เพราะอะไร Mirandaแห่ง SATCคือเพื่อนสาวที่เราใฝ่ฝัน
candy 48 15
เมื่อคุณได้ใช้ชีวิตในยุค 2020s และได้หวนคิดถึงซีรีส์ในดวงใจ Sex And The City แล้วอาจจะรู้สึกแตกต่างจากตอนที่ได้ชมในระยะวลายี่สิบปีที่ผ่านมานี้
บ่อยครั้งที่เราได้เห็นหลายฝ่ายพูดตรงกันว่า หาก SATC คือผลงานซีรีส์ที่ถูกสร้างในยุคปัจจุบัน ผู้ที่สมควรได้รับบทบาทนางเอกนั้น อาจจะไม่ใช่ Carrie Bradshaw แต่เป็น Miranda Hobbes ทนายสาวผมแดงเพลิงที่หลายคนยกให้เป็นตัวละครที่ underated และ Underappreciated มากที่สุด แต่ปัจจุบันมีคนจำนวนมากได้ตระหนักถึงคุณค่าและชื่นชมเธฮในฐานะยอดหญิงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ เห็นได้ชัดเจนจากสารพัดcontent จากหลากหลายสื่อ (ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ที่ยกพฤติกรรมเจ้าปัญหาของนางเอกอย่าง Carrie มาเปรียบเทียบรัวๆ)
บ่อยครั้งที่เราได้เห็นหลายฝ่ายพูดตรงกันว่า หาก SATC คือผลงานซีรีส์ที่ถูกสร้างในยุคปัจจุบัน ผู้ที่สมควรได้รับบทบาทนางเอกนั้น อาจจะไม่ใช่ Carrie Bradshaw แต่เป็น Miranda Hobbes ทนายสาวผมแดงเพลิงที่หลายคนยกให้เป็นตัวละครที่ underated และ Underappreciated มากที่สุด แต่ปัจจุบันมีคนจำนวนมากได้ตระหนักถึงคุณค่าและชื่นชมเธฮในฐานะยอดหญิงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ เห็นได้ชัดเจนจากสารพัดcontent จากหลากหลายสื่อ (ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ที่ยกพฤติกรรมเจ้าปัญหาของนางเอกอย่าง Carrie มาเปรียบเทียบรัวๆ)
แต่เราไม่ได้จะชักชวนให้นำสมาชิกแกงค์เพื่อนสาวมาเปรียบเทียบกันว่าใครเริ่ดกว่า แค่อยากจะขอประกาศความปลาบปลื้มต่อสาวแกร่งคนนี้ เธอมีคุณสมบัติของเพื่อนสาวที่หลายคนใฝ่ฝัน และอยากจะตามหาให้เจอในชีวิตจริง หากใครมีเพื่อนแบบนี้แล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าอิจฉาจัง!
เพราะอะไร Miranda Hobbes จึงเป็นเพื่อนสาวในฝันของเรา มาติดตามกันเลยค่ะ
ความมาดมั่นแบบ Unapologetic ที่เราต้องนับถือ
" ฉันอยากจะมีความสุขกับความสำเร็จของตัวเอง ไม่ใช่ต้องคอยมาขอโทษในเรื่องนี้"
อาชีพทนายสาวอนาคตไกลใน New York ของ Miranda เป็นเครื่องการันตีสถานะทางการเงินที่มั่นคง เธอมีอพาร์ทเมนท์สวย จับจ่ายใช้สอยได้ตามใจโดยไม่ต้องกังวล และไม่เคยนึกให้ผู้ชายเป็นฝ่ายใช้เงินปรนเปรอ และเมื่อเธอเริ่มต้นความสัมพันธ์กับบาร์เทนเนอร์หนุ่ม เพื่อนสาวหัวอนุรักษ์นิยมอย่าง Charlotte ก็เอ่ยปากถามเธอว่า จะมีความสัมพันธ์จริงจังกับผู้ชายที่ฝากอนาคตกับเงินค่าทิปส์ได้อย่างไร เธอจึง educate เพื่อนที่ไม่เปิดใจกว้างว่า ผู้ชายโสดฐานะดีทั้งหลายนั้นสามารถใช้เรื่องเงินของพวกเค้าเป็นจุดเด่นดึงดูดใจ แต่ทางกลับกัน เมื่อผู้หญิงมีเงินเยอะ กลับกลายเป็นเรื่องยาก จะเดทหนุ่มที่รายได้ไม่สูงก็ถูกจับผิดหรือให้รู้สึกผิดที่ตัวเองได้ดีเกินหน้า
แฟนๆ SATC คงทราบชัดแล้วว่า แม้ Miranda จะมีความก้าวหน้าทางการงานจนถึงระดับpartner ของ firm แต่เธอไม่ได้มุ่งมั่นเสาะหาชายหนุ่มร่ำรวยหรือมีฐานะทัดเทียมกันมาควงคู่ เธอค่อยๆเรียนรู้จากความสัมพันธ์ว่าต้องการอะไรมากที่สุด อาจจะมีหนุ่มหล่อเหลาโพรไฟล์เริ่ดเข้ามาทำให้เคลิบเคลิ้ม แต่เมื่อรู้ใจตัวเองว่านั่นไม่ใช่ความรัก ก็ถอยออกมาโดยไม่ให้ความหวังอีกฝ่าย แน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้มาคอยคร่ำครวญถึงแฟนหนุ่มหล่อรวยด้วยความเสียดาย
ที่ผ่านมา Carrie และ Samantha คือตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็น lifestyle หรือ personality ก็ดูมีสีสันจัดจ้านโดนใจผู้ชมมากมาย ในขณะที่เมื่อมองแบบผิวเผิน Miranda อาจจะดูเป็นสาวปากร้ายและตั้งแง่กับคนที่อยู่รายล้อมไปซะหมด แต่เมื่อพิจาณาถึง context แล้ว การแสดงออกของ Miranda คือการ call out ปลุกพลังเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ ในยุคแรกๆ ของ SATC ยังไม่มีการจุดประเด็นเรื่องสังคมสองมาตรฐานในสื่อมากเท่ายุคปัจจุบัน ทำให้บางคนมองเธอว่าเป็น feminist ขี้โมโห ในความเป็นจริง หลายสิ่งที่เธอพูดออกมาอย่างประชดประชันนั้นเป็นความจริงที่แย้งได้ยาก
Miranda ไม่ลังเลใจในการตอบโต้เมื่อเธอถูกพิพากษาเรื่องความต้องการทางเพศ ในขณะที่สังคมไม่มีปัญหากับผู้ชายที่เปิดเผยความต้องการทางเพศ และหลายคนก็เห็นดีเห็นงามว่าช่างเป็นเสน่ห์ที่เร่าร้อน แล้วจะผิดอะไรหากผู้หญิงจะมีของเล่นไว้ช่วยปลดปล่อยอารมณ์ เมื่อเธอต้องปรับตัวเข้าหาแม่บ้านที่ยึดมั่นธรรมเนียมดั้งเดิมที่มองว่า sex toy เป็นเรื่องน่าละอาย เธอจึงต้องเคลียร์ใจ
นี่คือหนึ่งในฉากในตำนานของ Miranda เมื่อพบรูปปั้นพระแม่มารีที่ถูกแม่บ้านนำมาวางแทนที่vibratorของเธอ บางคนอาจจะรู้สึกอับอายไม่กล้าสู้หน้าที่ถูกคนอื่นรู้ว่าใช้เวลาส่วนตัวกับ sex toy แต่สาวเผ็ดอย่าง Miranda ขอประจัญหน้าตรงๆ
นี่คือหนึ่งในฉากในตำนานของ Miranda เมื่อพบรูปปั้นพระแม่มารีที่ถูกแม่บ้านนำมาวางแทนที่vibratorของเธอ บางคนอาจจะรู้สึกอับอายไม่กล้าสู้หน้าที่ถูกคนอื่นรู้ว่าใช้เวลาส่วนตัวกับ sex toy แต่สาวเผ็ดอย่าง Miranda ขอประจัญหน้าตรงๆ
อาจจะเตือนสติกันแบบโหดไปบ้าง แต่หวังดีกับเพื่อนอย่างจริงใจ
อาจจะมีคนที่มองว่า Miranda เป็นหญิงมั่นเกินเบอร์ที่แรงใส่คนอื่นจนดูหยาบคาย แต่สำหรับเพื่อนฝูงแล้ว คำแนะนำของเธออาจจะไม่ได้ฟังรื่นหู แต่มีประโยชน์เสมอ ใช่ เราอาจจะต้องการกำลังใจจากเพื่อนสนิทให้เข้าข้างกัน แต่ก็ไม่ใช่ทุกสถานการณ์ สำหรับ Miranda ที่ต้องเห็น Carrie วนเวียนอยู่ในความสัมพันธ์ toxic กับ Mr. Big แบบถอนตัวไม่ขึ้น ถึงขนาดที่ไม่ยอมหักห้ามใจแอบเล่นชู้กันและต่างฝ่ายต่างก็ทำร้ายคู่รักจนเจ็บปวด เธอจึงเตือนสติไปหนักๆ
" พระเจ้า ทุกครั้งที่เธอได้อยู่ใกล้เขา เธอเปลี่ยนไปเป็นคนที่น่าสมเพช ช่างเรียกร้อง ทำเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อที่ขาดความมั่นใจ และรู้มั้ยว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ฉันเคืองมากที่สุด ก็เธอเป็นฝ่ายที่เต็มใจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกน่ะสิ"
เรื่องราวของนางเอกที่เพ้อฝันกับหนุ่มใหญ่ผู้เจนจัดและออกตัวชัดเจนว่าหวาดกลัวความสัมพันธ์นั้นอาจจะคล้ายกับนิยายรักที่ชวนทำใจเต้น แต่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าพวกสองคนนี้จะพบกับ happy ending หรือรักกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แต่หลายคนได้ย้อนมองกลับไปแล้วต่างยอมรับว่า Carrie และ Mr. Big คือตัวอย่างความสัมพันธ์ toxic แม้ภาพบนจออาจจะทำให้คุณฟินไปกับพล็อท bad boy รุ่นใหญ่ที่ในที่สุดก็เรียนรู้ว่าตัวเองไม่สามารถขาด "ยายหนู" ที่คอยวิ่งไล่ตามเขามาหลายซีซันไปได้ แต่คำพูดของ Miranda นั้นมาจากความจริงใจ เธอเพียงไม่ต้องการจะเห็นเพื่อนรักทำร้ายตัวเองเท่านั้น
ในขณะที่กำลังรู้สึกเปราะบางในสถานการณ์ที่ทำให้จิตตกจนหาทางออกไม่ได้ คำพูดอ่อนหวานปลอบประโลมจิตใจนั้นอาจจะช่วยทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่สำหรับเรา (และเชื่อว่าอีกหลายคน) คำพูดจากเพื่อนแบบ Miranda ว่า "ลืมตาตื่นซะทีเหอะ" ก็เปรียบเป็นการชี้ทางสว่างให้ยอมรับกับปัญหาของตัวเอง แทนที่จะหาข้ออ้างเพื่อกระโดดเข้าสู่เส้นทางที่ทำให้เจ็บปวดอีก
เราเห็นด้วยว่า ในบางครั้ง Miranda น่าจะเลือกใช้คำพูดที่นุ่มนวลกว่านี้เมือต้องการจะเตือนสติเพื่อนๆ แต่ก็ฉากที่เธอปรี๊ดใส่สามสาว เพราะเมื่อจัดสรรเวลามาพบปะกันพร้อมหน้าได้ พวกเธอก็พูดแต่เรื่องผู้ชายที่กำลังเดท (รวมถึงลักษณะของลับของหนุ่มพวกนั้น) Miranda จึงแดกดันไปแบบไม่ไว้หน้าว่า ผู้หญิงสติปัญญาดีๆทั้งสี่คนจะพูดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องแฟนไม่ได้รึไง ทำไมเราไม่พูดถึงเรื่องตัวเราเองกันบ้าง และย้ำว่า หากมีหัวข้ออื่นที่ไม่ใช่เรื่องผู้ชายมาคุยกันแล้วค่อยโทรหาเธอ
รุนแรงเกินไปรึเปล่านะ? ก็อาจจะใช่ แต่เหล่าเพื่อนของเธอไม่มีคนลุกมาเถียงสักคน ต่างมองหน้าตากันอย่างสำนึกผิด แม้คำพูดของ Miranda อาจจะฟังไม่รื่นหู แต่ก็เหมือนกับการพูดแทนผู้หญิงอีกหลายคนที่จะได้รับการติดต่อจากเพื่อนก็เพื่อระบายเรื่องแฟนหนุ่ม แต่ไม่เคยไถ่ถามเรื่องความรู้สึกหรือความเป็นอยู่ของอีกฝ่าย ต้องยอมรับนะว่า ถ้าเจอแบบนี้ก็เพลียเหมือนกัน
ปากร้ายยังไง เธอก็ห่วงใยเพื่อนแบบสุดตัวเสมอ
Miranda และCharlotte เป็นเพื่อนสาวที่มีนิสัยและบุคลิกแตกต่างกันคนละขั้ว และแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกันหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Charlotte วิตกกังวลอย่างหนักที่ไม่ตั้งครรภ์ทั้งๆที่พยายามาหลายเดือน และต้องช็อคเมื่อ Miranda ตั้งครรภ์ทั้งๆแค่หลับนอนกับ Steve เพียงแค่ครั้งเดียว และยิ่งรับไม่ได้เมื่อรับรู้ว่า Miranda อาจจะไม่เก็บเด็กในท้องไว้ Miranda ที่รู้ว่า Charlotte รู้สึกขุ่นเคืองใจจึงเป็นฝ่ายติดต่อเพื่อนเพื่อปรับความเข้าใจกัน เมื่อได้พบกันอย่างบังเอิญและได้iy[รู้เรื่องผลตรวจร่างกายของ Charlotte ที่ยืนยันว่า เธอมีโอกาสน้อยมากที่จะมีลูกได้เอง ทำให้ช่วงนี้เธอไม่อยากพบหน้า Miranda เพื่อตอกย้ำให้เจ็บปวดกว่าเดิม Miranda ไม่สามารถตัดใจปล่อย Charlotte เดินกลับบ้านไปคนเดียวได้ และแม้ว่าจะไม่ได้หันหลังกลับไปมอง แต่ Charlotte ก็รู้ดีว่า เพื่อนของเธอติดตามด้วยการเว้นระยะห่างด้วยความเป็นห่วงมาตลอดทาง
ยอมรับว่า ภาพลักษณ์ในช่วงแรกๆของ Miranda อาจจะไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆไปหมด เธอเป็นตัวแทนของ stereotype ของผู้หญิงทำงานสุดแกร่งที่คอยพิพากษาคนอื่นแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆและดูขาดความนับถือในการตัดสินใจของผู้อื่นที่ 'ไม่เข้ามาตรฐาน' ของเธอ เช่น กดดัน Charlotte ให้คิดใหม่เมื่อเธอตัดสินใจลาออกจากงานเพราะเห็นด้วยกับคำแนะนำของสามี หรือกว่าที่เธอจะลงเอยกับ Steve ได้ เธอก็แสดงออกกับเขาอย่างใจร้ายใจดำมาหลายครั้ง แต่การกระทำของ Miranda มักพิสูจน์ความดีของเธอได้ชัดเจนกว่าคำพูดเสมอ แม้จะเลิกรากันไปแล้ว เธอก็ยังรักษาความเป็นเพื่อนกับ Steve ไว้ได้ และคอยอยู่เคียงข้างเมื่อเขาป่วยเป็นมะเร็ง
ลืมเรื่องการฝันเฟื่องวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ท่ามกลางหมู่ยูนิคอร์นโบยบินไปได้เลย เพราะ Miranda Hobbes คือ realist ตัวแม่!
เห็นเธอมั่นถึงขนาดนี้ ชีวิตก็ดี๊ดี เรียกได้เต็มปากว่ามีครบสมบูรณ์ตามความฝันของคนมากมาย แต่เมื่อเธอก็เข้า mode จิตตกไม่ต่างจากคนอื่น เธอถูกผู้ชายปล่อยให้รอเก้อ หรือหนีหน้าไม่ยอมติดต่อหากันหลังจากเดทที่น่าประทับใจ และต้องมาปลงว่า ตัวเองคงต้องอยู่คนเดียวไปตลอดก็ได้ แต่เธอไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองเอาแต่ห่อเหี่ยวอยู่นานนัก เธอเลือกยอมรับความจริงว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธและก้าวต่อไป ไม่หาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง แท้จริงแล้ว แม้จะเหงาหงอยบ้างในบางเวลา แต่เธอก็ไม่ได้ยึดติดว่า มีเพียงชีวิตแต่งงานเท่านั้นคือคำตอบของชีวิตที่มีความสุขยั่งยืน
ไม่เสแสร้งแกล้งสร้างภาพ
มีช่วงที่ Miranda ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงทำงานที่ไม่ได้มีชีวิตหวือหวาเร้าใจเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ในขณะที่อีกสามสาวดูแพรวพราวในแวดวงสังคม Miranda กำลังคร่ำเคร่งกับการประชุมงานที่ firmกฎหมาย เราจะได้เห็นเธอใส่สูทที่ดูเคร่งขรึมอยู่บ่อยครั้งจนอาจจะสร้างความรู้สึกว่าขาดความแซ่บตามชื่อซีรีส์ แต่มันได้ทำให้เราเห็นจุดเด่นอีกอย่างของเธอ ไม่ว่าจะคบกับใคร มี background แตกต่างกันเช่นไร เธอดูซื่อตรงกับความเป็นตัวเองเสมอ Miranda ไม่คอยวิ่งเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อสร้างความประทับใจต่อผู้ชาย แน่ล่ะที่เธอเลือกเสื้อผ้าสวยเริ่ดออกซิ่งกับเพื่อนหรือออกเดทกับหนุ่มที่หมายตาไว้ แต่หลักการสำคัญที่เธอยึดมั่นก็คือ
"ฉันจะโชว์ความ sexy ก็หลังจากที่ฉันได้คว้าใจผู้ชายด้วยความเป็นตัวของตัวเอง"
ความเป็นตัวของตัวเองในแบบ Miranda เป็นยังไงน่ะเหรอ? ก็อย่างการเปิดเผยว่าเป็นแฟนแทบลอยด์ที่คนรอบข้างจิกกัดว่าเป็นสื่อขยะได้แบบไม่กลัวเสียหน้า เธอเป็นทนายเก่งกาจและชอบเสพข่าวซุบซิบ และเฉยๆที่จะถูกมองว่าไร้ระดับ เธอก็แค่ยักไหล่บอกว่า "ก็ฉันชอบแบบนี้ ปล่อยไปเหอะน่า"
การถ่ายทำ And Just Like That .. ผลงาน reboot ของ SATC ได้ดึงดูดความสนใจจากสื่อได้ตามคาด แม้จะมีผู้แสดงความผิดหวังที่จะไม่ได้เห็น Samantha ในซีรีส์เรื่องนี้ แต่ยังมีแฟนๆอีกจำนวนมากที่รอคอยจะได้พบกับแกงค์เพื่อนสาวที่ก้าวสู่หลัก 5 สำหรับเราแล้ว Miranda คือตัวละครอยากจะเห็นพัฒนาการมากที่สุด ในยุค 2020s ผมแดงที่เป็นtrademark ของเธอได้ถูกแทนที่ด้วยผมเทาประกายเงินที่มาพร้อมกับกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง แต่เรามั่นใจว่า พลังสาวแกร่งของเธอจะไม่ลบเลือนไปตามเวลาแน่นอน!
The End