แจกแจงรายจ่ายของ Britney ภายใต้ระบบ Conservatorship

52 13

สังคมตั้งคำถาม รายได้ของ Britney หายไปไหนหมด ?
เมื่อเปรียบเทียบกับศักดิ์ศรีความเป็นsuperstar  หลายฝ่ายได้แสดงความสับสนเมื่อมีการเปิดเผยทรัพย์สินโดยรวมของเธอออกมา   เมื่อนับถึงความสำเร็จจากงานดนตรีที่สร้างปรากฏการณ์ทุบสถิติจากอัลบั้มแรก และยังมีแฟนๆที่สนับสนุนเธออย่างภักดีไม่เปลี่ยนแปลงมาสองทศวรรษ  โดยเฉพาะหลังจากที่รับรายได้จากการแสดงที่ Vegas   นอกจากนั้น  ก่อนจะเปิดเผยว่า ถูกจำกัดวงเงินให้ใช้จ่ายเป็นรายสัปดาห์และต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เพื่อจะเข้าถึงทรัพย์สินของตัวเองได้  หลายคนเข้าใจว่า เธอมี lifestyle หรูหราไม่แตกต่างจากคนดังที่ประสบความสำเร็จอื่นๆ  ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยราคาหลายล้านเหรียญ  ทริปพักผ่อนหย่อนใจระดับ 5ดาว  การเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว  ทีมรักษาความปลอดภัย  

แต่ตัวเลขโดยประมาณของทรัพย์สิน Britney กลับอยู่ที่ $60 ล้าน...


หากจะนำข้อมูลมาทำให้มองภาพชัดเจนขึ้น มีผู้ได้ยก Christina Aguilera และ Jessica Simpson ศิลปินสองสาวที่เคยเปรียบเทียบกับ Britney ในยุค 2000s พวกเธอพบกับประสบความสำเร็จในทิศทางที่แตกต่างกัน Christina ส่งผลงานดนตรีออกมาเรื่อยๆ และมีบทบาทสำคัญจากการเข้าร่วมเป็น coach ในรายการ The Voice ส่วน Jessica อาจจะเงียบหายจากวงการดนตรีแต่ก็หันมาสร้างธุรกิจ เมื่อมองทรัพย์สินของศิลปินสองสาวก็เป็นรายได้มากกว่า Britney มากกว่าร่วมร้อยล้านเหรียญ ทั้งๆที่เจ้าหญิงเพลง pop สร้างยอดขายอัลบั้มและตั๋วคอนเสิร์ตได้สูงกว่าพวกเธอมาโดยตลอด ทั้งยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนดังที่ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยและเลิศหรูเกินฐานะ


ตัวเลข 60ล้าน อาจจะห่างไกลกับคำว่าขัดสน และทำให้หลายคนใช้ชีวิตได้อยู่เหนือคำว่าสุขสบายไปทั้งชีวิต แต่เมื่อนำมาพ่วงต่อสถานะ superstar ของ Britney สื่อดังก็พาดหัวตรงกันว่ามันน้อยในระดับ shocking เลยทีเดียว!



รายได้ของ Britney มาจากที่ไหน ?

ตามเอกสารทางศาลที่สื่อได้เปิดเผยออกมาว่า Britney พยายามต่อสู้เพื่อให้หลุดพ้น conservatorship มาหลายปีแต่ถูกเพิกเฉยมาตลอด เธอจึงยืนยันเพื่อพักงานมาตั้งแต่ปี 2019 เพียงปี 2018 เธอกวาดรายได้30ล้านดอลลาร์จากการตกลงทำสัญญาแสดงที่Vegas งานเพลง รวมถึงรายได้จากการออกทัวร์ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2013-2017 เมื่อนำมารวมกับทรัพย์สินเดิมที่ Forbes ได้คำนวณไว้ในปี 2017ว่าอยู่ที่ราวๆ 103 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ส่งผลงานเพลงใหม่และขึ้นแสดงเป็นเวลานาน แต่รายรับที่เข้ามาจากลิขสิทธิ์เพลงเดิมก็น่าจะทำให้มีเงินงอกเงยมากเกินร้อยล้าน


ก่อนที่จะมีความเคลื่อนไหว Free Britney รวมถึงการเปิดใจล่าสุดจากปากเจ้าตัวเพื่อยืนยันถึงชีวิตที่ถูกควบคุมบงการจนไร้อิสระ (อย่าว่าแต่เรื่องการใช้จ่าย แม้แต่ความปรารถนาจะมีลูกของเธอก็ถูกโยนทิ้งไป) สังคมยังไม่แน่ใจเรื่องปัญหาภายในเกี่ยวกับ conservatorship สุดฉาว ทั้งพ่อและสมาชิกครอบครัวของBrit เคยได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นเหมือนกับฮีโร่ผู้กอบกู้ชีวิตที่คอยสนับสนุนให้เธอตัดขาดจากกพวกฉวยโอกาสเข้าหลอกใช้เธอ และทำให้เธอรักษาตัวจากโรคทางจิตเวชและเหล้ายา จนกลับมาสร้างชื่อเสียงรายได้ล้นหลามไม่ต่างจากความรุ่งโรจน์ในยุค 2000s


แต่เป็นที่สังเกตได้ชัดเจนว่า Brit เปรียบเหมือนกับดวงดาวฉายแสงเจิดจ้าและเป็นที่ต้องการสูงมาก ในปี 2012 รายการ The X Factor ทุ่มเงินให้เธอสูงถึง 15 ล้านเหรียญเพื่อมาร่วมเป็นกรรมการ นั่นย่อมทำให้พวกเราเชื่อว่า ย่อมมีผู้เสนอ deal ต่างๆให้กับ Brit เพราะชื่อของเธอย่อมการันตีเรื่องการดึงดูดความสนใจของแฟนๆได้อย่างไม่ต้องกังวล

แต่ Brit ถือเป็น superstar ที่ปลีกตัวสันโดษไม่น้อยเลย คุณจะไม่ได้พบเธอใน fashion weekหรือโพรโมทตัวเองในฐานะ influencer เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คน(และนายทุน) เธอปรากฏตัวในงานพรมแดงค่อนข้างน้อย ทั้งๆที่ไม่ว่าผู้จัดคนใดก็คงตื่นเต้นดีใจที่เธอยอมมาปรากฏตัวในอีเวนท์ ในขณะที่เพื่อนร่วมวงการจะต้องวางแผน PR อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้หลุดจากวงโคจรความโด่งดัง และจำเป็นต้องสร้างกระแสเพื่อนำมาสู่สัญญามูลค่าสูงลิบลิ่วกับแบรนด์ดังที่หวังใช้คนดังเป็นจุดขาย (ศิลปินดังหลายคน แค่ post ถึงสินค้าเดียวบน Instagram ก็ทำรายได้หลายแสน) แต่ในทางกลับกัน งานบางชิ้นของ Brit จะได้รับการโพรโมทน้อยจนดูผิดสังเกต

ในขณะที่คนรุ่นใหม่จะให้ความสำคัญกับยอดผู้ติดตามและ engagement ทาง social media และแห่ซื้อสินค้าที่คนดังนำเสนอ    แต่น้ำหอม  Britney  อันโด่งดังนั้นขายดิบขายดีติดต่อกันเป็นเวลานาน  มีรายงานว่า ธุรกิจตัวนี้มีมูลค่าเป็นพันล้านดอลลาร์ มีรายงานว่าเธอขายได้เป็นร้อยๆล้านขวด  (Hollywood Reporter ยืนยันว่า Curious ขายไปได้เกินห้าร้อยล้านขวดตั้งแต่ถูกปล่อยตัวมา  นอกจากจะเป็นน้ำหอมมาแรงสุดๆในหมู่น้ำหอม celeb  ก็ยังเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของน้ำหอมแบรนด์เนมและคว้ารางวัลมาแล้ว)  
Brit ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขายน้ำหอมไปเกินห้าสิบล้าน และนั่นเป็นยอดขายสูงปรี๊ดมาก่อนที่ social media จะมีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากแบบทุกวันนี้ น้ำหอม Britney ถูกปล่อยสู่ท้องตลาดทุกๆปี ถึงขั้นที่เคยมีสื่อวิเคราะห์มาก่อนว่า ถึงเธอจะไม่ทำงานดนตรี แต่ก็ยังกอบโกยรายได้จากตรงนี้แล้วอยู่แบบสวยๆรวยๆไปได้สบาย



อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินของ Britที่ดูลดฮวยฮาบจากความคาดหมายของผู้คนออกมา ก็มีความเป็นห่วงจากแฟนๆที่ไม่อยากจะเห็นเธอต้องเข้าสู่เส้นทางแห่งความระทมของตำนานอย่าง Judy Garland ที่ถูกฉกฉวยหาผลประโยชน์และฝืนใจให้ทำงานหนักมาทั้งชีวิต แต่ต้องจบชีวิตไปพร้อมกับโศกนาฏกรรมและสภาวะหนี้สินและความตกต่ำในอาชีพการงาน เรื่องราวของสิ่งที่ Brit ได้เผชิญมาอาจจะแตกต่างไป แต่หลายคนกังวลว่า ทรัพย์สินที่มีอยู่ในขณะนี้ถูกละลายหายไปพร้อมกับค่าใช้จ่ายสูงลิบลิ่วเพราะเธอถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ไม่สามารถตัดสินใจทำธุรกรรมทางกฎหมายด้วยตัวเอง และจำเป็นจะต้องมีผู้พิทักษ์





ค่าตอบแทนสำหรับพ่อแท้ๆในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์
ข้อมูลจาก Forbes

นี่คือตัวเลขคร่าวๆที่ Brit ต้องจ่ายให้พ่อ

เงินเดือน 16,000 ดอลลาร์ เป็นระยะเวลา 12 ปี รวมแล้ว 2.4 ล้านดอลลาร์

ส่วนแบ่ง 1.5% จากรายได้ตั๋วคอนเสิร์ตและสินค้าที่ระลึกต่างๆ คำนวณแล้วเป็นเงิน 2.1 ล้าน

ย้อนไปเมื่อปี2011 ได้รับค่า commissionจากทัวร์ Femme Fatale ซึ่งน่าจะได้รับไปอย่างน้อย 500,000ดอลลาร์

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างค่าเช่าออฟฟิศของพ่อ ถูกตีไปราวๆ 300,000ดอลลาร์



Forbes ได้รวบรวมเอกสารๆต่างๆแล้วคำนวณออกมาว่า ตั้งแต่ปี 2008 Brit จ่ายเงินให้พ่ออย่างน้อยห้าล้านเหรียญ นอกจากนั้น เมื่อเธอร้องขอต่อศาลให้เปลี่ยนผู้พิทักษ์มาเป็น Jodi Montgomery อย่างถาวร าก็ได้ยื่นคำร้องให้เธอจ่ายค่าทนายให้กับเขาเมื่อรวมกับค่าดำเนินทางการกฎหมายอื่นๆเกือบๆสองล้านเหรียญ ซึ่งได้รับคำอนุมัติจากศาลไปแล้ว

เมื่อ superstar ได้รับคำสั่งให้มีผู้พิทักษ์ มันก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่ชวนฟังน่าตกใจ ที่ผ่านมานั้น เธอไม่ได้มีพ่อเป็นผู้พิทักษ์เพียงคนเดียว และต้องคอยไล่จ่ายค่าทนายให้กับผู้พิทักษ์คนอื่นอีกด้วย

แต่กลับหลายเป็นว่า เธอต้องกัดฟันจ่ายเงินให้กับคนเหล่านี้พร้อมกับฝืนทนกับภาวะบีบคั้น ในบางครั้งถูกยึดบัตรเครดิต  จำกัดการใช้จ่ายที่ไม่สมกับการทุ่มเททำงานสร้างฐานะมาหลายปี   หากไม่ยินยอมทำตามคำสั่ง ก็ได้รับคำขู่ตัดสิทธิ์ในการเข้าถึงการพบเจอลูก  รวมถึง luxury ต่างๆที่เธอควรค่าอย่างการบำรุงความสวยความงาม และทริปพักผ่อนหย่อนใจ


รายจ่ายเพื่อการดำเนินการทางกฎหมายที่ดูดเงินออกจากบัญชีอย่างต่อเนื่อง

ไม่ได้มีการเปิดเผยเอกสารเพื่อยืนยันตัวเลขค่าดำเนินการทางกฎหมายทั้งหมดตลอดระยะเวลา 13 ปี แต่เมื่อสองปีก่อนก็มีการเปิดประเด็นสร้างความฮือฮาถึงรายจ่ายที่ Brit หมดไปกับค่าทนายของตัวเองและยังมีทนายของผู้พิทักษ์ ตามที่หลายคนได้ทรายว่า ค่าใช้จ่ายรายชั่วโมงของทนายเซเลบนั้นแพงจนคนทั่วไปรู้สึกขยาด แต่สถานการณ์ของ Brit นั้นน่าใจหายกว่ามาก เพราะช่วงเวลาหลายปีที่พยายามต่อสู้เรื่อง conservator เธอก็ต้องจ่ายค่าทนายให้กับผู้ที่สร้างความเจ็บปวดให้ เรียกว่าเสียเงินตัวเองไปมากมายเพื่อให้พ่อของเธอได้รับความเห็นชอบจากผู้พิพากษาให้มีสิทธิ์ควบคุมเธอต่อไป

โดยเฉพาะทีมกฎหมายของเธอเองที่ได้รับค่าตอบแทนไปเป็นล้าน แต่ผลงานของพวกเขาคือการเหนี่ยวรั้งให้เธอยอมรับชะตากรรมโดยไม่ชี้แจงให้รู้ถึงวิทธิอันชอบธรรม ดังคำวิงวอนต่อศาลว่า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามีสิทธิ์จะเรียกร้องให้ตัวเองหลุดจากสถานภาพมีผู้พิทักษ์ได้ เมื่ออยากจะเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ความจริง Samuel D. Ingham III ทนายของเธอกลับโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ และบอกว่ามันจะเป็นผลเสียต่อเธอ   อดีตคนรักยังยืนยันว่า Britney ร้องขอทนายให้ช่วยเหลือเพื่อจะได้พ้นจากสภาพบุคคลที่ต้องมีผู้พิทักษ์สัปดาห์ละหลายครั้ง แต่เขากลับไม่ใยดี ทั้งๆที่มันเป็นงานของทนายที่จะต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของลูกความ


หากจะให้ยกตัวอย่างว่า Brit ต้องใช้เงินไปมากแค่ไหนกับการจ้างทีมกฎหมาย ในปี 2019 แค่ปีเดียว เธอต้องจ่ายแบบปัดตัวเลขเป็นตัวกลมไปถึง 1,200,000ดอลลาร์  และสื่อรายงานว่า ตั้งแต่ปี 2008   Brit ได้จ่ายค่าตอบแทนให้กับ Ingham ผู้เดียวไปถึง 3,000,000 ดอลลาร์!
Samuel D. Ingham III  ทนายที่ทำงานร่วมกันมา 12 ปี  แต่ถูกกล่าวหาว่าปั่นหัวBrit ด้วยการอำพรางความจริง

Adam Streisand ได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Samuel D. Ingham III ทนายที่มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ให้กับ Britney มาตลอด 12 ปี หลังจากที่เขาเคยว่าความให้กับ Britneyในปี2008 เพื่อแย้งต่อคำสั่งศาลให้เธอกลายมาเป็นบุคคลที่ต้องมีผู้พิทักษ์ คือพ่อและทนายอีกคนของเธอคือ Andrew Wallet* แต่ก็ไม่ประสบผล นั่นหมายความว่า เธอรู้สึกต่อต้านมาตั้งแต่เริ่มแรก


" เธอไม่อยากถูกพ่อคอยบงการชีวิตของเธอ มันเป็นข้อเรียกร้องเดียว ผมพยายามเป็นตัวแทนให้เธอในเรื่องนี้ ทำไม Sam Ingham ต้องใช้เวลาถึง 12ปี? ถ้าผู้พิพากษาเชื่อว่าเธอควรมีทนายคนอื่น  ผมก็ไม่ว่าหรอก แต่การเป็นตัวแทนเพื่อผลประโยชน์ของลูกความมันเป็นหน้าที่สำคัญของทนายนะครับ"




* ทนายที่ถูกแฟนคลับBrit กล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดใช้ประโยชน์จากเธอ




จากภาพคือ  Adam Streisand ที่ศาลย้อนไปเมื่อปี 2008 เขาพลาดหวังจากการร้องขอผู้พิพากษาให้ถอดพ่อของ Brit และทนายออกจากการเป็นผู้พิทักษ์

"ผมไปที่ศาลแล้วผู้พิพากษาได้กล่าวว่า ฉันจะไม่ให้คุณทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเธอ ผมคิดว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้อง" นั่นเป็นเพราะ จากการพบปะพูดคุยกับ Britney เขาเชื่อว่าเธอดูมีสติและมีความสามรรถเพื่อตัดสินใจอย่างเต็มที่ แต่ผู้พิพากษานำผลรายงานทางการแพทย์มาโต้แย้ง และเลือก Ingham มาเป็นทนายของเธอแทน

มีรายงานว่า ทันทีที่ Britneyให้การเรื่องที่เธอไม่รู้มาก่อนว่าสามารถร้องขอต่อศาลเพื่อให้ยุติ conservatorshipได้ Ingham ก็แสดงท่าทีไม่คาดคิด เพราะมันไ้สื่ออย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้แจ้งให้ลูกความเข้าใจในสิทธิ์ของตัวเองและยังเพิกเฉยต่อความต้องการของเธอมานาน นั่นน่าจะอธิบายได้ว่า เหตุใดในช่วงเริ่มต้นของ การพิจารณาคดีครั้งนี้ ทีมทนายของ Brit จึงแสดงความกังวลต่อศาลในถึงการเปิดเผยเนื้อหาไปยังสาธารณชน ดูเหมือนว่า พวกเค้าจะมีชนักปักหลังอันเบ้อเริ่มนั่นเอง!



ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

อาจจะไม่มีการตีมูลค่าเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของ Britney อย่างชัดเจน แต่จากสถานะความเป็นคนดังระดับ top ทั้งจิตแพทย์และนักบำบัดของเธอนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง จิตแพทย์ผู้ล่วงลับที่ทำหน้าที่บำบัดรักษาเธอมาหลายปีนั้นถูกเรียกว่า คุณหมอเซเลบ ด้วยโพรไฟล์การศึกษาจาก Harvard และชื่อเสียงจากการเป็น life coach ให้กับนักกีฬา NBA ประพันธ์หนังสือ bestseller ค่าใช้จ่ายในการพบจิตแพทย์ของ Brit ย่อมไม่ใช่ราคาน้อยๆ

แต่เธอได้เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า  ช่วงเวลา 11  ปีที่ศาลมีคำสั่งให้จิตแพทย์ผู้นี้เป็นผู้บำบัดรักษาและประเมินทางจิตเวชเพื่อนำผลมาพิจารณาเรื่อง  conservator นี้ เธอเชื่อว่าได้เข้าสู่ขั้นตอนรักษาที่ abusive   รวมไปถึงการจัดยาลิเธียมที่ส่งผลกระทบต่อเธออย่างหนัก  จนถึงขั้นที่เมื่อเธอได้รับข่าวว่าเขาเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน ก็โล่งใจจนต้องคุกเข่าขอบคุณพระเจ้า


แต่หลังจากนั้น เธอก็พบว่า ตัวเองไม่ได้รู้สึกไว้วางใจในตัวนักบำบัดคนใหม่ ทีมยื่นคำขาดให้เธอเข้ารับการบำบัดสัปดาห์ละสามครั้ง และเธอต้องจำใจไปในสถานที่ที่มี paparazzi คอยดักรอถ่ายภาพ สร้างความอับอายเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ย ถึงจะป่วยก็ยังต้องไป เพราะจะถูกขู่ต่างๆนานา รวมไปถึงข้อมูลที่ทำให้แฟนๆตะลึง เมื่อเธอเล่าถึงการต้องใช้ชีวิตร่วมกับพยาบาลถึงหกคนในบ้านของเธอ คนกลุ่มนั้นถูกส่งตัวมาเพื่อจับตามองเธอ ไม่ยินยอมให้ขึ้นรถไปที่ไหน หรือมีความเป็นส่วนตัว

ทุกอย่างที่บรรยายมานั้นเป็นรายจ่ายก้อนโตที่ Brit ต้องรับผิดชอบ   แทนที่จิตใจของเธอจะได้รับการเยียวยาจากการทุ่มเงินไปมากมาย แต่เธอกลับต้องนอนไม่หลับ ร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจทุกๆวัน     



ค่าเลี้ยงดูให้กับสามีเก่าและลูกๆ


บางคนอาจมองว่า นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรายจ่าย conservatorship  แต่ตราบใดที่  Brit ยังถูกตัดสินให้เป็นบุคคลที่ไร้สมรรถภาพ    ย่อมถูกทนายของสามีเก่านำมาเป็นเหตุผลเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่เขาต้องการ   ในเมื่อเขามีสิทธิ์ทางกฎหมายในการขอรับค่าเลี้ยงดูเพราะมีรายได้น้อยกว่ามาก     คำว่าไร้สมรรถภาพ และไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากผู้พิทักษ์ได้จะถูกนำมาต่อรองในการแบ่งสิทธิ์การเลี้ยงดูและเพิ่มค่าเลี้ยงดูดังข่าวเกรียวกราวเมื่อสองปีก่อน

ฝ่ายพ่อเรียกร้องเพิ่มค่าเลี้ยงดูอีกเกือบเท่าตัว ก่อนการเจรจานอกศาลและได้รับตัวเลขที่พอใจ
จากความสำเร็จใน Vegas show ของ Britney      อดีตสามีและพ่อของลูก Kevin Federline ได้เล็งเห็นว่า เขาควรจะได้รับเงินค่าเลี้ยงดูรายเดือนจากเธอเพิ่มขึ้นจาก 35,000 ดอลลาร์ เป็น 60,000 ดอลลาร์เพราะเขาไม่มีรายได้เพียงพอจะส่งเสียลูกๆที่เข้าสู่วัยทีน   (  จนถึงปัจจุบัน เขามีลูกกับคนรักเก่าและภรรยาคนปัจจุบันรวม 6 คน)


แน่นอนว่า  Brit ที่ไม่สามารถตัดสินในในเรื่องทางกฎหมายด้วยตัวเองมีทีมที่ทำหน้าที่ต่อรองเรื่องการเพิ่มค่าเลี้ยงดูให้กับ Kevin  และมีรายงานว่า การเจรจากันนอกศาลนั้นทำให้ฝ่ายอดีตสามีได้รับตัวเลขที่พอใจ  นอกจากนั้น  เธอยังต้องจ่ายค่าดำเนินการทางกฎหมายให้กับเขาเกินกว่าแสนดอลลาร์


ทนาย Kevin เผย  หาก conservatorship จะยุติลง Kevin อาจจะเรียกร้องขอข้อมูลเรื่องผลวินิจฉัยทางจิตเวชของอดีตภรรยาที่ได้รับยาลิเธียมมาก่อน
 Kevin เป็นอีกคนที่แสดงท่าทีสนับสนุน Brit ในการต่อสู้เพื่อให้พ้นสภาพที่ต้องมีผู้พิทักษ์   แต่ในเวลาเดียวกัน ทนายของเขาก็แสดงความกังวลต่อการวินิจฉัยโรคทางจิตเวชของแพทย์คนเก่าที่จัดยาลิเธียมให้กับเธอ  และลูกความของเขาก็ต้องการจะทราบที่มาที่ไปของอาการป่วยที่ทำให้จิตแพทย์สั่งยาตัวนี้ให้


Brit จะต้องจ่ายเงินให้กับอดีตสามีไปเรื่อยๆจนกว่าลูกๆจะอายุครบ 18 -19 ( หรือจบ high school)

แฟนเก่าของ Brit เผยว่า เพราะหวาดกลัวที่จะกีดกันไม่ให้เจอกับลูกๆ เธอจึงเลือกปิดปากว่าถูกปฏิบัติย่ำแย่เช่นไร เธอร้องขอให้แฟนของเธอได้รับสิทธิ์ในการขับรถพาเธอไปตามสถานที่ต่างๆ   และน่าจะชี้ชัดว่า เพราะความกลัวที่จะไม่ได้อยู่กับลูกๆนี่เองที่ทำให้เธอก้มหน้าก้มตาแบกรับค่าใช้จ่ายมากมายเพื่อใช้ชีวิตที่ไร้อิสรภาพ    

ถึงตอนนี้ พ่อของ Brit และผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิทักษ์ของเธอเริ่มออกมากล่าวโทษกัน ต่างฝ่ายต่างปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้บังคับฝืนใจsuperstarสาว แต่ใครเล่าจะเป็นผู้ยอมรับว่าเป็นต้นเหตุของความเสียหาย ?

ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยที่ยังจดจำภาพที่ชี้ให้เห็นความเจ็บป่วยทางจิตใจของ Brit ในช่วงปี 2007- 2008 และร่วมออกความคิดเห็นตรงกันว่า ในช่วงแรกนั้น เธอจำเป็นจะต้องมี conservatorship เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้ที่ชี้ว่า คนดังที่แสดงพฤติกรรมเจ้าปัญหาอย่าง Charlie Sheen ซึ่งป่วยเป็น bipolar และมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงจนติด HIV รวมไปถึงปัญหาติดเหล้ายา ก็ยังมีสิทธิ์ใช้ชีวิตตามใจปรารถนา (Brit เคยเผยว่าเธอป่วยเป็น bipolar เช่นเดียวกัน) ไม่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มีสิทธิ์ต่อร่างกายและเข้าถึงทรัพย์สินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง


"ฉันไม่ควรอยู่ในระบบผู้พิทักษ์หากฉันทำงานได้ สามารถสร้างรายได้และจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้อื่น    มันฟังดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย  จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายพวกนี้"   

Britney Spears




candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE