มาบอกต่อไอเทมเด็ดจากนิวซีแลนด์ Wild Ferns พิชิตริ้วรอยได้อยู่หมัดกับ Bee Venom Serum & Cream
Witch.nannie 60 21
มาจ้า สาวๆ ทุกคน วันนี้เรามีไอเทมดีๆ ที่อยากจะมาเม้ามอยให้ฟังกันจ้า หลังจากที่เราได้ไปเห็นเเบรนด์นี้ Wild Ferns ที่ใช้พิษผึ้ง เป็นการโบท็อกซ์ผิวจากธรรมชาติ เราว่ามันเริ่ดนะ นี่เราเเอบนึกไปถึงเรื่อง เเดจังกึม อ่ะ ฮ่าๆ ที่นางเอกใช้พิษจากเหล็กในของผึ้งในการรักษา ตัวเอง ตอนนั้นดูเรื่องนั้นเเล้วก็ทึ่งมาก ชอบอ่ะ คิดถึงเลย ต้องเเว๊บกลับไปดูเเหล่ะ ฮ่าๆ
เดี๋ยวๆๆ กลับมากเน้อ ออกมาจาก เเดจังกึม กันก่อน กลับมาที่พิษผึ้งก่อน หุหุ อยากให้ทุกคนมาดูหน้าตาของเค้าก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเราจัดมาสองอย่าง ที่เค้าต้องใช้คู่กันถึงจะเห็นผลนะจ๊ะ นั่นก็คือ Wild Ferns bee venom Serum เเละ Wild Ferns bee venom Moisturiser
เดี๋ยวๆๆ กลับมากเน้อ ออกมาจาก เเดจังกึม กันก่อน กลับมาที่พิษผึ้งก่อน หุหุ อยากให้ทุกคนมาดูหน้าตาของเค้าก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเราจัดมาสองอย่าง ที่เค้าต้องใช้คู่กันถึงจะเห็นผลนะจ๊ะ นั่นก็คือ Wild Ferns bee venom Serum เเละ Wild Ferns bee venom Moisturiser
Wild Ferns bee venom Serum with Manuka Honey 80+ เซรั่มบำรุงที่ใช้พิษของผึ้งบริสุทธิ์ เข้ากับน้ำผึ้งมานูก้า 80+ จากนิวซีแลนด์ ทั้งยัง AAH 650+ ซึ่งประโยชน์ของน้ำผึ้งนี้ มีฤทธิที่ต่อต้านการสะสมของแบคทีเรีย และต้านการก่อสารอนุมูลอิสระอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยคงความเยาว์วัยให้แก่ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยทั้งร่องลึกเเละร่องตื้น เรียกว่าบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกถึงผิวชั้นในจริงๆ
วิธีใช้ :
ล้างหน้าให้สะอาด ทาเซรั่มบนใบหน้า ตัวนี้เราจะใช้ก่อนลงมอยส์เจอไรเซอร์นะคะ เวลาทาให้ทาเหมือนยกผิวขึ้น จนทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตา เราใช้ตอนเช้า-ก่อนนอน อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
เนื้อสัมผัส :
กลิ่นน้ำผึ้ง จะเหมือนมีกลิ่นน้ำผึ้งเข้มข้นเตะจมูกไปนิดนึง ฮ่าๆ เมื่อเทียบกับตัว มอยส์เจอไรเซอร์ เเต่ก็ไม่ได้เหม็นนะคะ ทาได้ชิลๆ เนื้อเซรั่มของเค้า ทาเเล้วซึมง่ายมาก เนื้อน้ำเลยอ่ะ
รีวิวความรู้สึกหลังใช้ :
ทาเเล้วให้ความชุ่มชื้นกับผิว เเต่ไม่เหนอะหน้าเลย เหมือนพอทาเเล้ว วนๆที่ผิว เเปบเดียวเท่านั้นเเหล่ะ หายเเว็บไปกับตา เเต่เวลาที่เราสัมผัสที่ผิวบริเวณนั้น จะรู้สึกได้ว่าผิวมีความชุ่มชื้นอยู่ ลูบเเล้วจะมีความชื้นอยู่ที่ผิวจริงๆ เเม้จะไม่ได้รู้สึกเเบบผิวฉ่ำอะไรขนาดนั้น เเต่ชอบมากที่มันซึมเข้าไปจริงๆ ไม่รบกวนการนอน ไม่ต้องรอเซรั่มซึมเข้าผิวก่อนนอน ไม่ต้องกลัวเลอะหมอนเลย มันสบายผิวมาก เหมือนไม่ได้ทา เเต่พอจับผิวหน้าก็จะรู้เลยว่าทานะ ฮ่าๆ
ล้างหน้าให้สะอาด ทาเซรั่มบนใบหน้า ตัวนี้เราจะใช้ก่อนลงมอยส์เจอไรเซอร์นะคะ เวลาทาให้ทาเหมือนยกผิวขึ้น จนทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตา เราใช้ตอนเช้า-ก่อนนอน อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
เนื้อสัมผัส :
กลิ่นน้ำผึ้ง จะเหมือนมีกลิ่นน้ำผึ้งเข้มข้นเตะจมูกไปนิดนึง ฮ่าๆ เมื่อเทียบกับตัว มอยส์เจอไรเซอร์ เเต่ก็ไม่ได้เหม็นนะคะ ทาได้ชิลๆ เนื้อเซรั่มของเค้า ทาเเล้วซึมง่ายมาก เนื้อน้ำเลยอ่ะ
รีวิวความรู้สึกหลังใช้ :
ทาเเล้วให้ความชุ่มชื้นกับผิว เเต่ไม่เหนอะหน้าเลย เหมือนพอทาเเล้ว วนๆที่ผิว เเปบเดียวเท่านั้นเเหล่ะ หายเเว็บไปกับตา เเต่เวลาที่เราสัมผัสที่ผิวบริเวณนั้น จะรู้สึกได้ว่าผิวมีความชุ่มชื้นอยู่ ลูบเเล้วจะมีความชื้นอยู่ที่ผิวจริงๆ เเม้จะไม่ได้รู้สึกเเบบผิวฉ่ำอะไรขนาดนั้น เเต่ชอบมากที่มันซึมเข้าไปจริงๆ ไม่รบกวนการนอน ไม่ต้องรอเซรั่มซึมเข้าผิวก่อนนอน ไม่ต้องกลัวเลอะหมอนเลย มันสบายผิวมาก เหมือนไม่ได้ทา เเต่พอจับผิวหน้าก็จะรู้เลยว่าทานะ ฮ่าๆ
Wild Ferns bee venom Moisturiser with Manuka Honey 80+ มอยส์เจอไรเซอร์ ที่เค้าบอกให้ใช้คู่กันเเล้วจะเริ่ดมาก ผสมผสานระหว่างพิษผึ้งกับสวีท อัลมอนด์, น้ำผึ้งมานูก้า และน้ำมันแอพพริคอท เคอร์เนล โดยพิษผึ้งที่ได้จากเหล็กในจะช่วยเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของคอลลาเจนและอีลาสตินให้เพิ่มขึ้น เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมทั้งเป็นเกราะป้องกันมลพิษและแสงแดด ช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวดูเรียบเนียน ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
วิธีใช้ :
ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอเหมือนยกผิวขึ้น ตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกวันเช้าเเละก่อนนอน แทนไนท์ครีมได้เลยจ้า แต่สำหรับคนที่มีผิวแห้งมากขาดการบำรุงแนะนำให้ใช้เป็นไนท์ครีมในกลุ่มบีวีนอมนี้เฉพาะแยกออกมา จะเหมาะกับสภาพผิวแห้ง ส่วนคนที่มีผิวผสม ผิวธรรมดา หรือผิวมันอยู่แล้วใช้ไอเทมนี้แทนไนท์ครีมได้เลยค่ะ
เนื้อสัมผัส :
เนื้อมอยส์เจอไรเซอร์ เป็นเเบบเนื้อครีม กลิ่นนี้จะหอมกว่าตัวเเรก น่าจะเพราะมีกลิ่นอัลมอนด์เข้ามาผสมด้วย ทำให้กลิ่นออกเเนวคล้ายๆ ขนมเลยค่ะ หอมละมุน เรารักกลิ่นนี้ อิอิ
รีวิวความรู้สึกหลังใช้ :
เนื้อสัมผัสเวลาทาลงผิว บางคนอาจจะคิดว่าพอเป็นครีมเเล้วจะไม่ค่อยซึมลงผิว เเต่สำหรับตัวนี้คือไม่เลยจ้า ซึมลงผิวได้ง่ายเเละรวดเร็วเช่นกัน เเต่จะมีความรู้สึกเเตกต่างจากตัวเซรั่มนิดนึง คือเหมือนเนื้อครีมเค้าทั้งซึมลงผิวเเล้วเคลือบผิวไว้ด้วย เพราะเวลาลูบเเล้วจะรู้สึกถึงความนุ่มๆ อ่ะ ชอบมาก ฟิลเเบบนี้ ได้ผิวนุ่มๆ ชุ่มชื้นในคราวเดียว เป็นการบำรุงผิวที่สบายผิวมาก ไม่รู้สึกรำคาญผิวเลยจริงๆค่ะ
ทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอเหมือนยกผิวขึ้น ตัวนี้สามารถใช้ได้ทุกวันเช้าเเละก่อนนอน แทนไนท์ครีมได้เลยจ้า แต่สำหรับคนที่มีผิวแห้งมากขาดการบำรุงแนะนำให้ใช้เป็นไนท์ครีมในกลุ่มบีวีนอมนี้เฉพาะแยกออกมา จะเหมาะกับสภาพผิวแห้ง ส่วนคนที่มีผิวผสม ผิวธรรมดา หรือผิวมันอยู่แล้วใช้ไอเทมนี้แทนไนท์ครีมได้เลยค่ะ
เนื้อสัมผัส :
เนื้อมอยส์เจอไรเซอร์ เป็นเเบบเนื้อครีม กลิ่นนี้จะหอมกว่าตัวเเรก น่าจะเพราะมีกลิ่นอัลมอนด์เข้ามาผสมด้วย ทำให้กลิ่นออกเเนวคล้ายๆ ขนมเลยค่ะ หอมละมุน เรารักกลิ่นนี้ อิอิ
รีวิวความรู้สึกหลังใช้ :
เนื้อสัมผัสเวลาทาลงผิว บางคนอาจจะคิดว่าพอเป็นครีมเเล้วจะไม่ค่อยซึมลงผิว เเต่สำหรับตัวนี้คือไม่เลยจ้า ซึมลงผิวได้ง่ายเเละรวดเร็วเช่นกัน เเต่จะมีความรู้สึกเเตกต่างจากตัวเซรั่มนิดนึง คือเหมือนเนื้อครีมเค้าทั้งซึมลงผิวเเล้วเคลือบผิวไว้ด้วย เพราะเวลาลูบเเล้วจะรู้สึกถึงความนุ่มๆ อ่ะ ชอบมาก ฟิลเเบบนี้ ได้ผิวนุ่มๆ ชุ่มชื้นในคราวเดียว เป็นการบำรุงผิวที่สบายผิวมาก ไม่รู้สึกรำคาญผิวเลยจริงๆค่ะ
หลังจากที่เราใช้มาเป็นระยะเวลา 14 วัน รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนเเปลงชัดเจนนอกจากผิวที่ดูสดใสขึ้น ผิวดูสุขภาพดี ผิวดูอิ่มน้ำ ชุ่มชื้นขึ้น คือ เรื่องริ้วรอย ข้างเเก้มที่ดูเหมือนริ้วรอยจะดูตื้นขึ้นด้วย ดีใจมาก ฮ่าๆ ตอนเเรกก็ไม่รู้หรอกนะ เเต่เอารูปมาเทียบก็เลยเห็นเลยว่าร่องริ้วรอยข้างเเก้มเวลายิ้มดูดีขึ้นมากๆ เย้ๆ เราจะหน้าเด็กเเล้วใช่มะ หุหุ วันนี้เเอบมาป้ายยาเท่านี้เเหล่ะจ้า ปล.เกือบลืมไปสำคัญมากๆ ผลิตภัณฑ์บำรุงเซ็ทนี้เน้นใช้พิษของผึ้งเป็นหลัก ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าเเพ้ผึ้งควรระวังในการใช้ หรือถ้าอยากใช้จริงๆ เเนะนำให้เทสที่หลังหู หรือท้องเเขนก่อนใช้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อทดสอบอาการเเพ้นะคะ ด้วยความเป็นห่วงน้า เทสก่อนค่อยใช้นะ จุ๊บๆ