาบแล้วผิวไม่แห้งดีจ้า ทั้งสองตัวเลย แต่เราก็ไม่ชอบกลิ่นทั้งสองตัวเลย เลยแบบไม่ได้ซื้อต่อน้า

ต่อด้วย Make up จ้า

เรียงตามลำดับความที่จะซื้อซ้ำ


1 Hourglass ทุกคนคือนางดีมากกกกและแพงจ้า เกือบสองพันได้ Finish lookนี่หน้าเงามีมิติมากแม่ แต่ด้วยความที่ตัว H ตรงกลางอะทุกคน เวลาแป้งจะหมด แป้งไม่ลงรูมาให้เราสินะ มันค้างเหลือในตลับจ้า เวลาใช้ตัวนี้เค้าแนะนำว่าเคาะนึงมาเป็นตัว H เพียงพอแล้ว แต่สำหรับเราอะ มันไม่พอละ เราเลยใช้หลายเคาะ คือเราจะชอบแบบพอจับหน้าแล้วต้องไม่มัน ถ้าเคาะเดียวเราว่ามันมีความมันค้างอยู่ แบบ Dewy งี้แต่คือไม่ค่อเหมาะกับอากาศเมืองไทย เดี๋ยวจะดูหน้าเมือกเอานะ


เอออีกอย่างแบรนด์นี้ เค้าเคลมว่า ไม่มีส่วนผสมของ Talc แล้วเราก็เอาแป้งสองแบรนด์มาละลายน้ำให้ดู ของเค้าจะละลายไม่มีเกาะเป็นก้อน อันนี้ก็แล้วแต่ทุกคนเลือกตามความชอบเลยจ้า 


2 Laura นี่ยืนหนึ่งอยู่แล้ว แป้งเค้าละเอียดและใช้ได้จนหยดสุดท้าย เอาว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน คิดไรไม่ออก ไปหาลอร่า  ราคาก็พันต้นๆ จ้า 


3 Becca Hydrating ตัวนี้เราซื้อด้วยความที่ว่า หน้าเราตอนนั้นแห้งมาก อยากได้บำรุงเพิ่มจากเครื่องสำอางค์ เลยตัดใจถอยน้องเค้ามา ความว้าวอยู่ที่ น้องเค้าทาลงผิวจะรู้สึกเย็นเหมือนทาน้ำลงผิว แต่พอใช้ไปสักพัก Effect นี้จะหายไปนาจ้า ให้ความรู้สึกเป็นแป้งปกติแหละ ความเนียนของแป้งก็โอเครอยู่ หน้าไม่หมองระหว่างวัน แอบเสียดายที่แบรนด์นี้ ไม่มีแล้ว ถือว่าเป็น item ที่ดีกับคนหน้าแห้งอย่างเรา ตัวนี้ราคาประมาณพันหกร้อยบาทน้า 

เราเป็นคนที่เปลือกตามัน ถ้ามาสคาร่าไม่ดีอะ มันแพนด้า เราก็ลองมาหลายแบรนด์มาก เคาเตอร์แบรนด์ยัน drug store  มาตกลงปลงใจกับ Kiss me รุ่นกันน้ำได้ทุกรุ่น จะงอนยาว งอนหนา เราลองแล้ว  ไม่แพนด้า แต่ๆ อย่าดีใจไป มันแลกมากับการที่ล้างยากมากแม่


ต้องโป๊ะ verb to โป๊ะ อะทุกคน คือสำลีจุ่ม Baby oil โป๊ะตาสองข้างทุกวัน

เพื่อล้างมาสคาร่า ใครไม่ชอบความล้างยาก ขอให้ผ่านไป


เออ เราซื้อสีน้ำตาลเท่านั้น อยากให้ทุกคนลองสีน้ำตาล

ตาจะดูหวานขึ้นมาอีกระดับ ลองดูน้า

ในหมวดเบ็ดเตล็ดนั้น


1 HG Etheral Glow ยืนหนึ่ง สีอมชมพูน้า คือเราผิวขาวอมเหลืองปัดออกมาดูมีมิติ ไม่ช่ายสีด้านๆ ที่หาได้ทั่วไป แล้วคือสีไม่เอะอะ ใช้ได้ทุกวัน ราคาประมาณพันแปดร้อยบาทจ้า ตัวนี้ซื้อซ้ำแน่นอน อีกอย่างนึงคือน้องเค้าถ้าปัดพลาด ฟาดไปเยอะๆ สีก็ไม่ได้กองรวมเป็นแก้มลิงน้า เหมาะกับมือใหม่ที่จะลอง Build สีเพิ่มเองได้ง่ายมากคร่า 


2 HG foundation stick เราว่าเหมาะกับคนผิวมัน เราผิวแห้งลงไปนี้คราบเพียบ อื่นๆ คือปกปิดบางเบามากกกก ไม่หนักหน้า


3 HG No. 28 Primer ตัวนี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชิ้นก็ลงเมคอัพ สำหรับเราเฉยๆ ซื้อมาใช้หมดไม่ซื้อซ้ำ 


4 Becca Hilight ทุกคนมันคือสิ่งที่ดีวามมาก นี่คิดอยู่จะไปหาซื้อแบรนด์ไหนมาแทนที่ ใช้หมดยันหยดสุดท้าย เออด้วยความที่เป็น Hilight ตลับเล็กก็ใช้ได้เป็นปีนะจ๊ะ


5 Essence fix spray ถอยน้องเค้ามาเอามาช่วยให้เครื่องสำอางค์ติดทน น้องเค้าก็ทำหน้าที่ดีอยู่น้า แต่ติดที่กลิ่นไม่ดี ใครทนกลิ่นเคมีได้ก็โอเครเลย 


 

ต่อที่ Skin Care จ้า

เอาเรียงตามลำดับที่จะซื้อซ้ำนะ


1 Acseine future cycle ช่วยเรื่องความชุ่มชิ้น ลดริ้วรอยเบื้องต้นได้ ครีมเป็นเนื้อเจลละ ทาแล้วไม่หนักหน้าเหมาะกับอากาศไทยมาก เค้าไม่น้ำหอมนะจ๊ะ ราคาแพงอยู่ 30 ml 4500 จ้า


2 Lotus cream จาก Fresh  ตัวนี้คุณสมบัติคล้ายข้อแรก แต่มีกลิ่นดอกบัว ทาแล้วผ่อนคลายดี เนื้อจะเป็นครีมค่อนข้างหนักหน้านิดนึง แต่เราผิวแห้งเลยโอเคร ราคา 2250 50 ml


3 Physigel AI เรียกว่าเป็นครีมกันตาย ของคนเป็น Sebderm และผิวแห้ง ราคาหลักร้อยปลายๆ ช่วยให้หน้าชุ่มชิ้นได้ดีมาก 


4 Lotus night cream จาก Fresh ขวดน้ำเงิน เราว่าเนื้อหนักไปละ กลิ่นเหมือนข้อสอง ช่วยความชุ่มชื้น ริ้วรอยพอกัน ตัวนี้เราได้มาจากเซ็ตที่เป็นสินค้าทดลองของ Fresh เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่


5 Rose face cream จาก Fresh คือแบรนด์นี้ เดาว่าแต่งกลิ่นหมด แต่กลิ่นเค้าดีจริงๆ ช่วยให้ความชุ่มชื้นอย่างเดียวจ้า เนื้อครีมเบากว่า Lotus เรายังติดใจ lotus เพราะถ้าเทียบราคาแล้วคุณสมบัติน้องพร้อมกว่า


6 Eucerin Aqua อันนี้เราใช้ซ้ำบ่อยอยู่ในปี 2019 หลังจากนั้นเหมือนหน้าเราชินกับน้องเค้า เริ่มไม่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นละ เราเลยมองตัวอื่นแทน ราคาประมาณเก้าร้อยน้า


7 Romrawin milk cream ตัวนี้ได้มาจากหลังไปทำ Thermage กลับมาเลยซื้อครีมจากคลินีกเค้ามาด้วย ช่วงหลังThermage หน้าดูดครีมได้ดีมาก ตัวนี้ใช้แค่สองสัปดาห์หมดจ้า  ไม่ได้เห็นผลอะไรเป็นพิเศษน้า ราคา 3000 กว่า 30ml




สำหรับการล้างหน้านี่สองตัวนี้เอาอยู่ Soy   Face Cleaner จาก Fresh  ล้างแล้วหน้าชุ่มชื้นมาก มีกลิ่นหอมออ่อนด้วย ล้างแล้วผ่อนคลายมากๆ เลยนะ อันนี้ราคาแรงอยู่นะหลักร้อยบาทๆ 


ส่วน Tomei หน้าจะแห้งกว่าจ้า ใช้เวลาสิวบุกนะ ใช้ได้อยู่นะ แต่จะหาซื้อยากหน่อยด้วยความที่ดูเป็นเวชสำอางค์ เราซื้อในโรงพยาบาลจ้า  ส่วนตัวนี้ราคาสบายกระเป๋าไม่เกินสี่ร้อยบาท 

มาที่หมวดสุดท้าย ปากนุ่มชุ่มชื้น


Lip oil เราเทใจให้ Clarins ทาแล้วเหมือนไปกินไก่ทอดมา แต่ช่วยให้ปากหายแห้ง ทาก่อนนอนตื่นมาโอเครเลยละ เอาไว้เป็นของกู้ชีพนะ 


Lip Balm ติดตัวแท่งเดียวของเรา คือ Dior แท่งหนึ่งนี่ใช้ได้เป็นปีเลยน้า ทาแล้วสีสวยมากและชุ่มชื้นมากจ้า เปลี่ยนสีตามอุณหภูมินะฮะ


Lip oil dior เราลองมาแล้ว กลิ่นเพี้ยนพอใช้ไป แล้วก็เคมีแบบตรึบมาก ไม่ได้ใช้ต่อจ้า ใช้ไม่หมดด้วยเหมือนเราแพ้ปากลอกหมดเลย ก็เลยหยุด ไปได้ Fresh Sugar แท่งเล็กมากู้ชีพปากลอก โบกไปเป็นอาทิตย์ เออปากหายลอกด้วย Fresh เลยติดใจจจจ 


จบแล้วจ้าสำหรับการรีวิวของเรา


หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ประโยชน์และอรรถรสในการรับชมไม่มากก็น้อย


ไว้เจอกันกระทู้หน้าจ้า 


 


Jina Bittersweet

Jina Bittersweet

Beauty | Lifestyle | A bit of everything

สวัสดีค่ะ เราชื่อ" จิน่า " อายุ 35 ปี 😊

ผม : เส้นเล็ก 💈
ผิวกาย : ผิวแห้ง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวขาวเหลือง✨
ผิวหน้า : ผิวขาว ผิวแพ้ง่ายมีจุดด่างดำจากรอยสิว 🥹



ฝากกดติดตามหน่อยน้าาาา เเล้วมาอัพเดทเรื่องความงาม ไลฟ์สไตล์และเรื่องน้องหมากันค่ะ 👍
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ บ้านJeban ทุกคนคร่า😘



..........................................


Facebook / Instagram/Tiktok / Lemon8 : Jina Bittersweet
Mail : Jina.Bittersweet@gmail.com

FULL PROFILE