ประสบการณ์ชวนระทึกของคนดังที่ต้องผจญแฟนสุดหลอน

59 15
ชีวิตที่ต้องทุกข์ทนกับความหวาดระแวง 12 ปีเต็มของแจจุง


เมื่อหลายปีก่อน เราเคยได้ยินมาว่า แฟนเดนตายที่สร้างเรื่องน่าหวาดหวั่นติดอันดับต้นๆของไอดอลเกาหลี ย่อมหนีไม่พ้น ซาแซงของTVXQ และ JYP และเคยเกิดเหตุการณ์อื้อฉาวบานปลายเป็นประเด็น debate ระดับชาติ เมื่อไอดอลผู้โด่งดังถูกตามคุกคามจนบางครั้งไม่สามารถควบคุมสติกับความไหลไหลในขั้นบ้าคลั่งของซาแซงและตอบโต้ไปด้วยกำลัง

แม้ตอนนี้ สมาชิกวงจะแตกกลุ่มกันออกไป และไม่ได้เป็นช่วงแห่งความ peak ของพวกเค้าอีกต่อไป   แต่ประสบการณ์ที่นำมาสู่ชีวิตที่ต้องหวาดผวามาอย่างยาวนานนั้น ฟังทีไรก็ขนลุกทุกที!


ในช่วง TVXQ หรือ Tohoshinki ที่แฟนๆชาวไทยคุ้นเคยกับชื่อย่อสั้นๆว่าดงบังกำลังรุ่งโรจน์ในยุคคลื่นเกาหลีถล่มเอเชียนั้น ความนิยมของพวกเค้ามีกระแสร้อนแรงมากจริงๆ แม้อาจจะไม่เรียกว่าอยู่ในระดับ Global เหมือนกับวงรุ่นน้องเพราะยังอยู่ในช่วงบุกเบิก แต่หากพูดถึงบอยแบนด์เกาหลีที่ยังตราตรึงจิตใจสาวก K Pop จะต้องมี TVXQ ติดอยู่ใน list อย่างแน่นอน และแม้กระทั่งมีปัญหาเรื่องสัญญากับค่ายจนต้องแยกตัวออกมาเป็นวงJYJ แต่ทั้งสองวงก็ยังได้รับความนิยมต่อเนื่องไปอีกหลายปี



แจจุง อดีตสมาชิกของ TVXQ ที่แฟนๆยังปลาบปลื้มมาถึงปัจจุบันนั้นมีความโดดเด่นยากจะปฏิเสธ เขามักจะได้อยู่ตำแหน่งกึ่งกลางในการภาพหมู่โพรโมทวง ออร่าของหนุ่มหน้าสวยที่เจิดจ้าทำให้แฟนๆมากมายหลงไหล

แต่มีคนบางกลุ่มที่ไม่ได้จัดการกับความหลงไหลให้อยู่ในกรอบของโลกแห่งความเป็นจริงที่มีศีลธรรมและกฎหมายเป็นบรรทัดฐาน พวกเค้าใช้คำว่าความรักเป็นข้ออ้างในการล่วงละเมิดศิลปิน โดยไม่ได้สนใจว่า พฤติกรรมน่ากลัวเหล่านั้นจะสร้างบาดแผลในใจให้กับอีกฝ่าย รวมถึงการใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงมาถึง 12 ปี


ถูกบุกเข้าหาในขณะนอนหลับ  และร้ายไปกว่านั้น ซาแซงได้ลวนลามเขาบนเตียงอีกด้วย
 แจจุงได้เปิดเผยในรายการของญี่ปุ่นว่า   เคยมีแฟนแอบเข้ามายืนจ้องเข้าในขณะที่นอนหลับพักผ่อนมาหลายต่อหลายครั้ง  และร้ายที่สุด  คนพวกนั้นยังเคยล่วงละเมิดทางเพศเขาอีกด้วย

" ซาแซงหลายคนเคยบุกเข้ามาที่ห้องนอนของผมกลางดึกในขณะที่ผมกำลัง
หลับอยู่ ผมเคยลืมตาตื่นขึ้นมาเจอพวกเค้าคร่อมบนตัวผม และก็ทำสิ่งที่ผมไม่สามารถพูดในรายการ TV ได้ครับ"

เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้แฟนที่รักและห่วงใยสวัสดิภาพของแจจุงต้องใจหายเกิดขึ้นเมื่อซาแซงตามเขาไปที่ซาวน่า และฉวยโอกาสถ่ายรูปตอนไอดอลหนุ่มกำลังนอนหลับมาอวดใน internet และยังอ้างว่าได้จูบ "โอปป้า" ด้วย

(เป็นอาชญากรรมที่ในตอนนั้นฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังเพิกเฉยจนเกิดเรื่องซ้ำซาก)

ย้ายบ้านทุก 2 ปี และเปลี่ยนรถบ่อยๆ  เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกตามจองเวร  หลังจากเจอเรื่องน่ากลัวมาแล้วหลายครั้ง
"ผมจะได้รับภาพจากข้อความทางโทรศัพท์ ภาพห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัว  หนักกว่านั้นคือตัวผมก็ติดในภาพนั้นด้วย   เก็ทมั้ยครับ ?   บรรดาแฟนที่คลั่งไคล้หลงไหลจนเกินเหตุจะบุกเข้ามาที่บ้านของผม ย่องไปรอบๆบ้านเพื่อถ่ายรูปผมแล้วหลบออกไป  จากนั้นก็ส่งรูปมาที่ผม    ใครจะรู้ว่าพวกเค้าหาเบอร์ของผมเจอได้ไง   เรื่องพวกนีเคยทำให้ผมขนลุก  ผมต้องเปลี่ยนล็อคและกุญแจตลอด"
 

  •  เมื่อย้ายออกใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็พบว่า มีซาแซงได้ทุ่มเงินย้ายมาอาศัยที่ตึกตรงข้ามและคอยแอบดูเขา จากที่เลือกอาศัยห้องนี้เพราะมีระเบียง ก็ไม่เคยได้ใช้ เพราะถูกจ้องมองตลอดเวลา

  • เขายังไม่แน่ใจว่าจะย้ายออกดีหรือไม่ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ชวนระทึก เมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าประตูกลางดึก แต่ออกไปเช็คที่อินเตอร์คอมก็ไม่เห็นมีใคร เมื่อกลับเข้าไปในห้องก็มีคนกดกริ่งอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นใครอีก    จนได้ยินกริ่งอีกครั้งจึงตัดสินใจเปิดประตูออกไปเช็คและพยายามระวังตัวโดยแง้มออกไปราวๆฟุตเดียว เมื่อจ้องไปที่พื้นก็เห็นขาใครบางคน จึงรีบปิดประตูด้วยความตกใจ   หลังจากนั้นได้ยินเสียงคนวิ่งไปที่บันไดฉุกเฉิน เมื่อวิ่งตามไปทันก็ได้พบว่า เป็นซาแซงตามรังควานจริงๆ

  • เรื่องแบบเดิมเกิดซ้ำอีกเพียงไม่กี่วันตามมา แต่แทนที่จะกดออกหน้าประตู แจจุงได้ยินเสียงเขย่าและทุบประตูอย่างรุนแรง  ความหวาดระแวงที่เกิดขึ้นทำให้เขาเกิดอาการนอนหลับๆตื่นๆขยับตัวไม่ได้ (ผีอำ)  เพราะเกรงว่าคนๆนั้นจะกลับมาอีกนั่นเอง
 
"อาจจะฟังเหมือนว่าผมเป็นพวกขี้ระแวง แต่ผมต้องมีรถไว้ใช้หลายคันเพราะถูกไล่ตาม ตอนไปถึงรถเมื่อไร ซาแซงก็จะรู้และตามติด ผมพยายามสลับรถ แต่มันก็ไม่ได้ผล ผมจึงย้ายบ้านทุกสองปี บ้านใหม่และรถคันใหม่ไม่ได้ช่วยให้เค้าเลิกติดตามแบบเด็ดขาดหรอกครับ"


แม้จะถูกคุกคามมาตลอด จนถึงขั้นที่เพื่อนร่วมวงถูกวางยาในน้ำดื่มจนต้องหามส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เรื่องที่ถูกล้วงจับอวัยวะต่างๆหรือแม้กระทั่งถูกตบหน้าในช่วงชุลมุนกลายเป็นสิ่งที่หนุ่มๆดงบัง (และ JYJ) ต้องทำใจยอมรับ ว่ากันว่า ซาแซงจงใจสร้างความเจ็บปวดและความหวาดกลัวฝังใจไอดอลเพียงเพราะอยากจะ "สัมผัสแง่มุมของโอปป้าที่คนอื่นไม่เคยเห็น" เมื่อถูกกระทำหนักข้อเข้า ไอดอลหนุ่มก็เคยหลุดโต้กลับออกไปด้วยคำผรุสสวาทและทำร้ายร่างกาย

จากคลิปเสียงที่Dispatch ปล่อยออกมาแฉ JYJ ได้แสดงถึงความเกรี้ยวกราดของแจจุงที่ร้องขู่จะทำร้ายซาแซง เขาย้ำถามว่า ทำไมจะต้องมาใช้ชีวิตเช่นนี้ และสแดกดันซาแซงว่า "นี่เหรอคนที่เรียกตัวว่าเป็นแฟน"

scandal ในครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อความนิยมของ JYJ ไม่น้อย พวกเค้าถูกโจมตีว่าทำเกินไป และไม่ว่าจะต้องผ่านประสบการณ์ร้ายๆจากน้ำมือซาแซงมากขนาดไหน ก็ไม่ควรรุนแรงกับผู้หญิง และต้องรักษานิสัยสุภาพแสนดีอันเป็นจุดขายของไอดอลในทุกสถานการณ์





JYJ ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงผลกระทบอย่างใหญ่หลวงที่พวกเขาต้องได้รับจากพฤติกรรมล้ำเส้นของซาแซง ทั้งความรู้สึกทุกข์ใจเหมือนถูกคุมขังและสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ และได้ขอโทษแฟนๆต่อพฤติกรรมที่ขาดความยั้งคิด

แต่ในขณะเดียวกัน  แม้หลายคนจะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงก็ได้ตั้งคำถามว่า  มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เห็นไอดอลโต้กลับแฟนๆที่หลงไหลบูชาพวกเค้าด้วยความรุนแรง และการใช้กำลังก็เป็นเรื่องที่แก้ตัวไม่ได้   แต่นี่อาจจะสื่อถึงความน่ากลัวของวัฒนธรรมไอดอล  หากมีการจัดการที่ดีและมาตรการป้องกันไม่ให้ศิลปินพถูกล่วงละเมิดอย่างซ้ำซากก็อาจจะไม่ต้องมีเรื่องมัวหมองเช่นนี้ออกมา


พนักงานส่งอาหารสุดสยอง
เหตุการณ์หนึ่งที่แจจุงต้องจำฝังใจ คือเรื่องพนักงานส่งอาหารที่น่าสงสัยว่าจะเป็นซาแซงที่ทุ่มเทสมัครงานมาตามคุกคามเขา


  • ครั้งหนึ่งที่แจจงเคยสั่งอาหาร   ก็ได้เจอกับพนักงานที่มาส่งปิดหน้าปิดตาด้วยหมวก แต่เมื่อจะจ่ายเงิน  พนักงานรายนั้นก็จ้องมองกลับมาด้วยตาที่แต่ตาขาว  ด้วยความหวาดหวั่น เขาพยายามจะจ่ายเงินให้เสร็จๆไป แต่คนๆนั้นก็ถามเขาว่า "คุณรู้จักฉันใช่มั้ย"   เมื่อถามกลับไปว่าคุณเป็นใคร    คนส่งอาหารก็ยังย้ำว่า    "คุณไม่รู้จักฉันจริงๆน่ะเหรอ"   ก่อนที่จะลงลิฟท์ไป คนๆนั้นก็แสยะยิ้มใส่เขาอย่างน่ากลัว   เมื่อเขาโทรไปสอบถามร้านอาหารถึงข้อมูลของบุคคลที่น่าสงสัยนี้ก็ได้รับคำตอบว่า   คนที่มาส่งอาหารแล้วทำให้เขาขนลุกนั้นเพิ่งจะลาออกไปเมื่อกี้นี้เอง  เหตุการณ์นี้ทำให้เขาระแวงว่าคนๆนั้นจะมาปรากฏตัวอีก
"โอ้ ตายแล้ว   ผมกลัวมากเลยครับ  ถ้าคนๆนั้นย้อนกลับมาอีกล่ะ  ผมเคยคิดว่าเรื่องแบบนี้มีแต่ในหนังซะอีก"


  •  หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคาะหน้าต่างที่ห้องเพราะอาศัยอยู่ชั้นล่างติดกับสวน   นั่นทำให้ระแวงว่า พนักงาน delivery คนนั้นได้กลับมาอีกครั้ง จึงรวบรวมสติออกไปเผชิญหน้าผู้บุกรุกพร้อมอาวุธดาบไม้ในมือ  แต่กลายเป็นว่า คนที่บุกรุกเป็นซาแซงต่างชาติ

สิ่งที่ทำให้แฟนๆ K Pop ต้องเสียวสันหลังวาบก็คือ     เรื่องเหล่านี้ไม่ถึงครึ่งที่แจจุงต้องเจอ  


เมื่อถูกซาแซงคุกคาม ไอดอลยุค generation ที่ 2 จะไม่ได้รับการเหลียวแลเรื่องความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนัก
เมื่อพยายามติดต่อตำรวจให้จับกุมซาแซงไปลงโทษหรือตักเตือนไม่ให้กระทำผิดซ้ำซาก  แจจุงก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อตัวเขาเองกลับถูกตำหนิว่า "ใจแคบ"  

" ตอนนั้นตำรวจบอกว่าพวกเค้าเป็นแค่แฟนของผมและผมก็ควรให้อภัยพวกนั้น และยังบอกว่าผมใจแคบที่แจ้งตำรวจให้จับแฟนทั้งๆที่พวกเค้าแค่อยากรู้อยากเห็น"

เอ่อม...


แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำๆกัน และแจจุงเองก็พยายามดิ้นรนเพื่อปกป้องตัวเองจากการรังควานของซาแซง  แต่มาตรการการปกป้องศิลปินของต้นสังกัดกลับไม่ชัดเจน  รวมถึงเพื่อนร่วมวงที่เจอหนักจนอ่วมไม่แพ้กัน

ในยุค 2000s กลางๆ หรือที่เป็นช่วงที่เรียกว่าไอดอล generation ที่ 2 นั้น กระแสเรื่องซาแซงอาจจะเป็นที่โจษจันในเกาหลี แต่ตัวศิลปินเองอาจจะไม่ได้เปิดใจถึงความยากลำบากได้เต็มที่ เมื่อเวลาผ่านไปก็เป็นเรื่องน่าคิดค่ะว่า การทำหน้าที่ปกป้องศิลปินที่แสนมีค่าของค่ายนั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เพราะไอดอลที่เคยต้องอาศัยที่หอพักหรือห้องเช่าร่วมกันนั้น น่าจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งรัดกุม แต่พวกเค้ากลับได้เผยประสบการณ์ตรงกันว่า ซาแซงสามารถบุกมาถึงทีพักแบบหายใจรดคอกัน หากจินตนาการว่า หนึ่งในซาแซงเหล่านั้นเป็นพวกจิตไม่ปกติและมีอาวุธในมือล่ะ ? เพราะเหตุใด ห้องพักอันเป็นสถานที่ที่ศิลปินควรจะรู้สึกวางใจในความปลอดภัย จึงกลายเป็นสถานที่แห่งความหวาดผวา ? ค่ายได้ใส่ใจต่อชีวิตของไอดอลมากเพียงใด มันน่าคิดมากทีเดียว


แจจุงกล่าวอย่างโล่งอกว่า  การใช้ชีวิตอย่างหวาดระแแวง 12 ปีเต็มๆก็สิ้นสุดลง   เขาขายรถที่มีอยู่หลายคันไปจนหมด  และไม่ต้องย้ายบ้านเหมือนในอดีต  

"ผมสามารถเดินตามละแวกบ้านและทำอย่างอื่นได้ มีความสุขมากเลยครับ"


เพราะมีฐานแฟนคลับที่คับคั่งที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แจจุงได้ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเดินทางไปทำงานในวงการบันเทิงประเทศเพื่อนบ้านสลับกับการเดินทางกลับมารับงานที่เกาหลีใต้ และนั่นอาจจะเป็นการเว้นระยะไม่ให้ถูกติดตามได้เหมือนในอดีต    ในปัจจุบัน แม้ชื่อเสียงของเขาไม่ได้สร้างความฮือฮาเท่ากับการเป็นบอยแบนด์ดัง  แต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปจากวงการทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น ยังมีแฟนๆที่ให้ความสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น





ถึงจะมีบอดี้การ์ดหรือกฎหมายคุ้มครอง  แต่ก็ยังถูก stalker ตามหลอกหลอน


สื่อมักพูดถึงชีวิตที่อยู่ภายใต้การรักษาความปลอดภัยของสาวๆบ้าน Kar-Jenner  (รวมถึงความหล่อเหลาของบอดี้การ์ด)  แต่แม้จะมีเงินทองเป็นหมื่นล้าน ก็ยังต้องผจญกับ stalker ที่ทำให้ขวัญผวามาแล้ว

Kendall ต้องรับมือกับความหวาดกลัวกับ stalkerซึ่งเป็นชายวัยฉกรรจ์มาแล้วหลายคน พวกเขาพยายามบุกเข้าไปที่บ้านของเธอ บางคนทำสำเร็จ และถูกตำรวจจับสองครั้งติดต่อกันก็ไม่ยอมรามือ แม้ว่าเธอจะฟ้องร้องและยื่นคำร้องต่อศาลไม่ให้ชายน่ากลัวพวกนี้เข้าใกล้ก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยจนอยากจะย้ายบ้าน แต่นั่นอาจจะไม่ช่วยอะไรเลย เพราะไม่ว่าเธอจะซื้อบ้านใหม่ที่ไหน สื่อก็ตามติดและนำภาพมาเสนออย่างชัดเจน ไม่เกินความสามารถในการสะกดรอยตามของแฟนสุดคลั่งอย่างแน่นอน

  • เคยมีชายส่งจดหมายรักที่ถึงKendall พร่ำบอกว่าตกหลุมรักตั้งแต่พบเธอครั้งแรกตอนที่เธออายุได้เพียง 2 ขวบ และสิบปีต่อมาที่ได้ได้พบเธออีกครั้ง(เมื่อเธอายุแค่ 12) ก็มั่นใจว่าคือรักแท้  และมีข้อความหมิ่นเหม่น่าขนลุกที่มีน้ำเสียงขู่เข็ญอีกมากมาย อย่างเช่นเรียกเธอว่าเป็นนังโสเภณีแห่งโลก internet!
  •  stalker อีกรายบุกรุกเข้ามายังอาณาเขตบ้าน เขาเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อว่ายน้ำในสระ แแล้วยังทุบหน้าต่างร้องเรียกชื่อเธอ  แต่เธอน่าจะซ่อนในห้องลับที่ใช้ซ่อนตัวจากผู้บุกรุก (เหมือนกับในหนัง) จึงปลอดภัยจากการคุกคาม
  • ชายวัย 38 เดินทางจาก Canada และบุกรุกมาถึงบ้านเธอสองครั้งติดต่อกันในเวลาไม่กี่วัน แม้จะถูกตำรวจจับกุมทั้งสองครั้ง  มีรายงานว่า เขาเสาะหาอาวุธ
  •  ชายอีกคนดักรอเธออยู่ที่ทางเข้าบ้าน และใช้จังหวะที่ประตูกำลังเปิดวิ่งตามมาจนใกล้เพียงกระจกรถกั้น   Kendall จำได้ว่า คนๆนี้เคยไปดักรอเธอที่คอนโดอีกแห่งมาแล้งหลายครั้ง
  • กรณีที่ชวนอกสั่นขวัญแขวนคือหนึ่มวัย 24 ที่วางแผนเสาะหาอาวุธปืนเพื่อสังหารนางแบบคนงามและวางแผนจะฆ่าตัวตายตามไป

ชายพวกนี้ถูกจับกุมและมีคำสั่งศาลไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้ Kendall และทีมรักษาความปลอดภัยของเธอได้จัดการกับเหตุการณ์ที่น่าหวาดผวาได้ทันท่วงที นั่นมาจากประสบการณ์ที่ถูกตามรังควานติดต่อกันนานหลายปีทำให้ Kendall จ้างมืออาชีพมาดูแลความปลอดภัยตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่ทำให้มั่นใจเต็มร้อยว่าเธอจะรอดพ้นจาก stalker ไปได้ทุกครั้ง
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ Kendall มีภาวะวิตกกังวลอย่าง มีรายงานว่าเธอย้ายออกจากบ้านที่  Beverly Hills  โดยไม่คิดจะกลับเข้าไปอาศัย   แม้ว่าจะมีทีมรักษาความปลอดภัยที่พกอาวุธคอยจัดการ stalker แต่เธอก็ไม่สามารถวางใจกับความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพของตัวเองได้เลย



Katy Perry ที่ถูกไล่ล่าจากแฟนที่เชื่อว่าตัวเองเป็นสามีของเธอ
William Terryใช้เวลาหลายเดือนเพื่อเข้าถึงตัวKaty Perry  เขาพยายามปลอมตัวเป็นแขกที่ได้รับเชิญมายังบ้านของเธอ  และเคยเข้าใกล้ถึงขนาดปีนข้ามรั้วเข้ามาในบริเวณบ้านในขณะที่ Katy อยู่ภายในบ้านกับลูกน้อยวัยทารก  แม้จะถูกจับกุมไปอย่างว่องไง แต่ก็ถูกปล่อยตัวในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ชายผู้นี้ได้ส่งข้อความที่มีเนื้อหาลามกอนาจารถึงนักร้องสาวผ่าน social media  ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง   นอกจากนั้นเขายังข่มขู่ Orlando Bloom  พ่อของลูก Katy ว่าจะหักคอของเขาซะ   เพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัว  Katy จึงต้องยื่นขอคำสั่งห้ามไม่ให้stalker เข้าใกล้ในระยะ 100 ยาร์ด



Superstar มักจะต้องพบกับการคุมคามจาก stalker มากกว่าหนึ่งราย   ก่อนหน้านี้  Katy ก็ต้องพึ่งพากฎหมายเพื่อปกป้องเธอจากแฟนที่เกาะติดเธอไปทุกรัฐในระหว่างการเดินสายทัวร์   เขาประกาศว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับ Katy    เคยไปปีนบันไดหนีไฟและหลบซ่อนใต้บันไดเพื่อจะหาโอกาสเข้าไปในห้อง suit ของเธอ  พยายามแฝงตัวเข้าไปในบริเวณที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าที่คอนเสิร์ตของเธอ    เมื่อ Katy ออกทัวร์ไปยังรัฐต่างๆ ก็ติดตามไปทุกที่และพยายามเข้าใกล้เธอทุกครั้ง

ที่จริงแล้ว การดำเนินคดีแฟนสุดคลั่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วทันใจ  แม้มีหลักฐานต่างๆ  แต่ก็คนดังมักจะไม่ได้ฟ้องร้องหลังจากตำรวจจับกุมคนเหล่านี้ไปแล้ว   และดูเหมือนว่า stalker จะยิ่งได้ใจ คิดหาทุกหนทางเพื่อจะเข้าถึงตัวคนดังที่พวกเค้าคลั่งไคล้    เมื่อถูกคุกคามซ้ำๆ  ขึงต้องใช้อำนาจกฎหมายคุ้มครองสวัสดิภาพ  ดังชายคนนี้ก็ถูกตัดสินให้มีความผิดเรื่องการสะกดรอยตาม Katy  และมีรายงานว่าถูกส่งตัวกลับประเทศบ้านเกิดไป



ซาแซงต่างชาติที่ขู่ฆ่าไอดอลเกาหลีจากเรื่องเดท


เมื่อย้อนกลับไปที่วงการ K Pop ไอดอลก็ยังถูกตามรังควานหนักไม่เปลี่ยน แต่ทิศทางของการคุ้มครองดูแลสวัสดิภาพศิลปินนั้นดูแตกต่างออกไป

ดังกรณีของนายอนแห่ง Twice  ที่ถูกชายชาว German รายนี้คอยเกาะติดและข่มขู่ และทางต้นสังกัดเองก็ตักเตือนให้เขาหยุดพฤติกรรมนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล   

นอกจากจะพยายามเข้าใกล้เธอในการโดยสารเครื่องบิน เขายังเหิมเกริมหนักด้วยคำจู่ว่า หากเธอคิดจะมีแฟน มันคือการทรยศความรักของเขาที่มีต่อเธอ ทั้งๆที่เธอรับรู้ความรู้สึกของเขามาก่อนแล้วตอนที่พูดคุยในไฟลท์เดียวกัน แต่ถ้ายังกล้าแทงกันข้างหลัง เขาย่อมต้องลงมือ





มีการเปิดเผยว่า ซาแซงจากตะวันตกรายนี้พยายามเข้าถึงตัวนายอนตอนกำลังเดินทางจริงๆ แต่ทีมรักษาความปลอดภัยได้กันไม่ให้เขามัโอกาสเข้าไปใกล้ตัว ส่วน JYP ได้เปิดเผยว่า นายอนไม่ได้รับอันตราย แต่เกิดความเครียดอย่างหนัก เนื่องจากชาย German ขึ้นเสียงและพยายามปะทะกับทีมรักษาความปลอดภัย ต้นสังกัดของเธอได้ยื่นคำร้องต่อศาลไม่ให้เขาเข้าใกล้ศิลปิน แต่ก็สามารถใช้บังคับได้เพียงชั่วคราว

เมื่อยิ่งได้รู้ความคิดของแฟนสุดคลั่งก็ยิ่งชวนหลอน เขาเชื่อว่าจะได้แต่งงานและมีลูกกับนายอน   พ่วงมาด้วยวีรกรรมปล่อยเบอร์โทรศัพท์ของแชยอง  สมาชิกอีกคนของ Twice   ทั้งตัวไอดอลสาวและแฟนๆต่างอกสั่นขวัญแขวนกันไปตามๆกัน  เพราะดูเหมือนว่า ซาแซงที่มุ่งร้ายผู้นี้จะรู้ความเคลื่อนไหวและข้อมูลส่วนตัวของพวกเธอ
 

สำหรับซาแซงแล้ว คุณอาจจะไม่สามารถคาดหวังเรื่องการใช้สามัญสำนึกได้เลย ชายผู้นี้ได้อ้างว่า ตัวเขาต่างหากที่เป็นเหยื่อการล่วงละเมิดจากJYP และนายอนเองก็ทั้วตกใจกลัวและอึดอัดที่ต้นสังกัดกระทำเช่นนี้ และยังกล่าวหาแฟนๆนายอนที่พยายามเป็นหูเป็นตาและหาข้อมูลเพื่อโจมตีเขาว่า กำลังบงการชีวิตไอดอลสาวสวย และกีดกันไม่ให้เธอได้พบรักอย่างมีความสุขกับเขา


ที่น่าหวาดหวั่นก็คือ มีรายงานว่า ซาแซงGerman มีฐานะร่ำรวยและใช้กำลังทรัพย์เพื่อตามรังควานนายอน เมื่อสื่อติดต่อสอบถามไปยังทนายก็พบว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะนำตัวเขามาขึ้นศาลเพื่อรับโทษ



อย่างไรก็ตาม ต้นสังกัดเริ่มหามาตรการต่างๆเพื่อป้องกันเหตุร้าย อย่างการเปิดเผย Blacklistแฟนที่มรพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของค่าย Big Hit ต้นสังกัดของ BTS บอยแบนด์ระดับโลกที่ถูกซาแซงสร้างความตึงเครียดมาแล้วหลายครั้ง

หรือจะเป็น JYP   ที่ประกาศเรื่องการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดแฟนที่ละเมิดสิทธิและความเป็นส่วนตัวของหนุ่มวง Stray Kids  เพื่อดำเนินคดีอย่างจริงจัง   เมื่อเปรียบเทียบกับไอดอล generation ก่อนที่ถูกตามหลอกหลอนไปถึงห้องนอนซ้ำกันหลายครั้ง  เรียกได้ว่า  การปกป้องศินปินในยุคปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาอย่างชัดเจน

วิ่งเข้าจูบ ทุ่มตัวเข้าใส่  ไล่ตามไม่ให้เหลือ space ล้วงจับอวัยวะ  นี่เป็นเพียงพฤติกรรมส่วนหนึ่งของซาแซงที่ไอดอลต้องคอยรับมือ   ยังมีเบื้องหลังอีกมากที่พวกเราไม่รู้  ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะได้เห็นบอดี้การ์ดของศิลปิน K Pop จัดการกับความคลั่งเกินเหตุของแฟนอย่างเด็ดขาดดุดัน



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE