La Mer The Hydrating Infused Emulsion อิมัลชั่นออกใหม่จากลาแมร์
Uncle Bank 60 29 JEBAN GIVEAWAY / Jeban Surprise Box!สวัสดีครับทุกคน
จากกระทู้เปิดกล่อง Jeban Surprise Box ก่อนหน้านี้ https://www.jeban.com/topic/327109
วันนี้จะมารีวิวทั้ง 3 ไอเทมจาก La Mer ที่ผมได้ลองใช้ครับ
ก่อนอื่นเรามาดู ข้อมูลสภาพผิวของผมกันก่อน
สภาพผิว: ผิวมัน-ผสม
อายุ: 32 ปี
เนื่องจาก La Mer ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา
งั้นเรามาทำความรู้จักเค้าให้มากขึ้นกันหน่อยเนอะ
La Mer The Hydrating Infuse Emulsion
ราคา: 50 ml. 5,200 บาท / 125 ml. 11,600 บาท
คำเคลม
- Emulsion สูตรแรกจากลาแมร์
- เนื้อบางเบา ซึมไว
- เติมความชุ่มชื้นสู่ผิวทันทีที่ใช้
- ช่วยให้ผิวดูเปล่งประกายแลดูสุขภาพดี
ส่วนประกอบเด่น
Miracle Broth
สารสกัดจากสาหร่ายซีเคลป์ ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Lamer
ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิว
Soy
สารสกัดจากถั่วเหลือง เป็นอาหารผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน
Lime Tea Concentrate
ส่วนผสม antioxidant ที่ช่วยให้ผิวในการรับมือกับมลภาวะภายนอก
และเสริมสมดุลแก่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
คำเคลมดี งั้นเรามาดูรีวิวหลังการใช้กันครับ
เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ทาง La Mer แนะนำว่าควรใช้ควบคู่กับไอเทมบำรุงผิวในขั้นตอนอื่นๆจากลาแมร์ครับ
เริ่มด้วยขึ้นตอนแรกหลังล้างหน้าด้วยโลชั่น
La Mer The Treatment Lotion
(100 ml. 4,100 บาท / 150 ml. 5,950 บาท)
โลชั่นเติมความชุ่มชื้นแบบน้ำ
ที่เป็นไอเทมแรกๆที่หลายๆคนเลือกซื้อจากลาแมร์เลย
Texture
เนื้อโลชั่นแตกต่างจากโลชั่นทั่วไปตรงที่มีความหนึบเล็กน้อย
ไม่ได้เหลวใสเหมือนน้ำเปล่า
ซึ่งจุดนี้เราจะสัมผัสได้เลยว่าเค้าช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น
เพียงแค่ใช้โลชั่น ผิวก็ดูชุ่มชื้นขึ้นมาแล้วครับ
The Treatment Lotion สามารถใช้ได้ทั้ง am/ pm ครับ
ขั้นตอนต่อมาก็คือตัวพระเอกของเราในกระทู้นี้
เนื้อผลิตภัณฑ์ตามแบบฉบับ Emulsion คือมีความเหลว บางเบา และซึมไว
มีกลิ่นหอมเหมือน Creme de La Mer เป้ะๆเลย
เวลาผมทา ผมจะชอบแต้ม 5 จุด และใช้มือเกลี่ยให้ทั่วหน้า
ด้วยความที่เป็นเนื้อ Emulsion เค้าจะเกลี่ยง่าย เกลี่ยทั่วใบหน้าได้ไม่ยาก
โดยไม่ต้องออกแรงเยอะซึ่งจะเป็นการรบกวนผิวมากเกินไปเลยด้วย
ซึมไวแบบสามารถลงการบำรุงขั้นตอนต่อไปต่อได้เลย
ทาเสร็จเรียบร้อยแล้วผิวจะชุ่มชื้นขึ้นมาในทันอีกระดับ
มีความโกลว์ขึ้นมาโดยไม่รู้สึกหนักผิว ซึ่งผิวมันอย่างผม
ปกติตอนเช้าผมจะไม่ทาสกินแคร์หลายตัว
เพราะไม่อยากให้รู้สึกเหนียวหนักหน้าระหว่างวัน
แต่
ขวดนี้คือผ่าน ใช้ทาได้เช้าเย็นสบายๆเลยครับ
ขั้นตอนสุดท้าย เป็นการลง Moistuzer เติมความชุ่มชื้นขั้นสุด
Creme de La Mer
(15 ml. 3,900 บาท / 30 ml. 7,700 บาท / 60 ml. 14,500 บาท)
เป็น Moisturizer เนื้อครีมที่โด่งดังของลาแมร์นั่นเอง
เนื้อครีมมีสีขาว และข้น มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของลาแมร์
เวลาใช้ ผมตักออกมาปริมาณเล็กน้อย
จากนั้นจะทำการวอร์มเนื้อครีมด้วยปลายนิ้ว
ความอุ่นจากมือเราจะช่วยวอร์มเนื้อครีมให้แตกตัว
และเป็นการ activate ให้เจ้า Miracle Broth ทำงาน
หลังจากการวอร์มซักครู่ ตัวครีมก็จะหลอมละลายและเคลือบอยู่บนมือเราแบบนี้
จากนั้นนำมือประคบกดเบาๆให้ทั่วผิวหน้า และลำคอเป็นอันเสร็จ
ขั้นตอนการวอร์มและประคบผิวแบบนี้
เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการใช้ Creme de La Mer ครับ
ผมใช้ Creme de La Mer แค่ตอนกลางคืนครับ
ดูผิวหลังใช้ทั้งสามไอเทมใกล้ๆครับ ผิวดูมีความชุ่มชื้น โกลว์ และแลดูสุขภาพดี
ไหนจะอยู่ในที่ที่มีความร้อน ฝุ่นเยอะอย่างตอนที่ผมลุยเรื่องบ้าน
ปลูกต้นไม้ ทำสวน ใช้สกินแคร์จากลาแมร์คือม้วนเดียวจบ
ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเรามั่นใจในประสิทธิภาพ
ในการกู้ผิวของไอเทมจากลาแมร์ครับ
โอ้ แล้วหากใครที่รู้สึกว่าไม่อยากวอร์มเนื้อครีม
'หรือมีสภาพผิวอื่นๆแต่อยากลอง Moisturizer ของลาแมร์
ทางลาแมร์มีเนื้อ Moisturizer ให้เลือกมากถึง 4 เนื้อครับ!!
เรียงจากซ้ายไปขวา
Creme de La Mer
เนื้อครีมข้นที่สุด ต้องวอร์มเนื้อก่อน เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งมาก
Moisturizing Soft Cream
เนื้อครีมข้นน้อยกว่า Creme de La Mer แต่เกลี่ยง่าย เหมาะกับคนที่ผิวแห้งแต่ไม่อยากวอร์มเนื้อครีม (คุณอั้ม พัชราภาพ ใช้เนื้อนี้)
Moisturizing Cool Gel Cream
เนื้อเจลครีมสมชื่อ เกลี่ยง่าย ลื่นปรื๊ด ไม่ต้องวอร์มเช่นกัน
และเหมาะกับผู้ที่มีผิวธรรมดา หรือผิวมัน
(เนื้อนี้เหมาะกับสภาพผิวของผมที่สุด และเป็นการะใช้กระปุกที่ 2 แล้ว)
Moisturizing Matte Lotion
เป็นเนื้อที่ทาแล้วแมทไปกับผิวเลย แต่ยังได้รับการบำรุงจาก Miracle Broth
และอื่นๆครบเหมือนใช้ Creme de La Mer
เนื้อนี้ เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ใช้ทากลางวันได้ และผู้ชายมักจะชอบใช้เนื้อนี้ครับ
เพื่อนๆลองเลือกดูว่าสูตรไหนเหมาะกับสภาพผิวของตัวเองนะครับ
เข้าใจว่าช่วงนี้ห้างยังปิด ไม่สามารถไปลองเนื้อที่เค้าเตอร์ได้ T^T
หวังว่าคำอธิบายของผมจะช่วยประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆได้นะครับ
==================================================
สรุป
ไอเทมทั้งสามตัวจากลาแมร์ ใช้แล้วประทับใจมากครับ
แน่นอนว่าถึงผมเองจะมีผิวมัน แต่การเติมความชุ่มชื้นให้ผิวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และยิ่งอายุยิ่งเยอะขึ้น ต้องยิ่งควรได้รับการบำรุงที่เหมาะสมและดีที่สุด
สำหรับ La Mer the Hydrating Infused Emulsion ขอสารภาพเลยว่า
หลังจากลองใช้แล้ว คงต้องไปซื้อขนาดจริงมาใช้ต่อแน่นอน เ
พราะด้วยความบางเบาของเนื้อผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ง่าย ซึมไว ไม่หนักผิว ใช้ได้ทุกวัน
ถ้าให้พูดถึงข้อเสีย อันนี้คงเป็นที่รู้กันว่า ค่าตัวของผลิตภัณฑ์ลาแมร์นั้นค่อนข้างสูง
แต่ถ้าถามผมนะ
ถ้ามีงบ แนะนำเลยครับ หรือใครที่อยากได้การบำรุงจาก miracle broth แต่กังวลเรื่องเนื้อครีมของ Creme de La Mer
ผมว่าเริ่มจากเนื้อ Emulsion ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีไม่น้อย
และเชื่อผมนะ.....
ประตูสู่ลาแมร์ เปิดแล้วปิดยาก
ไม่เชื่อก็...
…
..
เนี่ยฮะ ^^”
ตอนนี้ใครสนใจผลิตภัณฑ์จากลาแมร์
สามารถสั่งซื้อทางช่องทางออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็น Official website
หรือช่องทางใหม่ล่าสุดอย่างใน Lazada
หรือหากใครที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์จากลาแมร์
ก็น่าจะได้ SMS ในการสั่งซื้อโดยตรงกับทาง BA
ทุกช่องทางมีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันไป
ยังไงเพื่อนๆก็ลองเลือกเอาที่ตัวเองคิดว่าสะดวก หรือคุ้มที่สุดเลยนะครับ
หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์
แล้วเจอกันใหม่ในกระทู้หน้าครับ
ขอขอบคุณทางทีม Jeban ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆที่ให้ทดลองใช้ในครั้งนี้มากๆเลยครับ
xoxo
Can you bring high fashion by Uncle Bank
#JebanXLaMer #LamerThailand #TheHydratingInfusedEmulsion