ต่างกันเช่นไร? Cancel Culture ของวงการบันเทิงตะวันตก-ตะวันออก
candy 50 13อุตสาหกรรมในโลกไร้พรมแดนได้พัฒนาก้าวข้ามความแตกต่างด้านภาษาวัฒนธรรมอย่างไม่หยุดยั้ง จากเดิมที่ผลงานบันเทิงจากมหาอำนาจตะวันตกถูกยกเป็นผู้นำของโลกโดยที่ไม่ทีท่าว่าจะมีใครตามได้ทัน พวกเราก็เริ่มเห็นสัญญาณความเปลี่ยนแปลง หนังสัญชาติเกาหลีก้าวไปเป็นผู้ชนะรางวัล Oscar ซีรีส์ Netflixเรตติ้งสูงสุดก็ยังเกาหลี หรือจะเป็นเหล่า Anime ญี่ปุ่นที่กอบโกยความสำเร็จไปทั่วโลกติดต่อกันยาวนานจนกลายมาเป็นต้นแบบหนัง Hollywood Version ผู้คนจากหลายทวีปต่างประกาศตัวเป็นแฟนผลงานบันเทิงAsian และติดตามข่าวคราวคนดังต่างประเทศไม่ต่างจากศิลปินดารา Hollywood
ไม่ว่าจะวงการบันเทิงจากชาติไหนก็ต้องมี scandal ให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่พร้อมจะ cancel พฤติกรรมที่สังคมกำหนดว่าฉาวโฉ่ขาดศีลธรรมจรรยา แต่ทว่า บรรทัดฐานทางสังคมของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันออกไป แม้ว่าจะเป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเหมือนกัน แต่วัฒนธรรมที่หลากหลายทำให้ "ความถูกต้อง" ถูกตีค่าออกมาแตกต่างกันไปด้วย
หลายครั้งที่ผู้คนที่มาจากต่างวัฒนธรรมกันติดตามข่าวสารจากบันเทิงต่างประเทศด้วยความไม่เข้าใจ จนตั้งคำถามจากประเด็นข่าวฉาวของคนดังว่า
"ทำเรื่องแค่นี้ก็ถูก cancel แล้วเหรอ?"
หรือคำถามในทางตรงกันข้าม
"พฤติกรรมแรงขนาดนี้ ทำไมยังไม่ถูก cancel?"
จนบางครั้งความไม่เข้าใจอาจจะบานปลายกลายเป็นข้อถกเถียงกันระหว่างชาวเน็ทนานาประเทศ
ลองมาเช็คความแตกต่างของ cancel culture ของ Hollywood และวงการบันเทิงAsian กันสิคะ
Scandal นอกใจ
Hollywood
มีหลักฐานว่านอกใจอยู่จังๆ แต่งานปังๆก็ยังเข้าต่อเนื่อง
Hollywood ได้สร้างสรรค์ความบันเทิงให้กับชาวโลกมาร่วมศตวรรษ สิ่งที่อยู่คู่กับวงการนี้คือ scandal รักนอกใจของคนดัง แม้ในอดีตจะยังไม่มีการแชร์ภาพหลักฐานนอกใจ แต่วัฒนธรรม tabloid นั้นมีมาตั้งแต่ยังไม่มีเทคโนโลยีการถ่ายหนังซะอีก แต่ดูเหมือนว่า ดาวดังจะไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวพัวพันกับเรื่องผิดศีลธรรมจนถึงขั้นกลายเป็นดาวดับ หลายคนยังครองชื่อเสียงในฐานะ icon ได้ยาวนาน บ้างก็เลือกจะแบ่งปันประสบการณ์เรื่องการนอกใจผ่านหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง
Ingrid Bergman อาจจะได้รับการยกย่องให้เป็นตำนาน Hollywood ที่โลกไม่ลืม แต่ scandal นอกใจสามีไปมีความสัมพันธ์กับผู้กำกับ Roberto Rossellini จนตั้งท้องได้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจนนักการเมืองดังตราหน้าว่าเธอเป็นนนางมาร้าย และแฟนๆมากมายส่งจดหมายประนามพฤติกรรมด้วยความรู้สึกเหมือนกับถูกทรยศเพราะยึดติดกับภาพลักษณ์ดีงามจากบทหนัง เธอหย่าร้างกับสามีและแต่งงานกับผู้กำกับด้วยความเสน่หา แต่ต้องเลี่ยงกระแสกดดันในAmerica ไปทำงานแสดงที่ Italyหลายปี อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่เคยร้อนแรงได้มอดดับลงในเวลาไม่กี่ปี เธอหวนคืนสู่ Hollywood และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการคว้ารางวัล Oscar จากหนัง Anastasia และได้รับการกล่าวขานในฐานะนางเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
จนมาถึงยุค modern ที่เหล่าคนดังไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริงอีกต่อไป ชีวิตประจำวันของพวกเค้าจะถูกรบกวนด้วยเหล่าช่างภาพที่สวมวิญญาณนักสืบคอยติดตามไปทุกแห่งหน และถ้าพลั้งเผลอไปแค่นิดเดียว ความลับที่ไม่ต้องการให้โลกได้รับรู้อาจจะถูกประจานออกไปให้ขายขี้หน้า
เกิดขึ้น และชี้ว่า ทำสิ่งที่ผิดพลาดที่ทำไปเพราะขาดความยั้งคิดจากอายุที่ยังน้อย และข่าวการนอกใจทำให้เธอสูญเสียบทนางเอก Snow White and the Huntsman ไป
เกิดขึ้น และชี้ว่า ทำสิ่งที่ผิดพลาดที่ทำไปเพราะขาดความยั้งคิดจากอายุที่ยังน้อย และข่าวการนอกใจทำให้เธอสูญเสียบทนางเอก Snow White and the Huntsman ไป
เมื่อถูกเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์แบบลับๆในขณะที่ตัวเองและอีกฝ่ายมีคู่อยู่แล้วอาจจะสร้างแรงกดดันให้ไม่น้อย แต่ Kristen ยังเป็นหนึ่งในนางเอกที่ดึงดูดความสนใจจากนักสร้างหนังอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุด เธอได้ร่วมงานกับผู้กำกับหนังรางวัลOscar ในบทของเจ้าหญิง Diana จากหนัง Spencer ที่นักวิจารณ์หลายคนชื่นชมว่า นี่อาจจะเป็นเส้นทางสู่การคว้ารางวัล Oscar ตัวแรกในชีวิตนักแสดงของเธอก็เป็นได้
ที่ผ่านมาไม่นานนี้ ก็เป็นกรณีของ Dominic West และ Lily James ที่หวานใส่กันอย่างเปิดเผยในทริป Italy จนบางคนสงสัยว่า หรือฝ่ายชายจะแยกทางกับภรรยาไปแล้ว แต่พระเอกหนุ่มใหญ่กับควงภรรยามาโพสต่อหน้าช่างภาพ ประกาศว่ายังรักกันอย่างเหนียวแน่น ความมั่นหน้าแบบไม่แคร์ว่าเพิ่งจะกอดจูบกิ๊กสาวที่อ่อนกว่าถึง 19 ปีก็ได้สร้างเสียงโจษจันไปทั่ว
กลายเป็นว่าแรงกดดันไปตกอยู่ที่ Lily เธอถูกสื่อบีบให้อธิบายภาพฉาวที่ถูกสื่อประจาน แต่เจ้าตัวทำได้เพียงแค่บ่ายเบี่ยงไป แต่ก็ยอมรับว่า นี่คือเรื่องที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองดูจะไม่ได้รับผลกระทบจาก scandal นัก และยังมีงานเข้าแบบปังๆ โดยเฉพาะ Dominic ที่คว้าบทเจ้าชาย Charles แห่งThe Crown สุดยอดซีรีส์แห่ง Netflix ที่ทำให้นักแสดงนำในซีซันก่อนๆได้รับรางวัล Golden Globe และ Emmy Award (หรืออย่างน้อยๆต้องได้เข้าชิงรางวัล)
ส่วน Lily ก็ยังมีงานหนังและซีรีส์ แต่จากที่เธอเคยสร้างชื่อในหนังค่าย Disneyด้วยบทนางซิน เราจึงไม่สามารถฟันธงได้ว่า studio หนังที่สร้างผลงานโดยวางเป้าหมายเป็นกลุ่มเยาวชนและครอบครัวจะมองข้ามเรื่องนี้ไปหรือไม่
เกาหลี
ชื่อเสียงเสียหายหนัก สปอนเซอร์ถอนตัว งานหนังถูกจำกัด
ความรักต้องห้ามของคิม มินฮี - ฮง ซังซู นางเอก A List กับผู้กำกับหนังยอดฝีมืออาจจะไม่ใช่ข่าวฉาวในกระแสหลักเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อนที่ถูกแฉ แต่เพราะเป็นความรักที่เกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายชายยังมีสถานะแต่งงาน แม้ว่าจะแยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว แต่ในสังคมเกาหลีนั้นแตกต่างจากAmerica ตรงที่ความสัมพันธ์ครั้งใหม่จะเป็นที่ยอมรับก็ต่อเมื่อได้รับสถานะโสดกลับคืนมาจากการหย่าร้างที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนในAmerica หลายคนจะต้องผ่านขั้นตอนการยื่นหย่าที่กินเวลานานเป็นปีๆ สามีภรรยาที่แยกทางกันอย่างเป็นทางการจึงสามารถเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ได้ แม้ว่าจะตามหลักนิตินัยแล้วยังแต่งงานกับคู่เดิมของตน ยกตัวอย่างกรณีของ Kim Kardashian ที่ตั้งท้องลูกของ Kanye ในขณะที่การยื่นหย่าของเธอยังไม่สิ้นสุด แต่เธอก็ไม่ได้ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงนอกใจสามี เพราะถือว่าความสัมพันธ์จบลงไปล้ว เหลือเพียงขั้นตอนทางกฎหมายเท่านั้น
ฝ่ายภรรยายืนยันว่า ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยานั้นราบรื่นมาตลอดจนผู้กำกับได้พบกับคิม มินฮี ทำให้เขาทอดทิ้งครอบครัวไป สวนทางกับอีกกระแสข่าวว่า ฮง ซังซูพยายามขอหย่ากับภรรยามาตลอดก่อนที่จะพบรักกับนางเอกดัง แต่เพราะอีกฝ่ายยืนกรานไม่เซ็นใบหย่า เรื่องราวจึงคาราคาซังมาถึงขนาดนี้
เมื่อสองปีก่อน ศาลครอบครัวเกาหลีได้ปฏิเสธคำร้องเพื่อขอหย่าของ ฮง ซังซู และชี้ว่า พฤติกรรมการนอกใจของเขาสร้างความเสียหายกับฝ่ายภรรยา นั่นหมายความว่า ตราบใดที่เธอไม่ยินยอมหย่า เขาก็จะเป็นสามีทางกฎหมายของเธอต่อไป และไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้
แรงกดดันส่วนใหญ่พุ่งไปที่คิม มินฮี แม้ผลงาน Right Now, Wrong Then ที่ทำให้เธอพบรักกับผู้กำกับจะสร้างชื่อเสียงจนถูกจัดให้เป็นนางเอกระดับคุณภาพการันตีด้วยรางวัล แต่เมื่อสาธารณชนพิพากษาว่าเธอเป็นเพียงภรรยาน้อยไร้ค่าไร้ราคา หลังจากนั้น ผลงานส่วนใหญ่จึงเป็นผลงานของหนุ่มใหญ่คนรักที่สนับสนุนเธออย่างเต็มที่ แม้ว่าหนังอีโรติคอย่าง The Handmaiden จะสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ แต่เธอไม่ใช่นางเอกที่ยอดนิยมด้วยภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบเหมือนนางเอกคนอื่นๆในวงการ แน่นอนว่า เมื่อถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงร้ายแย่งสามีชาวบ้าน เหล่าสปอนเซอร์จึงไม่อยากเสี่ยงกับผลงานที่ถูกโจมตีจนอาจขายออก แนวโน้มการกลับมาครองชื่อเสียงนางเอกดังอย่างสง่างามจึงดูริบหรี่ แม้ว่าผลงานหนังของเธอจากฝีมือการกำกับของคนรักหนุ่มใหญ่จะได้เข้าชิงรางวัลในระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้ง แต่หากไม่มีฮง ซังซูผลักดันแล้ว ก็ดูเหมือนว่าไม่นักสร้างหนังที่ต้องการร่วมงานกับเธอเลย
ส่วนฝ่ายฮง ซังซู ก็ยังได้รับการนับถือในฐานะผู้กำกับยอดฝีมือ เขาเป็นผู้กำกับขาประจำของเทศกาลหนังเมือง Cannes และทุกวันนี้ก็ยังคบหากับคิม มินฮีอย่างเปิดเผย และอาจเป็นไปได้ว่า คู่นี้จะไม่มีทางได้แต่งงานกัน หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย เพราะภรรยาของฮง ซังซู เคยประกาศผ่านสื่อแล้วว่า เธอจะไม่มีวันยอมหย่าเป็นอันขาด
ญี่ปุ่น
สปอนเซอร์หดหาย/ถูกแบนยาว/เมื่อกลับเข้าวงการก็มีเสียงสาปส่ง
อาจจะไม่แตกต่างจากวงการเกาหลี เมื่อนักแสดงชื่อดังได้พัวพันกับ scandal รักสามเส้า จากกรณีข่าวฉาวครั้งใหญ่ของนักแสดงhigh profile ของญี่ปุ่น เมื่อมาซาฮิโระ ฮิกาชิเดะ ถูกแฉว่าแอบคบหากับนางเอกสาวใส เอริกะ คาระตะลับหลังแอนน์ วาตานาเบะที่แต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกันมาห้าปี
เรื่องนี้ทำให้นางเอกสาวหน้าใสที่ได้รับการชื่นชมว่าดูบริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าถูกประนามว่านางเอกยอดยี้ ผู้คนในโลกออนไลน์ โจมตีพฤติกรรม 'อยากเปิดตัว' ด้วยภาพบอกใบ้บน Instagram เธอถูกถอดถอนจากซีรีส์ และเก็บตัวเงียบจากกระแสสังคมที่เดือดแล้วเดือดอีก
ส่วนพระเอกที่มีภาพลักษณ์ family manแสนดีก็ถูกถล่มเละเทะ แม้จะยังได้เล่นหนังอยู่เรื่อยๆ แต่สัญญาโฆษณาก็หายเรียบ ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งถูกขุดคุ้ยว่าเป็นสามีที่ปฏิบัติต่อครอบครัวได้ยอดแย่ สื่อกอสสิปยังสุมไฟความเกลียดชังเพิ่มด้วยการรายงานข่าวว่า เขาอิดออดไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูลูกๆทั้งที่่ไม่ใช่ตัวเลขสูงนัก (ลูกๆสามคนรวมสามหมื่นเยนต่อเดือน) รวมถึงกระแสข่าวว่า แอนน์พอจะทำใจยอมรับเรื่องการขาดเงินค่าเลี้ยงดู เพราะรู้ดีว่า อดีตสามีต้องวิ่งหาเงินมาชดใช้การยกเลิกสัญญาโฆษณาจำนวนมหาศาล แต่หลายคนก็ยังแสดงความช็อคกับข่าวลือที่เขาไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนน้อยให้กับลูกๆวัยไร้เดียงสาได้
ส่วนเอริกะที่ถูกมองว่าเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ก็เงียบหายจากวงการไปเป็นปี แต่สื่อได้เกาะติดความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และมีการรายงานเป็นระยะๆว่า เอเจนซี่ของเธอกลำังปูทางการ come back แบบไม่กระโตกกระตาก และได้รับงานหนังสั้นที่ใช้ประกอบโฆษณาแบรนด์ el conductorH แต่เดาได้ว่า ทางแบรดน์เองก็รับรู้ถึงกระแสกดดันจากสังคม จึงปิดกล่อง comment ที่วีดีโอ Youtube ไว้ ชาวเน็ทหลายคนแสดงความไม่พอใจที่เธอไม่ถอนตัวออกจากวงการอย่างเด็ดขาด
ที่ผ่านมา เคยมีเซเลบสาวญี่ปุ่นที่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์กับคนมีเจ้าของมาก่อน และสามารถกลับมารับงานในวงการได้อีก แต่ก็ไม่สามารถกลับไปได้รับความนิยมเหมือนก่อนที่จะถูก scandal เล่นงาน
ถูกกล่าวหาว่าปั่นหัวผู้หญิงและคบซ้อน
จีน/เกาหลี
ถูกพักงานและมีแววว่าอนาคตในวงการจะจบสิ้น แม้หลักฐานยังไม่ชัดเจน
หนึ่งใน scandal ปีนี้คือ การกล่าวหาไอดอลหนุ่มชื่อดังจากผู้หญิงสาวชาวจีนและเกาหลี ว่าเขาใช้เสน่ห์จากรูปร่างหน้าตาอันแสนดึงดูดใจและสถานะคนดังเพื่อปอกลอก-ปั่นหัว-คบซ้อน พร้อมกับโชว์หลักฐานข้อความแชทและคลิปเสียงเพื่อยืนยันว่าเคยมีความสัมพันธ์กันจริงๆ ซึ่งการเปิดเผยสุดช็อคครั้งนี้ได้เกิดขึ้นตามหลังข่าวการจับกุม Kris Wu ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาข่มขืนเหยื่อผู้เยาว์
แม้ว่าLucasจะคำประกาศขอโทษออกมา แต่นั่นก็เป็นข้อความที่ฟังคลุมเครือ ซึ่งหลายคนเข้าใจว่า เป็นวิธี PR สไตล์ค่ายยักษ์ใหญ่เกาหลี นั่นคือการใช้คำขอโทษเพื่อบรรเทาสถานการณ์ แต่ไม่ได้ยอมรับข้อกล่าวหาอย่างตรงไปตรงมา มักจะใช้คำว่า ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ขอโอกาสให้ปรับปรุงตัว แต่ไม่ได้ชี้แจงให้เคลียร์ใจว่าพฤติกรรมในอดีตที่ทำให้ต้องกลับไปทบทวนตัวเองนั้น เป็นไปตามข้อกล่าวหาทุกประการหรือไม่
แฟนๆพยายามพิสูจน์ว่า หลักฐานที่ผู้อ้างตัวว่าถูก Lucas หลอกใช้และทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงเป็นภาพและเสียงที่ตัดต่อขึ้นมาเพื่อใส่ร้าย มีรายงานว่า แฟนได้ว่าจ้างนักสืบ cyber ให้เสาะหาหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์
ก่อนหน้าจะตกเป็นข่าวฉาว Lucas นับเป็นไอดอลอนาคตไกลที่ได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนดอมทั้งเกาหลีและจีน เขากำลังจะปล่อยผลงานดูโอร่วมกับ Hendery แห่ง WayV แต่ ณ ตตอนนี้ อนาคตการเป็นศิลปินถูกแขวนไว้กับคำว่า 'พักงานอย่างไม่มีกำหนด' ทำให้แฟนๆที่เคยเห็นตัวอย่างจากไอดอลที่เจอ scandal เล่นงานจนหายหน้าไปจากวงการก็มีความเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะไม่ได้เห็น Lucas กลับสร้างผลงานทั้งในเกาหลีและจีนอีก
ก่อนหน้าจะตกเป็นข่าวฉาว Lucas นับเป็นไอดอลอนาคตไกลที่ได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนดอมทั้งเกาหลีและจีน เขากำลังจะปล่อยผลงานดูโอร่วมกับ Hendery แห่ง WayV แต่ ณ ตตอนนี้ อนาคตการเป็นศิลปินถูกแขวนไว้กับคำว่า 'พักงานอย่างไม่มีกำหนด' ทำให้แฟนๆที่เคยเห็นตัวอย่างจากไอดอลที่เจอ scandal เล่นงานจนหายหน้าไปจากวงการก็มีความเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะไม่ได้เห็น Lucas กลับสร้างผลงานทั้งในเกาหลีและจีนอีก
Hollywood
มีหลักฐานเรื่องพฤติกรรม abusive ถูกนักสร้างหนังเขี่ยทิ้งแทบทุก project
เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี Armie Hammer นักแสดงหนุ่มมี่ถูกหญิงสาวหลายคนแฉว่าถูกล่อลวงให้หลงเสน่ห์ แต่ต้องหวาดผวากับรสนิยมทางเพศที่ฝักใฝ่ความรุนแรงและวิปริตเกินทำใจรับ อาจจะทำให้คิดว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอดอลK-Pop กลุ่มผู้หฐิงที่กล่าวหา Armie เปิดเผยทั้งชื่อและหน้าตา พวกเธอแสดงภาพแชทโต้ตอบกันที่แสดงจินตนาการทางเพศแบบเลือดสาดของฝ่ายชาย ทั้งยังมีภาพชวนสะดุ้งอย่างตอนที่เขาทำเหมือนกับบีบคอตัวเอง หรือแม้กระทั่งข้อความที่เหมือนกับจะขู่ให้หวาดกลัวที่ถูกฝากไว้ตรงประตู
ผู้กล่าวหาบรรยายตรงกันว่า Armie ใช้มาดพระเอกเสน่ห์ล้นเหลือทำให้พวกเธอตกหลุมรัก และค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นจอมบงการจนทนไม่ไหวแฟนเก่าเผยว่า ทุ่มเงินเพื่อเอาอกเอาใจพระเอกหนุ่มที่อ้างว่ามีรายได้ไม่มากพอ แต่เมื่อทุกข์ใจกับความสัมพันธ์ toxic มากขึ้นเรื่อยๆก็เผ่นหนีแทบไม่ทัน เธอบอกเล่าประสบการณ์สุดสะพรึงว่า เขาเคยบรรยายจินตนาการเรื่องนำเนื้อของเธอไปทำบาร์บีคิวกิน และยังเพิ่มความน่ากลัวด้วยการเลียเลือดจากแผลของของเธอมาแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีพฤติกรรมอื่นๆที่สังคมวิพากษ์อย่างดุเดือด เช่น การส่งต่อภาพของแฟนสาวให้เพื่อนฝูงชมโดยไม่ได้รับความยินยอม กรีดตัวA ใกล้ของลับของแฟน (แบบมีภาพยืนยัน) หลังจากนั้น ทนายของเขาก็ได้ออกโรงปกป้องว่า เรื่องราวที่ฟังดูน่าสยองทั้งหลาย เกิดขึ้นมาจากความยินยอมพร้อมใจของฝ่ายหญิงทั้งนั้น แต่การปกป้องตัวเองไม่ฉุดให้ภาพลักษณ์ของเขาดีขึ้นแต่อย่างใด
เรื่องราวยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อเจ้าของaccount House of Effie ที่เปิดประเด็นเรื่องนี้ได้เผยตัวว่า เธอเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับเขา และต้องทุกข์ทรมานเมื่อต้องกลายป็นเหยื่อที่ถูกทารุณทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งถูกตบตีและถูกบังคับต้องมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงวิปริต ในขณะทนายของพระเอกหนุ่มแย้งว่า เธอต่างหากที่มีรสนิยมชื่นชอบความรุนแรง และคอยส่งข้อความแสดงจินตนาการทางเพศว่าต้องการให้เขากระทำกับเธอต่างนานา แต่เขาคือผู้ที่บอกปัดเธอว่าไม่สามารถทำตามที่เธอปรารถนาได้ ทนายสรุปด้วยการยืนยันว่า เรื่องพฤติกรรมทางเพศกับคู่ขาทุกคนเกิดจากข้อตกลงจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การบีบบังคับหรือล่วงละเมิด ในขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการสืบสวนของ LAPD
จากที่ถูกยกให้เป็นพระเอกเนื้อหอมอนาคตสดใส Armie ถูกปลดจากหนังรัวๆ agency และประชาสัมพันธ์ยกเลิกสัญญา แม้ว่าจะตัดสินใจเข้ารับการบำบัดเพื่อแก้ไขพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดและดื่มเหล้า แต่ชื่อของเขากลายเป็น Big NO สำหรับนักสร้างหนัง ส่วน project หนังที่ถ่ายทำเสร็จสิ้นไปแล้วอย่าง Death on the Nile ก็เจอกับความกดดันจนสตูดิโอตัดสินใจเลื่อนการปล่อยหนังฉายในโรงออกไปเป็นปีหน้า แม้จะมีการยืนยันไม่การถ่ายทำใหม่และไม่เปลี่ยนตัวนักแสดง แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า หนังที่มีทุนสร้างถึง 90 ล้านเหรียญนี้อาจจะเจอผลกระทบจากข่าวฉาวโฉ่จนยอดขายตั๋วตกต่ำก็เป็นได้
จะเห็นได้ว่า แม้จะถูกข้อกล่าวหาที่รุนแรงทั้งใช้ความรุนแรงและข่มขืน แต่นายทุนก็ตัดสินใจเข็นผลงานเข้าโรงต่อ แต่หลายคนเข้าใจมุมมองของนักสร้างหนังได้ว่า ไม่ต้องการให้การร่วมมือร่วมใจสร้างหนังจากทีมงานนับร้อยสูญเปล่าไปกับข่าวฉาวของคนๆเดียว แต่ถ้าเป็น project ใหม่ที่อยู่ระหว่างการวางแผนถ่ายทำ ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครยอมเสี่ยงดึงตัวเขามาร่วมงานด้วย เพราะกระแสสังคมมุ่งไปทางเชื่อผู้กล่าวหามากกว่าการชี้แจงจากพระเอกรายนี้นั่นเอง
ข้อกล่าวหาล่อลวงหญิงไปข่มขืน
Hollywood
หากเป็นข้อกล่าวหาจากคำพูดลอยๆ และตัวศิลปินก็ประกาศปฏิเสธชัดเจน ทั้งยังไม่มีการแจ้งความ สังคมก็ดูเชื่อฝั่งคนดังมากกว่าผู้ที่ไม่เผยตัวตนบน social media
เมื่อปีผ่านมา โลกออนไลน์ต้องสั่นสะเทือน จากกรณีของนักแสดงนำจากซีรีส์ Riverdale ทั้งหญิงและชายที่ต้องเครียดจัดเมื่อ user ปริศนาได้ประกาศกลาง Twitter ว่าถูกพวกเค้าล่วงละเมิดทางเพศ แต่ไม่นานต่อมา user ดังกล่าวได้อ้างหน้าตาเฉยว่าแค่โกหกเพื่อพิสูจน์ว่า ผู้คนเชื่อข่าวลวงกันง่ายดายแค่ไหน
และในช่วงเวลาติดๆกัน ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ใช้ Twitter เป็นสื่อกลางเพื่อเผยประสบการณ์อันเจ็บปวดย้อนไปในปี2014ว่า Justin Bieber ได้เชื้อเชิญให้เธอเข้าไปหาในโรงแรม Four Seasons ที่ Texas และใช้กำลังขืนใจโดยไม่สนใจคำปฏิเสธของเธอ
Justin ไม่ได้ทิ้งช่วงการโต้ตอบไว้นาน ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เขาใช้หลักฐานการเข้าพัก Airbnb ยืนยันว่า ไม่ได้เข้าพักในโรงแรมที่หญิงสาวผู้นั้นกล่าวอ้าง เขาได้ยกSelena Gomez ที่กำลังคบหากันในขณะนั้นมาอ้างอิงว่า พวกเค้าไปถึงที่ Texas เมื่อเวลาดึกดื่นด้วยหลักฐานภาพจากpaparazzi นอกจากยังมีคำรับรองจากฝ่ายจัดการของโรงแรม Four Seasons ที่ยืนยันได้ว่า เขาไม่ได้เข้าพัก หรือเข้าไปเป็นแขกของ Four Seasons แต่อย่างใด
Justin ไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นเท่านั้น เขายังเดินหน้าฟ้องร้องหมิ่นประมาทจาก user สองคนที่กล่าวหาเรื่องข่มขืนเป็นค่าเสียหายคนละ 10 ล้านดอลลาร์! ความคืบหน้าในคดีนี้คือ ศาลได้อนุมัติหมายเรียกให้ user ทั้งสองเปิดเผยตัวตน ซึ่งทนายของเขาได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นไปได้ที่เจ้าของ2 account นี้จะเป็นคนเดียวกัน หลายคนยังเฝ้าให้รอความจริงกระจ่างว่า เขาเป็น rapist ตามที่ถูกกกล่าวหา หรือตกเป็นเหยื่อการใส่ร้ายป้ายสีกันแน่!
ความแตกต่างเรื่องกฎหมายเรื่องยาเสพติด
Hollywood
ได้รับกำลังใจหลังจากใช้ยาเสพติดชนิดร้ายแรงเกินขนาดจนถูกส่งตัวเข้า ICU และสามารถกลับสู่วงการท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น
ศิลปินดาราจาก Hollywood จำนวนไม่น้อยได้จบชีวิตก่อนวัยอันควรจากพิษยาเสพติด และหลายคนที่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายจากอาการเสพยาเกินขนาดก็เคยออกมาแบ่งปันเรื่องราวอันเป็นอุทธาหรณ์ในการใช้ชีวิตเพื่อชี้นำให้แฟนๆได้เข้าใจถึงภัยร้ายแรงจากยาเสพติด คนดังเหล่านั้นมักได้รับกำลังใจและเสียงชื่นชมจากผู้คนที่สามารถก้าวข้ามด้านที่มืดมนของชีวิตไปได้
Demi Lovato เป็นหนึ่งในคนดังที่เปิดเผยถึงปัญหาหารเจ็บป่วยทางจิตใจที่ทำให้หันไปเสพยา แม้จะเคยรับการบำบัดมาแล้ว แต่ก็หวนกลับไปใช้ยารุนแรงอีกครั้ง ในปี 2018 นักร้องถูกส่งตัวสู่โรงพยาบาลโดยด่วนจากอาการเสพยาเกินขนาด ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นแบ่งแห่งเป็นความตายด้วยอาการหัวใจวายและหลอดเลือดสมองแตก แม้แพทย์จะช่วยชีวิตDemiได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็มีผลกระทบจากอาการบาดเจ็บทางสมองจนไม่สามารถขับรถเพราะประสิทธิภาพการมองเห็นลดลงไป เมื่อไม่นานมานี้ Demi ยังได้เผยถึงdetailสุดช็อคอีกอย่างว่า จากการเสพเฮโรอีนในคืนนั้น พ่อค้ายายังถือโอกาสตอนที่เธอไม่มีสติเต็มที่ล่วงละเมิดทางเพศจนกลายเป็นแผลใจยากที่จะลืมเลือน
การกลับคืนสู่วงการเพื่อสร้างผลงานในฐานะศิลปินนั้นได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนจำนวนมาก หลังจากเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพยาเกินขนาด การปรากฏตัวในงาน Grammy เป็นในปีที่แล้วได้รับ standing ovation จากกลุ่มผู้ชม เธอได้นำประสบการณ์นี้มาถ่ายทอดในวีดีโอ Dancing With the Devil สร้างความหวังให้กับแฟนๆว่า หลังจากพลิกชีวิตให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอย เธอจะรักษาตัวจนดีขึ้น ไม่กลับไปเสพยาอย่างเด็ดขาด
Elton John และ Eminem เคยผ่านวิกฤติการเสพยาเกินขนาดมาแล้ว่นกัน การพลิกชีวิตให้กลับมา healthyได้สร้างแรงบันดาลใจต่อแฟนๆ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต่อสู้กับสิ่งร้ายกาจนี้ได้ ทำให้พวกเราได้เห็นข่าวยาเสพติดพรากชีวิตคนดังแทบทุกปี
เกาหลี
กฎหมายเรื่องยาเสพติดสุดเข้มงวดที่ทำให้ไอดอลเกาหลีที่เสพกัญชาหมดอนาคตในวงการ
กฏหมายเอาผิดการใช้ยาเสพติดอย่างรุนแรงในเกาหลีทำให้สังคมต่อต้านผู้ที่ใช้ยาอย่างเต็มที่ ไอดอลบางคนต้องจบอาชีพศิลปินเมื่อถูกตรวจพบสารที่ตกค้างจากการเสพกัญชา และกลายเป็นความผิดพลาดที่ผู้คนไม่อาจจะให้อภัยได้
ไม่เพียงแต่ไอดอลใน generation หลังๆ แม้แต่แม้แต่TOP แห่ง Big Bang บอยแบนด์ทรงอิทธิพลก็ต้องพักงานยาวนานหลังจากต้องโทษรอลงอาญาเมื่อถูกตรวจพบสารเสพติดจากการสูบกัญชาในร่างกาย นั่นทำให้สื่อและชาวเน็มจากตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์ถึงกฎหมายและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ในขณะที่อีกฟากโลก บางรัฐได้มีการอนุญาติให้ซื้อขายกัญชาได้ตามกฎหมาย(ตามกรอบเงื่อนไขและข้อควบคุมที่แตกต่างกันไป) คนดังกลุ่มหนึ่งได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อนสันทนาการอย่างเต็มตัว บ้างก็หันมาทำธุรกิจสร้างแบรนด์กัญชากันออกหน้าออกตา แต่ในหลายประเทศแถบตะวันออก กัญชาคือสิ่งเสพติดที่อาจจะทำให้ถูกจำคุกจนหมดอนาคต โดยเฉพาะคนดังที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์เพื่อเป็นแบบอย่างอันดีงาม หากถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง แม้จะเป็นการรอลงอาญา แต่ก็ต้องคุมประพฤติกลายเป็นคนมีประวัติ ซึ่งห่างจากความคาดหวังของสังคมที่ต้องการให้คนดังครองตัวบนเส้นทางอันดีงามไร้ความมัวหมองใดๆ
แม้จะพิสูจน์ได้ว่าใช้ยาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย แต่ก็ถูกสังคมพิพากษาจนต้องเจ็บปวดทรมาน จำใจเก็บตัวออกห่างจากวงการ
กระแสต่อต้านในตัวพัค บอม เมื่อมีการเปิดเผยว่าเธอสั่งยาAdderall จากอเมริกาเข้ามาที่เกาหลี ส่งผลให้มีการปล่อยข่าวลือว่าเธอเป็นอาชญากรลักลอบขนยาเสพติด เพราะนี่คือตัวยาที่ถูกขึ้นทะเบียนว่าผิดกฎหมายในเกาหลีเพราะมีส่วนผสมของแอมเฟตามีน แต่แม้จะมีการชี้แจงอย่างชัดเจนว่า เธอเคยใช้ยานี้รักษาโรคสมาธิสั้นในขณะที่อาศัยในอเมริกา ซึ่งผู้ป่วยสามารถใช้ยานี้ได้ถูกต้องตามกฎหมายหากมีใบสั่งยาจากแพทย์ การสืบสวนข้อเท็จจริงทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เธอสั่งยาเข้ามาเนื่องจากไม่รู้กฎหมายเกาหลี จึงรอดพ้นจากการถูกตั้งข้อหา แต่ก็ทำให้อาชีพไอดอลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงต้องพังทลายลงทันที
แม้จะมีแฟนๆที่เชื่อมั่นว่าเธอพูดความจริง และทำผิดพลาดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ก็ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาว่าเป็นขี้ยาและใช้เส้นสายเพื่อปิดบังความปิดได้บีบคั้นให้พัค บอมทิ้งความฝันในการเป็นศิลปินไปนานถึงห้าปี แต่ในที่สุดเธอก็ก้าวข้ามความหวาดกลัวแรงเกลียดชังอันรุนแรงจากคนในสังคม และตัดสินใจกลับเข้าสู่วงการ แม้จะหลีกเลี่ยงคำพูดว่าร้ายไปไม่ได้ แต่เธอยืนยันความทุ่มเทเต็มที่เพื่อจะได้รับโอกาสอีกครั้ง ถึงวันนี้ พัค บอมในวัย 37 ปีก็ยังโลดแล่นในวงการในฐานะไอดอล แต่ก็เป็นเส้นทางที่ทำให้สะบักสะบอมจนแฟนต้องใจหาย
ญี่ปุ่น
นางเอกชั้นนำที่ถอนตัวออกจากวงการหลังจากต้องโทษมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
เชื่อว่าแฟนๆซีรีส์ญี่ปุ่นหลายคนยังจดจำภาพนางเอกแสนน่ารักจากซีรีส์บันทึกน้ำตา 1 ลิตรกันได้ แต่สักพักหลังจากที่โด่งดังเป็นพลุกแตกชื่อของเอริกะ ซาวาจิริก็ถูกสื่อจัดเข้าไปอยู่ในบัญชีดำ เพราะเจ้าตัวดันไปทำท่าทางมั่นเกินเบอร์ในงานโพรโมทหนัง การแสดงกิริยาที่ไม่ให้เกียรติคนรอบข้างและตอบคำถามสื่อด้วยความเย่อหยิ่งนำไปสู่ดราม่าระดับชาติที่ทำให้นางอกสาวสวยต้องพักงานไปนาน แน่นอนว่าเธอต้องส่งคำขอโทษที่แสดงถึงความจริงใจเพื่อแก้ไขสถานการณ์ และกว่าสาธารณชนใจอ่อนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เอริกะได้ใช้ผลงานพิสูจน์ความสามารถจนกลับเข้ามาอยู่ในทำเนียบนางเอกชั้นน้ำได้อีกครั้ง
แต่ความพยายามที่ผ่านมาต้องภินท์พังไร้การเยียวยา เมื่อเธอถูกจับกุมด้วยข้อหามียาในครอบครอง (MDMA) เอริกะยอมรับความผิดทุกข้อกล่าวหา และยังยอมรับว่า ใช้ยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 19 ปี ผู้พิพาษาษาตัดสินให้เธอรับโทษรอลงอาญาสามปีเนื่องจากเชื่อว่า เธอสำนึกผิดอย่างแท้จริงและพร้อมจะรับการช่วยเหลือเพื่อรักษาอาการเสพติดจากแพทย์และครอบครัว เรื่องราวลงเอยที่คำขอโทษจากนางเอกสาวสวยและการยืนยันว่า เธอจะไม่กลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีก
ข้อกล่าวหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
จีน
ครูสอนภาษาเจ้าของฉายาGodfather of English ที่ชื่อเสียงมัวหมองเพราะทำร้ายร่างกายภรรยา
เมื่อหลายปีก่อน หลี่ หยาง ผู้ก่อตั้งสถาบันสอนภาษา Crazy English ได้สร้าง norm ในวงการศึกษาจีนด้วยการนำเสนอหลักการฝึกฝนภาษาอังกฤษสุดพิลึกพิลั่น โดยเฉพาะการตะโกนศัพท์อังกฤษออกมาสุดเสียงเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า นี่ไม่ใช่วิธีเรียนภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะครูสอนภาษาที่ต่อต้านหนักจนเขาถูกห้ามไม่ให้เปิดการสอนในบางมณฑล แต่หลี่ หยางกลายมาเป็น tutorชื่อดังที่ได้รับเชิญจากโรงเรียนในมณฑลต่างๆ ชื่อเสียงนั้นจัดได้อยู่ในขั้นเซเลบ ทั้งออกรายการ TV และเป็นขวัญใจลูกศิษย์และผู้ปกครอง
แต่ scandal การใช้ความรุนแรงกับภรรยาทำให้ชายผู้ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในจีนหายหน้าหายตาไปจากสื่อ เมื่อภรรยาชาว Americanเผยว่า ถูกเขาทำร้ายร่างกายจนเลือดตกยางออก หลี่ หยางยอมรับว่าตบตีภรรยาบ้างเป็นบางครั้ง แต่กล่าวโทษอีกฝ่ายไม่มีพฤติกรรมย่ำแย่ที่เอาเรื่องภายในครอบครัวไปประจาน ซึ่งขัดต่อประเพณีจีน
ปากคำจากภรรยา: สามีคนดังตบตีแล้วบอกว่านี่คือวัฒนธรรมจีน นั่
นไม่ต่างจากคำเย้ยหยันว่าสังคมจีนเพิกเฉยเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว คนในสังคมร่วมประนามการกระทำของหลี่ หยาง ภาพลักษณ์ที่เสียหายหนักทำให้เขาประกาศขอโทษภรรยาและสาธารณชนพร้อมทั้งสัญญาว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงอีก
แต่ภรรยาชาวอเมริกันไม่ได้ยอมรับคำขอโทษอย่างยินดีแล้วกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ คดีการใช้รุนแรงฝนครอบครัวนี้ได้นำไปสู่การหย่าร้างที่ชาวจีนเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากศาลตัดสินให้ภรรยาได้ทั้งสินสมรสและสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก เธอได้ใช้โอกาสนี้ทำหน้าที่นักเคลื่อนไหวเพื่อจุดประกายเรื่องการต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มสนับสนุนสิทธิสตรีที่เรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ และปกป้องช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกบีบบังคับให้กล้ำกลืนฝืนทนในสังคมชายเป็นใหญ่
แต่สิบปีผ่านไป แม้ชื่อของหลี่ หยางจะไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากสื่อเหมือนในอดีต แต่ก็มีข่าวฉาวขึ้นมาอีกเมื่ออดีตภรรยากล่าวหาเรื่องใช้ความรุนแรงกับลูกๆ post และคลิปเสียงหลักฐานการabuseลูกสาวที่อดีตภรรยานำมาแชร์ใน Weibo ดึงดูดชาวเน็ทจีนให้เข้าไปชมหลายสิบล้านครั้ง จากประวัติที่เคยทุบตีภรรยาก็ทำให้หลายคนเชื่อว่าหลี่ หยางทำร้ายลูกจริงๆ แต่ท่ามกลางเสียงประนามว่าเขามีพฤติกรรมร้ายกาจดุจปีศาจ ก็มีผู้เข้ามาปกป้องว่า การทำโทษเพื่อให้ลูกรักษาระเบียบวินัยเป็นเรื่องปกติของวัฒนธรรมจีน แม้จะต้องลงไม้ลงมือหรือใช้การขู่ตะคอก ก็ไม่ใช่เสียหายจนต้องถูกด่าว่าอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ฝั่งครอบครัวของหลี่ หยางได้ชี้แจงว่า เขาไม่เคยทำโทษลูกสาวด้วยการใช้ความรุนแรง แต่เป็นการตักเตือนเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งเขาอาจจะใช้อารมณ์ไปบ้าง นั่นไม่น่าแปลกใจเพราะลูกหนีเรียนและริมีเพื่อนชายนั่นเอง
แม้จะscandalงความรุนแรงในครอบครัวเมื่อหลายปีก่อนจะทำลายภาพลักษณ์ 'ครูผู้สร้างแรงบันดาลใจ' ของหลี่ หยาง แต่ไม่ได้หยุดยั้งการเดินหน้าธุรกิจเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ปกครองให้ส่งบุตรหลานมาเล่าเรียนภาษาอังกฤษ เขายังเปิด English Camp ตามโรงเรียนต่างๆ และมีเด็กนักเรียนเข้าร่วมครั้งละนับร้อยนับพัน ถึงจะไม่ใช่ครูเซเลบเหมือนเดิม แต่ธุรกิจก็ไม่ได้ถึงทางตัน
จีน
พระเอกดังต้องออกจากวงการหลังจากถูกกล่าวหาเรื่องทำร้ายร่างกายแฟนสาว
เจียง จินฟูขึ้นแท่นเป็นพระเอกซีรีส์จีนติดต่อกันหลายเรื่อง เรียกได้ว่าเส้นทางของ superstar นั้นอยู่ไม่เกินเอื้อมแล้ว แต่พฤติกรรมรุนแรงก็ทำให้ชีวิตพระเอกดังต้องจบเห่แบบไม่น่าจะกู่กลับ
ข่าวเกรียวกราวเริ่มต้นในขณะที่เจียง จินฟูพักกับแฟนสาวอยู่ที่ญี่ปุ่น เธอพาร่างอันบอบช้ำไปแจ้งความว่าถูกพระเอกหนุ่มหล่อทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ในเวลาต่อมา เธอได้ให้ข้อมูลกับสื่อญี่ปุ่นว่า หากเกิดโทสะขึ้นมา เจียงจินฟูจะทำร้ายเธอไม่ยอมหยุดจนกว่าจะหมดแรงไปเอง เขาทำฟันเธอหักไปสองซี่ หนักขึ้นไปอีกก็ใช้ค้อนทุบเธอจนน่วม
หลักฐานที่มัดตัวชัดเจนไม่น่าจะเปิดโอกาสให้พระเอกจีนหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาไปได้ เขาแสคงความสำนึกผิดผ่าน social media และมอบตัวต่อตำรวจญี่ปุ่น แต่ในที่สุดก็ถูกปล่อยตัวหลังจากขมีการถอนข้อกล่าวหา ( น่าจะมาจากการเจรจายอมความ)
ข่าวช็อคแฟนๆ นั้นทำให้พระเอก A List อย่างหู เกอต้องช็อคไปด้วย เมื่อเขาแสดงความเห็นใจเจียง จินฝูด้วยการบรยยายถึงความทรงจำดีๆที่มีด้วยกัน และแสดงความเห็นว่า แม้จะทำผิดพลาด แต่ก็อย่าท้อถอย เรายังอยากรับฟังความจริง แม้หู เกอจะปิดท้ายว่า ไม่ได้ปกป้องเจียง จินฝู แต่พูดด้วยความรู้สึกโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือจะเป็นซุน อี้โจว พระเอกที่ประกาศว่าจากประสบการณ์ที่ได้คบหากัน เขาเชื่อมั่่นในตัวเจียง จินฝู และรอคอยจะได้ยินเรื่องราวอีกด้านจากเพื่อน นอกจากนักแสดงสองคนนี้ก็ยังมีพระเอกนางเอกที่ประกาศว่า ขอเลือกเจียง จินฝูและแสดงความเชื่อว่า เหตุความรุนแรงไม่ได้เกิดจากฝ่ายชายเพียงผู้เดียว การแสดงตัวเข้าข้าง abuser ทำสร้างความโกรธเกรี้ยวให้ชาวเน็ทจีนจำนวนมาก จนทำให้นักแสดงกลุ่มนี้ต้องออกมาขอโทษที่ใช้คำพูดไม่เหมาะสม
แม้จะรอดจากคดีความในญี่ปุ่น แต่เจียง จินฟูก็ถูกแฟนอีกคนฉพฤติกรรมรุนแรงซ้ำ สาวสวยเชื้อสายอุุรุกวัยที่คบหากับพระเอกจีนได้บรรยายประสบการณ์ว่า เป็นช่วงเวลาที่เหมือนกับถูกคุมขัง เขามีอารมณ์รุนแรงและตามจับผิดด้วยความหึงโหด เมื่อบันดาลโทสะก็ขู่จะฆ่าเธอ เธอยังเผยหลักฐานเป็นภาพรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกาย และออกตัวว่า เพราะถูกควบคุมการใช้โทรศัพท์ จึงมีภาพหลักฐานเพียงไม่มาก
เจียง จินฟูถูกมองว่าเป็นดาวดับแสงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง แต่เขาไม่ได้อับจนไปหมด แล้วก้าวสู่เส้นทางใหม่ด้วยงาน DJ ในคลับ แต่ถ้าเป็นวงการบันเทิงที่เคยสร้างชื่อเสียงอันรุ่งเรือง น่าจะเป็นสถานะที่ถูก cancel ถาวร