รวบรวมนักแสดง"คุณลุง" ที่มีฝีมือทางการแสดงสุดประทับใจ #6🧑🎬

42 12
11.Colin Firth
เกิด:10 กันยายน 1960(ปัจจุบันอายุ60ปี)
บ้านเกิด:ย่านGrayshott เมืองHampshire ประเทศอังกฤษ
เข้าวงการตั้งแต่ปี1983
นักแสดงมาดอบอุ่นชาวอังกฤษ ที่เข้าวงการกับการแสดงละครเวที ก่อนมาเป็นที่รู้จักจากบทMr. Darcy จากมินิซีรีส์เรื่องPride and Prejudice เมื่อปี1995(ตอนนั้นกลายเป็น"สามีแห่งชาติ")
นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลออสการ์ จากการรับบทเป็นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่6 ในภาพยนตร์เรื่องThe King's Speech(2010)
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
ลุงFirth เกิดที่หมู่บ้านเล็กๆในย่านGrayshott พ่อกับแม่ทำงานเกี่ยวกับการศึกษา มีน้องสาวและน้องชายซึ่งมีอาชีพเป็นนักแสดงเช่นกัน
ช่วงสมัยเด็ก ลุงFirthก็ร่วมเดินทางกับพ่อแม่ไปที่ประเทศไนจีเรีย เนื่องจากงานที่พ่อแม่ได้รับมา ต่อมาก็ย้ายไปอยู่ที่เมืองSt.Louis รัฐMissouri สหรัฐเมริกาจนถึงอายุ11ขวบ เจ้าตัวได้กลับมายังประเทศอังกฤษ เพื่อเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมMontgomery of Alamein(ปัจจุบันมีชื่อว่าThe King's School) ช่วงที่เรียนที่นั่น เจ้าตัวถูกกลั่นแกล้งบ่อยๆ
จนช่วงที่ลุงFirth อายุได้14ปี ก็ได้เริ่มการเป็นนักแสดงแบบจริงจัง โดยได้เรียนระดับวิทยาลัยที่วิทยาลัยBarton Peveril Sixth Form College ซึ่งเจ้าตัวก็มีความสนใจเรื่องวรรณกรรมอังกฤษในขณะที่ศึกษาที่นั่น
หลังจากศึกษาจบ ลุงFirthก็ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงLondon เพื่อเริ่มอาชีพนักแสดง โดยเข้าร่วมที่National Youth Theatre พร้อมกับทำอาชีพเป็นพนักงานห้างขายเสื้อผ้าไปด้วย
ผลงานแรกเริ่ม
ลุงFirth เข้าวงการตั้งแต่ปี1983 จากการร่วมแสดงละครเวทีเรื่องAnother Country จนเมื่อละครเวทีเรื่องนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปี1984 เจ้าตัวก็รับบทเดิมจากฉบับละครเวที และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้แจ้งเกิดลุงRupert Everett ไปเป็นที่เรียบร้อย
โดยAnother Country เป็นละครเวทีแนวรักโรแมนติกชายรักชายที่มาก่อนกาล 
ช่วงปลายยุค80s จนถึงต้นยุค90s ลุงFirth ก็ร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์ที่ต้นทุนไม่สูงนัก ได้แก่Valmont(1989),The Hour of the Pig(1994) เป็นต้น
มินิซีรีส์เรื่องPride and Prejudice ก่อกำเนิด"สามีแห่งชาติ"แห่งเมืองผู้ดี
จนกระทั่งลุงFirth ดังเป็นพลุแตก ก็ตอนรับบทเป็นFitzwilliam Darcy หรือMr. Darcy ในมินิซีรีส์เรื่องPride and Prejudice ที่ออกอากาศทางช่องBBC1 เมื่อปี1995
นอกจากตัวมินิซีรีส์จะโด่งดังแล้ว ซีนที่Mr. Dracy ขึ้นจากฝั่งหลังจากลงว่ายน้ำกลางทะเลสาบก็กลายเป็นหนึ่งในซีนที่ลืมไม่ลงในประวัติศาสตร์โทรทัศน์อังกฤษเลยทีเดียว
ปลายยุค90s กับการร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์
อานิสงค์จากมินิซีรีส์เรื่องPride and Prejudice ทำให้ลุงFirth ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์สายรางวัลทั้งหมด2เรื่อง ได้แก่
  1. The English Patient(1996) ภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าที่ได้รับรางวัลออสการ์ทั้งหมด9สาขา เรื่องราวของพยาบาลสาวที่เป็นคนดูแลไข้ของผู้ป่วยชายที่ถูกไฟลวกทั้งตัว จนได้รับรู้ถึงความหลังของชายคนนี้ นำแสดงโดยคุณRalph Fiennes,คุณJuliette Binoche,ป้าKristin Scott Thomas,ลุงWillem Dafoe และลุงColin Firth
  2. Shakespeare in Love(1998) ภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่าย้อนยุค ที่ได้รับรางวัลออสการ์ทั้งหมด7สาขา เรื่องราวในจินตนาการของWilliam Shakespeare ที่ประกอบไปด้วยตัวละครสมมุติและบุคคลจริง นำแสดงโดยคุณJoseph Fiennes,คุณGwyneth Paltrow,ลุงGeoffrey Rush,คุณย่าJudi Dench,ลุงColin Firth และคุณBen Affleck
ผลงานภาพยนตร์ยุค2000s ที่มีครบรส
ลุงFirth ร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์เรื่องBridget Jones's Diary(2001)ซึ่งนำแสดงโดยคุณRenée Zellweger
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวรอมคอม(โรแมนติก-คอเมดี้) เรื่องราวของหญิงโสดเมืองผู้ดีวัย32 ที่เขียนเรื่องราวทุกๆอย่างลงในสมุดไดอารี่ จนกระทั่งมีชาย2คนเข้ามาในชีวิตของเธอ ความวุ่นวายจึงบังเกิด
ซึ่งลุงFirth รับบทเป็นMarc Darcy ซึ่งก็ยังวนเวียนกับนามสกุล"Darcy" เพราะว่าBridget Jones's Diary ฉบับนิยายนั้นได้รับอิทธิพลมาจากนิยายเรื่องPride and Prejudiceนั่นเอง
ลุงFirth กลับมารับบทนี้อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องBridget Jones's Diary:The Edge of Reason(2004) และBridget Jones's Baby(2016)
ปี2003 ลุงFirth ก็ร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์เรื่องLove Actually ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์โรแมนติก-คอเมดี้ ธีมวันคริสต์มาสที่โดนใจผู้ชม
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากมีนักแสดงร่วมงานมาคับคั่ง ได้แก่ ลุงHugh Grant,ลุงLiam Neeson,ป้าEmma Thompson,คุณLaura Linney,พี่Keira Knightley,ลุงBill Nighyแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้พี่Thomas Brodie-Sangster(ตอนนั้นใช้เครดิตทางการแสดงว่า"Thomas Sangster")แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการอีกด้วย
ปี2008 ภาพยนตร์เพลงเรื่องMamma Mia! ได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการ ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้จักกับวงABBA กลุ่มดนตรีสัญชาติสวีเดนที่โด่งดังในยุค70sมากขึ้น
เรื่องราวของ2แม่ลูกตระกูลSheridan ที่Sophie ผู้เป็นลูกสาวได้ตัดสินใจแต่งงานกับคู่หมั้น แต่เรื่องราวสุดอลวนก็เกิดขึ้น เมื่อมีชายทั้งหมด3คนเข้ามา โดยทั้งหมดได้อ้างตัวว่าเป็นพ่อของSophie
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยป้าMeryl Streep,พี่Amanda Seyfried,ลุงPierce Brosnan,ลุงColin Firth,ลุงStellan Skarsgård,ป้าJulie Walters และคุณDominic Cooper
10ปีต่อมา ภาพยนตร์เรื่องนี้มีภาคต่อที่ใช้ชื่อว่าMamma Mia! Here We Go Again(2018) โดยนักแสดงจากภาคแรกมากันครบ เพิ่มเติมคือมีป้าCher กับลุงAndy Garcíaมาร่วมแสดงด้วย และเรื่องราวของDonna Sheridanในวัยสาวที่รับบทโดยพี่Lily James 
นอกจากนี้ ลุงFirth ยังร่วมแสดงภาพยนตร์ในช่วงยุค2000s ได้แก่
  • Nanny McPhee(2005) ภาพยนตร์สำหรับครอบครัวสัญชาติอังกฤษที่ป้าEmma Thompson รับตำแหน่งทั้งเขียนบทและแสดงนำ นอกจากนี้ ลุงColin Firth,พี่Thomas Brodie-Sangster และคุณKelly Macdonald ก็มาร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้
  • A Single Man(2009) ภาพยนตร์ดราม่าที่เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของลุงTom Ford แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นภาพยนตร์ที่ลุงColin Firth ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก ในบทอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้โดดเดี่ยว
ได้รับรางวัลออสการ์จากการรับบทเป็น"สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่6"
The King's Speech(2010) เป็นภาพยนตร์ดราม่าอิงประวัติศาสตร์ที่กำกับโดยคุณTom Hooper โดยนำเรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่6 ผู้ซึ่งเป็นพระบิดาแห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 ในช่วงที่เข้ารับการขึ้นครองราชย์
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่6 กับLionel Logue นักอรรถบำบัดชาวออสเตรเลียที่ได้ช่วยพระองค์หายจากอาการพูดติดอ่าง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากละครเวที(คุณHooper ถนัดเอาละครเวทีมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชัดๆ) นำแสดงโดยลุงColin Firth,ลุงGeoffrey Rush,คุณHelena Bonham Carter,คุณGuy Pearce และลุงMichael Gambon
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์ไป4สาขา จากการเข้าชิงถึง12 สาขา ในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่83 ได้แก่
  • สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
  • สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม(คุณTom Hooper)
  • สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(ลุงColin Firth)
  • สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม(คุณDavid Seidler)
พลิกบทบาทมาบู๊จัดหนัก กับภาพยนตร์ชุดKingsman
เดิมทีKingsman เป็นการ์ตูนComic ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี2012 โดยธีมหลักเป็นแนวสายลับ ที่มาพร้อมกับGadget สุดเก๋และแอคชั่นสุดแพรวพราว
คุณMatthew Vaughn ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอังกฤษ จึงหยิบการ์ตูนComicเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยภาคแรกคือเรื่องKingsman:The Secret Service ที่เข้าฉายเมื่อปี2015
ลุงFirth พลิกบทบาทจากบทดราม่าและบทรอมคอม มาเข้าสู่บทบู๊แบบเต็มตัว กับการรับบทเป็นHarry Hart/Galahad หนึ่งในสมาชิกหน่วยสายลับKingsman
จากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ได้ไปต่อกับภาพยนตร์เรื่องKingsman:The Golden Circle(2017)
โดยลุงFirth ยังคงรับบทเป็นHarry Hart เช่นเคย ซึ่งการมาตัวละครตัวนี้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างความตกใจให้แก่ผู้ชมยิ่งนัก
นอกจากนี้ ลุงFirth ยังร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์ดังช่วงยุค2010s ได้แก่
  • Mary Poppins Returns(2018) ภาพยนตร์แฟนตาซีเคล้าเสียงเพลง ซึ่งเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องMary Poppins(1964) ซึ่งห่างกันประมาณ54ปี โดยพี่Emily Bluntมารับบทเป็นMary Poppins ร่วมด้วยพี่Lin-Manuel Miranda,พี่Ben Whishaw,ลุงColin Firth,ป้าJulie Walters และป้าMeryl Streep
  • 1917(2019) ภาพยนตร์สงครามอิงประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่1 ที่มีจุดเด่นด้านการถ่ายทำและงานภาพ กำกับโดยคุณSam Mendes นำแสดงโดยพี่Geoge MacKey,น้องDean Charles-Chapman,คุณMark Strong,พี่Richard Madden,ลุงColin Firth และคุณBenedict Cumberbatch
ชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวมาแล้วถึง2ครั้ง
ครั้งแรกมีอยู่ว่า ลุงFirth ได้คบหาดูใจกับป้าMeg Tilly ซึ่งร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องVermontด้วยกันเมื่อปี1989 จนได้ให้กำเนิดลูกชายเมื่อปี1990 แล้วย้ายไปอยู่ที่ประเทศแคนาดา แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็เลิกรากันเมื่อปี1994 โดยลุงFirth ต้องกลับบ้านไปพักรักษาใจที่ประเทศอังกฤษ
ครั้งต่อมา ลุงFirth ได้แต่งงานกับคุณLivia Giuggioli โปรดิวเซอร์หญิงชาวอิตาเลียน เมื่อปี1997 มีลูกด้วยกัน2คน แต่เมื่อปี2019 ทางสื่อบันเทิงได้ให้ข่าวว่าทั้งคู่แยกทางกันแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องจริง
12.Bryan Cranston
เกิด:7 มีนาคม 1956(ปัจจุบันอายุ65ปี)
บ้าเกิด:นครLos Angeles รัฐCalifornia สหรัฐอเมริกา
เข้าวงการตั้งแต่ปี1980
นักแสดง,ผู้กำกับ,โปรดิวเซอร์ และผู้เขียนบท ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากการรับบทเป็นWalter White ในซีรีส์เรื่องBreaking Bad(2008-2013) จนได้รับรางวัลEmmy Awards สาขานักแสดงนำชายประเภทซีรีส์ดราม่าทั้งหมด4ครั้ง(ในฐานะนักแสดง) และสาขาซีรีส์ดราม่า2ครั้ง(ในฐานะผู้กำกับ) และยังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ2สาขา
ชีวิตก่อนเข้าวงการ
ลุงCranston เป็นลูกคนที่2จากจำนวนลูกๆทั้ง3คน ของครอบครัวนักแสดง ซึ่งแม่เป็นนักแสดงละครวิทยุ ส่วนพ่อเป็นนักแสดงและอดีตนักมวยสากลสมัครเล่น
ลุงCranston มีปัญหาคาใจกับพ่อในช่วงเด็ก เมื่อพ่อตัดสินใจออกจากบ้านเมื่อเจ้าตัวอายุได้11ขวบ ซึ่งกว่าที่จะตามตัวพ่อได้นั้นก็ใช้เวลากว่า10ปี เมื่อเจ้าตัวกับพี่ชายได้ตามตัวพ่อกลับมา เจ้าตัวได้ปรับความเข้าใจกับพ่อจนถึงช่วงที่พ่อจากไปเมื่อปี2014(ดราม่ามาก)
ด้านการศึกษานั้น ลุงCranston จบการศึกษาระดับไฮสคูลจากโรงเรียนCanago Park High School โดยช่วงที่เรียนอยู่นั้น เจ้าตัวก็เป็นสมาชิกชมรมเคมีของโรงเรียน และจบการศึกษาระดับวิทยาลัยที่Los Angeles Valley College สาขาวิทยาศาสตร์ตำรวจ เมื่อปี1976
เข้าวงการช่วงแรกๆ กว่าจะเป็นที่รู้จัก
ลุงCranston เข้าวงการตั้งแต่ปี1980 ซึ่งช่วงนั้นยังเป็นนักแสดงโนเนม แทบไม่มีใครรู้จักเลย
ผลงานช่วงแรกๆของลุงCranston ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์เกรดB,รับเชิญให้กับซีรีส์ชื่อดัง รวมไปถึงงานภาพยนตร์ทางโทรทัศน์
จนกระทั่งเจ้าตัวได้มารับบทเป็นDr. Tim Whatley ในซิตคอมเรื่องSeinfeld โดยปรากฏตัวทั้งหมด5ตอน ตั้งแต่ปี1994 จนถึงปี1997 ทำให้มีงานด้านการแสดงที่มีคุณภาพมากขึ้นในภายหลัง
Malcolm in the Middle ซิตคอมครอบครัวที่ดันให้ลุงCranston เป็นที่รู้จักมากขึ้น
Malcolm in the Middle ซิทคอมครอบครัวทางช่องFox ที่โดนใจทุกคนในช่วงทศวรรษ2000s
โดยซิทคอมเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวที่มีลูกชายวัยอยากรู้อยากลอง แถมอัฉริยะไม่ใข่น้อยที่มีชื่อว่าMalcolm ด้วยความอัจฉริยะของMalcolm แต่ก็นำมาซึ่งความปวดหัวไม่น้อย
ซิทคอมเรื่องนี้ออกอากาศตั้งแต่ปี2000 จนถึงปี2006 รวมทั้งหมด7ซีซั่น ได้รับรางวัลEmmy Awards ไปทั้งหมด7รางวัล จากการเข้าชิงถึง33รางวัล
ดังเปรี้ยงสุดขีด กับซีรีส์เรื่องBreaking Bad
ซีรีส์เรื่องBreaking Bad เป็นซีรีส์อาชญากรรมทางช่องAMC Network ที่ทุกคนที่ได้ดูการันตีว่า"เป็นซีรีส์อาชญากรรมที่ดีที่สุด" ออกอากาศตั้งแต่ปี2008 จนถึงปี2013 รวมทั้งหมด5ซีซั่น
เรื่องราวของWalter White ครูวิชาเคมีที่ผันตัวเป็นเจ้าพ่ออาชญากรรม หลังจากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะที่3 โดยมีJesse Pinkman อดีตนักเรียนซึ่งเป็นพ่อค้ายาเสพติดร่วมหุ้นด้วย
นอกจากลุงCranston จะรับบทนำแล้ว เจ้าตัวยังร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ และกำกับซีรีส์เรื่องนี้ทั้งหมด3ตอน
ซึ่งความสำเร็จของซีรีส์เรื่องนี้ ทำให้ลุงCranston ได้รับงานแสดงในระดับคุณภาพมากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์
ซึ่งการสร้างเซอร์ไพรส์ของลุงCranston ที่ไม่มีวันลืมก็คือ... การปลอมตัวเป็นผู้ร่วมงานในงานSan Diego Comic-Con ประจำปี2013 ด้วยการใส่หน้ากากยางWalter Whiteไปปะปนกับผู้ร่วมงาน พอถึงคิวทีมงานและนักแสดงจากซีรีส์เรื่องBreaking Badขึ้นเวที เจ้าตัวก็ถอดหน้ากากเซอร์ไพรส์ทั้งทีมงานและผู้ร่วมงาน
โดยซีรีส์เรื่องนี้สามารถคว้ารางวัลEmmy Awards ไป14รางวัล จากการเข้าชิงทั้งหมด34รางวัล นอกจากนี้ ลุงCranston ยังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำไปถึง2รางวัล ได้แก่สาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม และสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ประเภทซีรีส์ดราม่า ในงานประกาศลูกโลกทองคำครั้งที่71
ผลงานภาพยนตร์ช่วงทศวรรษ2010s
อานิสงค์จากซีรีส์เรื่องBreaking Bad ทำให้ลุงCranstonร่วมแสดงให้กับภาพยนตร์ระดับคุณภาพมากขึ้น
ช่วงยุค90s เจ้าตัวเคยรับบทเล็กๆในภาพยนตร์เรื่องSaving Private Ryan(1998) และช่วงยุค2000s ก็รับบทสมทบในภาพยนตร์เรื่องLittle Miss Sunshine(2006)
แต่พอช่วงยุค2010s ลุงCranston ก็ได้รับบทบาทเป็น"ตัวละครรองแต่สำคัญ" ให้กับภาพยนตร์เรื่องดัง ได้แก่
  • Drive(2011) รับบทเป็นShannon เจ้าของร้านขายรถยนต์ที่สนิกกับชายนิรนาม(รับบทโดยพี่Ryan Gosling)
  • Argo(2012) รับบทเป็นJack O'Donnell ผู้มีส่วนรู้ร่วมคิดในการก่อเหตุชิงตัวประกันในอิหร่าน
  • Godzilla(2014) รับบทเป็นJoe Brody พ่อของFord Brody(รับบทโดยพี่Aaron Taylor-Johnson)นักวิทยาศาสตร์ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์โรงงานนิวเคลียร์ระเบิดเมื่อ15ปีก่อน
จนมาในปี2015 ภาพยนตร์ชีวประวัติของDalton Trumbo มือเขียนบทภาพยนตร์ระดับตำนานเรื่องTrumbo ที่ส่งผลให้ลุงCranston ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งแรกในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
งานให้เสียงในภาพยนตร์แอนิเมชั่นทางDreamWorks
ขึ้นชื่อว่าค่ายDreamWorks ซึ่งปัจจุบันสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเป็นหลัก จะทำภาพยนตร์ให้ถูกใจทุกคนเป็นเรื่องยาก และที่สำคัญคือ ผู้ให้เสียงจะต้องเป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียง และต้องให้มีเวลาตรงกัน
ลุงBryan Cranston ก็คือหนึ่งในนั้น ก็เคยให้เสียงตัวละครในภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากDreamWorks ถึง2เรื่อง ได้แก่
  • Madagasca 3:Europe's Most Wanted(2012) ให้เสียงเป็นVitaly เสือไซบีเรียที่เคยเป็นดาวเด่นในคณะละครสัตว์
  • Kung Fu Panda 3(2016) ให้เสียงเป็นLi Shan พ่อของPo(ให้เสียงโดยคุณJack Black) ปล.เคยเป็นCameo ในภาพยนตร์เรื่องKung Fu Panda 2(2011) แต่ใช้นักพาทย์มืออาชีพให้เสียง
พลิกบทบาทเป็นผู้พิพาทษาผู้ต้องปกป้องลูกชายในมินิซีรีส์เรื่องYour Honor
Your Honor เป็นมินิซีรีส์ทางช่องShowtime ที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์สัญชาติอิสราเอลเรื่อง"Kvodo" โดยออกอากาศตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์2021
เรื่องราวเกี่ยวกับผู้พิพาทษาแห่งNew Orleans ที่ลูกชายได้ไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม เขาจึงต้องสืบหาบางสิ่งที่จะทำให้ลูกชายหลุดพ้นจากคดีนี้
แต่มินิซีรีส์เรื่องนี้กลับได้รับคำวิจารณ์ไปในทางกลางๆ และยอดผู้ชมน้อยอย่างน่าใจหาย
ชีวิตครอบครัว
ลุงCranston แต่งงานรอบแรกกับป้าMickey Middleton เมื่อปี1977 แต่ได้หย่ากันเมื่อปี1982
พอปี1984 ลุงCranston ได้พบรักกับป้าRobin Dearden กลางกองถ่ายซีรีส์เรื่องAirwolf จนได้แต่งงานกันเมื่อปี1989 ทั้งคู่มีลูกสาว1คน คือTaylor Dearden Cranston(เกิดเมื่อปี1993)
ขอขอบคุณข้อมูลจากWikipedia


Panchud Thammachat

Panchud Thammachat

ป่านค่ะ ผู้ประสบปัญหาหน้ามันเป็นสิวซ้ำซากค่ะ ใครมีเคล็คลับอะไรดีๆ ช่วยแชร์ให้เราด้วยนะคะ
และยังมีบทความของดาราจากทั่วโลก แต่ไม่เน้นพวกบทความGossip ไม่มีการเหยียดสีผิว ไม่มีการเหยียดเชื้อชาติใดๆทั้งสิ้น

FULL PROFILE