[Review] Skincare Routine ที่ใช้ประจําช่วงนี้ สิวบุก หน้ําหมอง ต้องลองเลย
Chanita Simiwanich
83
28
WITH <strong>FYNE</strong> / เนื้อหานี้มีแบรนด์ที่ร่วมงานอยู่
สวัสดีค่าเพื่อนๆชาวจีบัน มาเปิดกรุ Skincare Routine กันหน่อยดีกว่า
กระทู้นี้มีทั้งตัวนี่เคยทำรีวิวไปแล้ว และยังไม่เคยทำนะคะ และวันนี้จะมาเม้ามอยไปพร้อมๆกัน
เนื่องด้วยจ๋าไม่เคยหรือเคยแต่น้อยมากที่จะบอกสภาพผิวของตัวเองให้ทุกคนทราบ
เดี๋ยววันนี้จะขอเกริ่นก่อนที่จะไปดูน้า ว่าแต่ละตัวจ๋าใช้อะไร ยังไง
สภาพผิวหน้า > ผิวผสม ค่อนข้างมันบริเวณ T-Zone
สีผิว > ขาวเหลือง
ปัญหาผิวหน้า > หน้ามันระหว่างวันง่าย มีรอยสิวและผดผื่น มีสิวอักเสบขึ้นมากบริเวณคางช่วงประจำเดือนมา
ที่ต้องบอกก่อนเพราะว่าบางทีจ๋าใช้หรือแนะนำให้เพื่อนๆ มันอาจจะไม่ได้เห็นผลแบบที่จ๋าได้
ขึ้นอยู่กับสภาพและปัญหาผิวของแต่ละคนด้วยนะคะ อันนี้ต้องพิจารณากันดูเอาเองด้วยน้า
อะ โอเคคค ไปเริ่มกันได้ !
Step แรกของสกินแคร์ แน่นอนว่าจะต้องเป็นเนื้อสัมผัสที่บางเบาที่สุด
น้ำตบ
Origins Dr.Andrew Weil For Origins Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion (200 ml.)
ราคา 1,800 บาท
ตัวนี้เรียกง่ายๆว่าน้ำตบเห็ด คนดีคนเดิมเจ้าดัง ใช้ยังไงก็ชอบ รีวิวถล่มทลายไปหมด น้องเค้าเป็นทรีทเมนท์โลชั่นสูตรน้ำ เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ช่วยเติมความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิวได้ดีมากๆ ขายดีอันดับ 1 ของแบรนด์เค้าเลยแหละ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น
ส่วนประกอบหลักๆ : อุดมด้วยคุณประโยชน์จาก เห็ดหลินจือ (Reishi)เห็ดถั่งเฉ้า (Cordyceps) เห็ด Chaga ที่ผ่านกระบวนการหมักเพื่อให้ได้สูตรที่ดีที่สุดต่อผิว ผสานการทำงานร่วมกับพืชสรรพคุณสูงซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) พร้อมแลคโตบาซิลลัสที่ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว
ความรู้สึกหลังใช้ : อย่างที่เคยรีวิวไปแล้วเลยนะคะ จ๋ารู้สึกว่าเค้าช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีมาก ให้ความชุ่มชื้นได้ดี พวกสิวผดก็ลดลงเรื่อยๆ ไม่มีอาการแพ้ใดใด รู้สึกผ่อนคลายดีเวลาตบๆไปบนผิว
ต่อมาก็เป็นเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นขึ้นมานิดนึงงงงง
เซรั่ม
Kiehl’s Clearly Corrective Dark Spot Solution (50 ml.)
ราคา 3,550 บาท
เซรั่มลดรอยลูกรัก เอาจริงๆก็ยังไม่มีตัวไหนมาแทนนางได้นะ นางลดรอยสิวได้ดีมากกก รอยสิวจางไว แถมช่วยทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นด้วยน้า เนื้อสัมผัสเป็นน้ำใสๆ ค่อนข้างเข้มข้นนิดนึงไม่ใช่แบบเนื้อน้ำ ซึมไว ไม่เหนียว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น
ส่วนประกอบหลักๆ : Activated Cส่วนผสมออกฤทธิ์รุ่นใหม่ ช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดรอยจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ สารสกัดจากWhite Birchส่วนผสมที่ได้จากน้ำตาล ช่วยในการฟื้นฟูระดับน้ำและสารอาหารในผิว สารสกัดจากดอกโบตั๋นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับActivated Cเพื่อแก้ไขการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไปของผิว และวิตามินซีสกัด ช่วยผลัดเซล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ อย่างอ่อนโยน
ความรู้สึกหลังใช้ : รอยสิวจางลงไวมากกกกกก ยิ่งถ้าเป็นรอยสิวใหม่ๆนะไม่กี่วันก็จางแล้ว ปลื้มมากจริงๆ ส่วนรอยเก่าๆก็อาจจะต้องใช้เวลาหน่อยนะคะ เรื่องของรอยสิวนี่ต้องใจเย็นๆจริงๆ พยายามอย่าไปอะไรมากเดี๋ยวเค้าก็ค่อยๆจางลงไปเอง บำรุงไปเรื่อยๆค่ะ อ้อ แล้วก็รู้สึกว่าผิวมันเนียนๆขึ้นด้วยนะ จับผิวแล้วลื่นๆดี
มาต่อกันที่เนื้อเซรั่มที่เข้มข้นขึ้นมาอีกหน่อย
เซรั่ม
FYNE Skin Barrier+ Prebiotic Serum in Cream (50 g.)
ราคา 1,390 บาท
ตัวนี้เป็นน้องใหม่ของกรุเลยจ้า เพิ่งได้มาลอง ทนรีวิวไม่ไหว เค้าช่วยฟื้นฟูบำรุงผิว และเป็นเกราะป้องกันผิวเพื่อปกป้องมลภาวะ สารก่อระคายเคือง และลดปัญหาผิวต่างๆ ลดรอยดำ รอยแดง เติมความชุ่มชื้น รักษาสมดุลของน้ำใต้ผิว เอาง่ายๆเลยนะ ตัวนี้รับจบทุกปัญหาผิวจริงๆ ไม่มีซิลิโคน สีสังเคราะห์ แอลฯ น้ำหอม พาราเบน มิเนอรัลออย สาร SLS SLES สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น สุดจะปังเลยแม่ เพราะแบบนี้แหละถึงตัดสินใจที่จะลองน้องเค้า
แอบบอกว่าเค้าปรับสูตรใหม่ด้วยนะคะ
x10 Centella Asiantica
- x5 Ceremide Types (เพิ่มเซราไมด์ 5 ชนิดที่จำเป็นต่อผิว)
- Liposomal Delivery System (ระบบนำพาสารให้ซึมลงสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น)
ปังไม่ไหวเลย ตาแตกมากกกกกกกกก
ส่วนประกอบหลักๆ : เสริมสร้าง Natural Skin Barrier ให้แข็งแรงสมบูรณ์ด้วย
Skin’s Lipid Barrier ด้วย เซราไมด์ คลอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ โอเมก้า-3
Skin’s Moisture Barrier ด้วยการ เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก โดยการเสริมสาร Natural Moisturising Factors (NMFs) ซึ่งประกอบด้วย อนุพันธ์ของไฮยาลูรอนิคเอสิด 4 ขนาดโมเลกุล กรดอะมิโน 11 ชนิด พีซีเอ โซเดียมพีซีเอ โซเดียมแลคเตต
Skin’s Microbiological Barrier (จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์) เจริญเติบโตได้ดีอย่างสมดุล เพื่อควบคุมสภาวะของ จุลชีพบนผิวให้เป็นไปอย่างสมดุลตามธรรมชาติ สารแอนตี้ออกซิเดนท์จากธรรมชาติ ใบบัวบกเข้มข้น ดอกคาโมมายล์ ว่านหางจระเข้ อัลลันโทอิน ช่วยปลอบประโลมผิว ที่ไวต่อการระคายเคือง
ความรู้สึกหลังใช้ : อันนี้ขออวยหน่อย คือเราน่ะไม่เคยใช้ครีมพวก Skin Barrier เท่าไหร่เลย และเห็นว่า FYNE มาแรงจริงช่วงนี้ จนได้มาลองก็รู้สึกว่าเออมันดีจริงนะ ผิวหน้าเราเหมือนได้รับการฟื้นฟูดีมากๆ ก่อนใช้เราจะมีพวกผดเล็กๆ สิวเม็ดเล็กๆเต็มเลยช่วงหน้าแก้ม พอได้ลองตัวนี้คือพวกนางค่อยๆยุบหายไปหมดเลย คืออาจจะเป็นเพราะน้องเค้าส่วนนึงด้วย แต่ก็คิดว่าเค้าไปช่วยเสริมให้สกินแคร์ตัวอื่นๆทำงานได้ดีขึ้นด้วยอะ ทุกอย่างมันเลยดูลงตัวไปหมด อันนี้ดีงามจริง ต้องให้
มาในตัวสุดท้าย เนื้อสัมผัสแบบครีม ซึ่งตัวนี้ค่อนข้างจะเข้มข้นมากด้วย
มอยเจอร์ไรเซอร์
Kiehl's Ultra Facial Cream (50 ml.)
ราคา 1,400 บาท
มอยเจอร์ไรเซอร์ขายดีของแบรนด์เลยตัวนี้ ขั้นสุดของการบำรุงผิวคือการเติมความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ความชุ่มชื้นสำคัญมากนะคะ ต้องห้ามขาดการบำรุงในส่วนนี้เลยน้า และน้องคนนี้ก็ยังช่วยปรับความสมดุลให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้นด้วย ปราศจากส่วนประกอบของพาราเบนคาร์บาไมด์ และที. อี. เอ T.E.A. ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น
ส่วนประกอบหลักๆ : Antarcticine ไกลโคโปรตีนจากธารน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกา Imperata Cylindrica สารสกัดจากพืชทะเลทรายพื้นเมืองในชนบทของออสเตรเลีย Squalane (Avocado Oil) น้ำมันอโวคาโดช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว Tocopherol วิตามินอี จากธรรมชาติ
ความรู้สึกหลังใช้ : แน่นอนว่าผิวชุ่มชื้นขึ้นทันที หน้านุ่มๆ จะว่าไปก็ขาดไม่ได้เหมือนกัน
ผลลัพธ์หลังใช้
และนี่ก็เป็นผิวหน้าที่ใช้สกินแคร์เซตนี้จ้า บอกเลยว่าปังปุริเย่สุดๆ ผิวมีความกระจ่างใสขึ้น และละเอียดขึ้นมากๆ รูขุมขนกระชับ ผิวอิ่มฟู โดยรวมคือมันดีมากกกกกกก สิวก็ลดลงเรื่อยๆด้วยน้า
เป็นยังไงกันบ้างกับ Skincare Routine ของจ๋า ถูกใจตัวไหนกันบ้างมั้ยคะ
หรือมีเพื่อนๆคนไหนใช้เหมือนกันมั้ยน้า มาเม้ามอยกัน
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ : )