ช่วงนี้มีดารา อินฟูเอนเซอร์ คนมีชื่อเสียงต่างๆ พากันทยอยออกมาคอลเอาท์ (Call out) จนเป็นข่าว ติดเทรนด์กันอยู่ทุกวัน บางคนคอลเอาท์แล้วก็ได้รับความชื่นชม แต่บางคนกลับโดนด่าซะงั้น มาดูกันดีกว่าว่าจริงๆ แล้ว การคอลเอาท์คืออะไร ต้องคอลเอาท์ยังไงไม่ให้กระแสตีกลับ และแน่นอนว่าการคอลเอาท์ทำได้ไม่มีความผิด ตามระบอบประชาธิปไตย

Call Out คืออะไร?

มาดูคำนิยามตามภาษาอังกฤษจาก collinsdictionary ที่ได้ให้ความหมายคำว่า call out ดังนี้

• ถ้าเราเรียกร้องให้บางคนคอลเอาท์ คือการที่เรียกร้องให้พวกเขามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะในเรื่องด่วนฉุกเฉิน
• เรียกร้องบางสิ่งที่พวกเขา (รัฐบาล) ได้เคยพูดเอาไว้ เรียกร้องให้อธิบายความจริงออกมามา

ถ้าดูในบริบททางการเมืองด้วยก็จะได้ความหมายประมาณว่า Call out คือ การเรียกร้อง การออกมาพูด หรือการออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ให้ได้รับการแก้ไขโดยด่วน เรียกร้องให้รัฐฟังความเห็นของประชาชน

ทำไมเราถึงอยากให้ดาราออกมา Call out

คนมีชื่อเสียงหลายๆ คนก็ออกมาคอลเอาท์ วิพากย์วิจารณ์ถึงปัญหาการทำงานของรัฐ ก็มักจะได้รับการสนับสนุน การชื่นชม และขอบคุณที่ออกมาพูด นั่นเป็นเพราะว่าดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ เป็นคนที่มีชื่อเสียง ทำอะไรก็เป็นที่สนใจ และตกเป็นข่าว สังคมให้ความสนใจเสมอ

หนึ่งเสียงของดาราคนหนึ่งดังกว่าเสียงของประชาชนคนที่ไม่ได้มีเชื่อเสียง คนธรรมดาหรือคนที่ได้รับความเดือดร้อน พูดยังไงก็ไปไม่ถึงหูของรัฐบาล (ต้นตอของปัญหา) แต่ถ้าดาราออกมาช่วยพูด สำนักข่าว และสื่อต่างๆ ก็พร้อมใจกันลงข่าวทันที สร้างอิมแพ็คได้มากขึ้น คนก็รับรู้ถึงปัญหาหรือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นได้มากกว่าเดิม

ทำไมดาราบอกคน Call out แล้วโดนด่า

ดาราออกมาคอลเอาท์แล้วโดนต่อว่าจากฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมได้กระแสตีกลับจากฝ่ายที่ตั้งใจออกมาช่วยพูด ไม่ยอมรับการ Call out? ก็ต้องมาดูก่อนว่าวิธีการพูด การคอลเอาท์เป็นแบบไหน ถ้าออกมาพูดถึงปัญหาแต่ไม่พูดถึงต้นตอของปัญหา ก็ไม่เรียกว่าเป็นการคอลเอาท์นะจ๊ะ 

การคอลเอาท์ต้องแสดงความจริงใจออกมา ว่ามองเห็นถึงปัญหาและเข้าใจถึงสาเหตุอย่างแท้จริง ถึงจะพูดมันออกมา แทนใจประชาชนคนธรรมดาที่เสียงไม่ดังเท่าดารา จริงๆ การออกมาคอลเอาท์ช้าก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ ใช้เสียงของตัวเองได้เป็นประโยชน์ช่ววยสังคม ยังไงประชาชนก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว

Call out แบบไหน ได้ใจประชาชน

1. พูดถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
2. พูดถึงสาเหตุหรือต้นต่อของปัญหา
3. วิจารณ์ออกมาตรงๆ ตามข้อเท็จจริง
4. ขอโทษอย่างจริงใจที่เคยเพิกเฉย หรืออกมาล่าช้า (ในกรณีที่วิกฤตหนักมาแล้ว)

ถ้าทำตามนี้ก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ยิ่งวิกฤตหนักมากยิ่งต้องพูดถึงสาเหตุของปัญหา และการขอโทษอย่างจริงใจ ถ้าขาดสองข้อนี้ไป คนเขาดูออกนะว่าแค่เกาะกระแส กลัวโดนด่า แต่ไม่ได้เข้าใจจริง🤭

ดาราต่างประเทศ Call out แล้วได้รับผลกระทบอะไรไหม?

ขอยกเคสตัวอย่างง่ายๆ จาก Taylor Swift นี่แหละ ที่สร้างอิมแพ็คและการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน!

​Taylor Swift

เทย์เลอร์ สวิฟต์ เริ่มออกมาคอลเอาท์ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2018 ประณามนักการเมืองที่เหยียด LGBTQ+ และขอให้ทุกคนสมัครใช้สิทธิ์ของตัวเองในการเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากที่เธอพูดออกไป จำนวนคนสมัครไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็เพิ่มสูงถึง 66.46% ในแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น!

หลังจากผิดหวังจากผลการเลือกตั้งในปี 2018 ที่ Donald Trump ได้ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เทย์เลอร์ก็ได้แต่งเพลง Only the Young สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าพูดและทำในสิ่งที่ตัวเองคิด ต่อต้านความไม่เป็นธรรม จากผู้ที่กดขี่ประชาชน คนรุ่นใหม่นี่แหละที่คือพลังในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพราะคนพวกนั้นที่อ้างว่าทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อพวกเราจริง

ถ้าใครยังจำเหตุการณ์สุดสลดใจที่ตำรวจจับกุม George Floyd จนเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้วได้ ทำให้เกิดการประท้วงระดับโลกอย่าง #BackLiveMatters Taylor Swift ก็ได้ออกมา Call out ถึงการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เมือง Minneapolis ว่า

หลังจากที่คุณได้ทำให้ลัทธิคนผิวขาวสูงส่ง (white supremacy) และการเหยียดเชื้อชาติรุนแรงขึ้น ตลอดการเป็นประธานาธิบดีของคุณ คุณยังกล้าที่จะเสแสร้งว่าเป็นคนมีศีลธรรมสูงส่ง ก่อนที่จะข่มขู่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมงั้นเหรอ “เริ่มขโมยเมื่อไหร่ ก็เริ่มยิงได้เลย” นี่หรอคนศีลธรรมสูงส่ง??? พวกเราจะโหวตคุณออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้

ผลกระทบที่ Taylor Swift ได้รับ

เทย์เลอร์ออกมาคอลเอาท์ ประณาม และวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและโดนัล ทรัมป์อยู่ตลอด แน่นอนว่าทรัมป์รู้ แล้วเทย์เลอร์โดนอะไรไหม? เพราะเธอวิจารณ์แรง และคอลเอาท์อยู่ตลอด คำตอบก็คือ Doanld Trump บอกว่า "ตอนนี้ผมชอบเพลงของ Taylor Swift น้อยลง 25% แล้วล่ะ" 

Halsey

จากการเสียชีวิตที่ไม่เป็นธรรมของ George Floyd ทำให้เกิดการประทวงขึ้น มีดาราและศิลปินหลายคนที่ออกมาคอลเอาท์ และร่วมประท้วงด้วย #BackLivesMatter แต่ Halsey นี่แหละที่คนจะนึกถึงแรกๆ

Halsey ใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียของเธอแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะในทวิตเตอร์อินสตาแกรม ใช้เสียงของตัวเองพูดถึงสิ่งที่ตำรวจทำกับประชาชนอย่างโหดร้าย Halsey ไปม็อบหลายครั้ง ได้เห็นความรุนแรงและเจอเหตุการณ์ที่ตำรวจทำกับผู้ชุมนุม

Halsey ได้โพสต์บรรยายเหตุการณ์ผ่านทางไอจีว่า เธอได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ชาย ผู้หญิง เด็กที่ถูกตำรวจยิง พวกเขาอาจสูญเสียการมองเห็น หรือแขนขาไปจากการบาดเจ็บ ร่างกายฉันเต็มไปด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์

Halsey ยังบริจาคเงินกว่า 3 ล้านบาทให้กับองค์กร NAACP Legal Defense Fund และ Minnesota Freedom Fund และอยากให้แฟนๆ ที่ติดตามช่วยกันสนับสนุนองค์กรเหล่านี้

ผลกระทบที่ Halsey ได้รับ

Halsey ใช้เสียงของตัวพูดและเคลื่อนไหวถึงเหตุการณ์นี้อยู่เสมอ แม้จะมีพรีวิลเลจอยู่สุขสบาย จะเฉยเมยกับเหตุการณ์นี้ได้แต่เธอไม่ทำ ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมและถูกยกย่องจากแฟนเพลงทั่วโลก ยิ่งตอนนี้กำลังออกอัลบั้มใหม่และหนังของตัวเอง แฟนๆ ก็สนับสนุนและช่วยโปรโมตกันเต็มที่ และแน่นอนว่าไม่มีหมายศาลใดๆ มาเรียกตัว

เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือที่เราเรียกกันว่า "พี่เจ้ย" ผู้กำกับมากความสามารถ พลเมืองของโลก ที่ได้รับรางวัล Jury Prize (ขวัญใจกรรมการ) รางวัลใหญ่ประจำเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2021 จากภาพยนตร์เรื่อง Memoria

ความปังไม่หมดแค่นั้น พี่เจ้ยเป็นผู้กำกับชื่อดัง ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เมื่อเดินขึ้นไปรับรางวัล ก็ได้ Call out ถึงการทำงานของรัฐบาลโคลอมเบียและไทย ในการจัดการและบริหารบ้านเมือง ไว้ว่า "ผมโชคดีที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติของผมจำนวนมากยังเดินทางไม่ได้ หลายคนต้องทนทุกข์หนักจากโรคระบาด (โควิด) จากความผิดพลาดจากการบริหารงานของรัฐ ทั้งการจัดการทรัพยากร การเข้าถึงวัคซีน ผมต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลไทย รัฐบาลโคลอมเบีย รัฐบาลประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในสถานการณ์คล้ายกันนี้ โปรดตื่นขึ้น แล้วทำงานเพื่อประชาชนของพวคุณ เดี๋ยวนี้"

ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน พี่เจ้ยก็ได้ออกมาคอลเอาท์ เรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงปี 53 ที่โดนคดี ม.112 และปัญหาการวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ประโยคเด็ดคือ "อยากเห็นศาล ที่เชิดชูการเห็นต่าง ไม่จำเป็นต้องปรองดอง ผมไม่อยากปรองกับใคร" หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยได้เห็นพี่เจ้ยในวงการหนังไทย แต่กลับเดินสายคว้ารางวับที่ต่างประเทศ จนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ

ผลกระทบที่ พี่เจ้ย ได้รับ

หลังจาก Speech ที่พี่เจ้ยได้คอลเอาท์ผ่านการรับรางวัลที่คานส์ออกไป ก็ได้รับกระแสด้านบวกตั้งแต่ศิลปินที่มาร่วมงาน คนไทยที่ออกมาชื่นชมและยกย่องมากมาย และแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่อง Memoria ก็ได้รับความสนใจ มีคำวิจารณ์เชิงบวกว่าเหมาะสมกับรางวัลที่ได้มาจริงๆ ไม่มีการคุกคามจากรัฐเกิดขึ้น เพราะพี่เจ้ยเป็นประกรโลกไปแล้ว

ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์รัฐบาล มี Freedom of Speech 100% และการที่คนดังระดับประเทศหรือโลกช่วยออกมาคอลเอาท์แทนประชาชน ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มแฟนคลับของเธอ แต่สร้างอิมแพ็คให้คนรุ่นใหม่ได้ทั้งประเทศ :)