เรื่องจริงน่ารู้ของชาวRed Head

43 14
จากคราวที่แล้วที่เราได้เล่าเรื่องราวของผมบลอนด์อันเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายปรารถนา  ก็ถึงคิวของผมแดง   หรือที่บางคนอาจจะเรียกว่าผมส้มหรือ ginger  ผู้ที่มีสีผมอันโดดเด่นนี้ต่างต้องรับมือกับเรื่อง stereotype จากสังคมจนกลายเป็นปัญหา bully   ต้นตอความเชื่อเหล่านี้มาจากไหน    ชาวผมแดงรับมือกับอคติเหล่านี้เช่นไร  มาติดตามกันได้เลย


สีผมที่พบได้น้อยที่สุดในโลก  และยิ่งหายากมากขึ้นเมื่อจับคู่กับดวงตาสีฟ้า

ประชากรผมแดงมีอยู่น้อยกว่า 2% ของจำนวนประชากรโลก   โดยประเทศที่ปรากฏชาวผมแดงหนาแน่นที่สุดไล่เลี่ยกันคือสก็อตแลนด์ (13%) รองลงมาคือไอร์แลนด์ (10%)    คนที่อาศัยอยู่ในสองประเทศนี้อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าเห็นผมแดงได้ทุกหนทุกแห่งขนาดนั้น  เพราะที่จริงแล้ว พวกเค้าก็เป็นส่วนน้อยของสังคมอยู่ดี  แต่เมื่อพูดถึงสองประเทศนี้เมื่อไร  หลายคนก็มักจินตนาการภาพของชุมชนชาวหัวแดง  รวมถึงคำพูดติดปากเมื่อได้เจอคนผมแดงว่า  "คุณต้องเป็นคนไอริชแน่เลย"

แม้แต่ผู้คนในประเทศก็ยังล้อเลียนเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ อย่างในไอร์แลนด์ที่เคยมีกรณีร้องเรียนละครตลกที่ใช้มุกตลกบ่งชี้ว่า ผมแดงคือรูปลักษณ์ที่ไม่น่ามองชวนขำขัน สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่มีผมแดงและถือว่าเป็นพฤติกรรม discrimination ที่ส่งเสริมให้ผู้คน bully และสร้างความแปลกแยกให้กับผู้ที่มีผมแดง แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบกระจายเสียงทางวิทยุและโทรทัศน์ได้พิจารณาแล้วว่า ผมแดงไม่ใช่สัญลักษณ์ที่บ่งบอกความแตกต่างทางเชื้อชาติ จึงปฏิเสธรับการพิจารณาคำร้องดังกล่าว

Stereotype  ของชาวผมแดงที่ถูกถ่ายทอดสืบกันมาตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์

Stereotype  ผู้หญิงผมแดง  = femme fatale
 นักกวีหนุ่มแห่งสมัยโรแมนติค John Keats  ได้ประพันธ์บทกลอน La Belle Dame sans Merci  หรือที่แปลได้ว่า โฉมงามผู้ไร้ความเมตตา พรรณนาถึงหญิงสาวที่ได้ล่อลวงอัศวินหนุ่มด้วยความงามชวนตะลึงและเสียงขับร้องชวนหลงไหลให้ตกอยู่ในชะตากรรมอันตราย   จิตรกรชื่อดังหลายคนได้นำบทกวีนี้ไปเป็นแรงบันดาลใจสร้าศิลปะภาพวาดอันงดงาม  ถ่ายทอดภาพเทพธิดาเกเรที่ยั่วยวนผู้ชายให้ติดกับจากบทกวีเป็นสาวผมแดงยาวเหยียด  และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของ femme fatale  (สาวสวยสังหาร นางร้ายอันตรายที่ใช้ความงามเป็นอาวุธ)    


เหตุใดจึงต้องเป็นสาวผมแดงล่ะ?





ย้อนกลับไปยังยุคกลาง ผมแดงเคยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจร้าย แวมไพร์ หรือแม่มด อันเป็นวิสัยมนุษย์ยุคโบราณที่รู้สึกหวั่นกลัวต่อความแตกต่างจนต้องยัดเยียดความผิดธรรมชาติให้กับผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
Aristotle นักปรัชญาชาวกรีได้บรรยายไว้ว่า

"ผู้ใดที่มีผมสีน้ำตาลคือคนกล้าหาญดุจราชสีห์ ส่วนพวกผมแดงนั้นเป็นอันธพาล เปรียบดังจิ้งจอก"

ในขณะที่ผมสีบลอนด์ได้รับคำชื่นชมมาตั้งแต่โบราณว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามดุจสีแห่งดวงสุริยัน แต่กลับมีการส่งต่อความเชื่อว่า คนผมแดงไร้วิญญาณ เพราะได้ขายวิญญาณไปให้กับปีศาจ หากยังอยากตัวตนไว้ ก็อย่าจ้องตาคนผมแดง เพราะจะถูกช่วงชิงวิญญาณไปได้


เมื่อเวลาผันเปลี่ยนไป มนุษย์ก็ได้ค้นคว้าพิสูจน์ว่า คนผมแดงมีผิวหนังที่บอบบางไวต่อแสงUV จนไหม้แดดได้ง่าย และมีรูปลักษณ์ที่แสนหายากจากการกลายพันธุ์ของgene ที่เรียกว่า MC1R แต่คนผมแดงในยุคโบราณต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้าย จากรายงานว่า ผู้หญิงผมแดงราวๆ45,000คนต้องสังเวยชีวิตจากการถูกประหารด้วยการเผาทั้งเป็นที่เยอรมนีในศตวรรษที่ 15




 แม้ว่าในยุคโมเดิร์น ผู้คนจำนวนมากจะยึดมั่นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้มากขึ้น    ทุกวันนี้ หากแสดงความเชื่อแบบหัวปักหัวปำว่าเราว่าสามารถตัดสินนิสัยใจคอของคนอื่นได้จากสีผมก็คงถูกมองด้วยสายตาแปลกประหลาด  แต่ก็ยังมีผู้ที่ยังยึดติดว่า ผมแดงคือสัญลักษณ์ทางเพศที่ดูเร่าร้อนเย้ายวนใจจากการติดตามสื่อต่างๆที่นำเสนอภาพสาวร้ายผมแดงตั้งแต่ฮอลลีวู้ดยุคทอง      ในยุคปัจจุบัน สื่ออาจจะลดการตีตราเรื่องความร้ายลงไป    แต่ก็ยังมีผู้เชิดชูผมแดงว่าเป็นสัญลักษณ์ทางเพศที่ดูเย้ายวนไม่ต่างจากลิปสติกสีแดง   นางเอกบางคนต้องย้อมผมแดงรับบทหนังและได้รับเสียงชื่นชมว่าดู sexy เป็นที่จดจำมากกว่าสีผมเดิมตามธรรมชาติ
 
Stereotype เรื่องทางเพศ

Hamburg Research Institute ในเยอรมนีได้เก็บตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ว่า คนผมมีแดงsex life ที่ activeมากกว่าคนสีผมอื่น แต่เป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้หญิงในหลักร้อยเท่านั้น อาจจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ชื่อเสียงที่เลื่องลือมานานนั้นมีความจริงมากสักแค่ไหน


การส่งต่อเรื่องเล่าทางเพศในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ทำให้คนผมแดงถูกเหมารวมวาสมีความปรารถนาทางกามารมณ์สูงกว่าคนทั่วไป หากเป็นยุคนี้ ผู้คนจะมีแนวโน้มเชื่อถือแนวคิดเรื่องจุดสัมผัสของคนผมแดง เนื่องจากผิวพรรณที่บอบบางไวต่อแสงและการวิจัยที่ชี้ว่า พวกเค้ามีสัมผัสไวต่ออุณหภูมิร้อนและเย็น จนมีผู้ฟันธงว่าคนหัวแดงมีความรู้สึกไวต่อการสัมผัสและถูกปลุกเร้าได้ง่ายกว่าผู้ที่มีผมสีอื่น หากร่วมกิจกรรมอีโรติคบนเตียงกับคนผมแดง ย่อมสร้างความสุขสมเป็นพิเศษ บ้างก็เล่น joke อย่างสนุกสนานว่า หากไม่เคยมีประสบการณ์sexกับสาวผมแดงถือว่ายังไม่รู้จักทีเด็ดของsex อย่างแท้จริง



ในซีรีส์ Girls ซีซันสุดท้าย นางเอก(Lena Dunham) ได้เม้ามอยกับเพื่อนชายถึงอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นสาวผมแดงว่า แต่งตัวด้วยแฟชั่นสาวแบ๊ว แต่มีพฤติกรรมร่านราคะ ลีลาsex ดุเดือดจนทำให้คอนดอมฉีกขาด และสองคนก็ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า

"พวกหัวแดงก็เป็นแบบนี้แหละ"

ถึงพวกเราจะไม่ได้มีผมสีแดง ก็คงรู้สึกเหมือนกันว่าคำพูดเหมารวมเช่นนี้ไม่แฟร์สุดๆ



มีผู้วิจารณ์ว่า ด้วยความหายากของผมสีแดง ทำให้หลายคนเกิดความปรารถนาจากความคาดหวังต่อความแปลกใหม่เร้าใจ โดยเฉพาะเพศหญิงถูกเหมารวมว่าความต้องการทางเพศสูงเพราะผมแดง ทุกวันนี้ก็ยังมีผู้ใช้ sex joke ที่ทำให้ผู้หญิงผมแดงรู้สึกถูกด้อยค่าให้เป็นเพียงวัตถุทางเพศ เมื่อวันเวลาที่เปลี่ยนไป สังคมเริ่มเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ทำให้เกิดการเรียกร้องเพื่อยุติการตีตราผู้หญิงผมแดงด้วยเรื่องนี้สักที





ผมแดงของเจ้าหญิง Disney

บางคนอาจจะชี้ว่า ผมแดงไม่ได่ถูกมองเป็นสัญลักษณ์ของความร้อนแรงและร้ายกาจเสมอไป มีเจ้าหญิงผมแดงปรากฏในanimation ของ Disney มาแล้ว

แต่ผมแดงของเงือกน้อย Ariel ก็นับเป็นการตัดสินใจสุ่มเสี่ยงที่มีคนคัดค้าน มีรายงานว่า ผู้สร้างไม่ต้องการให้ลุคไปซ้ำกับนางเงือกแห่งหนัง Splash ที่โด่งดังในยุค80s จึงเลือกผมสีแดงที่ตัดกับหางเงือกสีเขียวกลายมาเป็นลุคในตำนาน แต่ก่อนที่หนังจะประสบความสำเร็จ บริษัทของเล่น The Tyco Toys ได้แสดงความวิตกกังวล เนื่องจากสำรวจยอดขายตุ๊กตาแล้วพบว่า ตุ๊กตาผมแดงเป็นสินค้าขายไม่ออกมาตลอด พวกเค้าไม่แน่ใจสักนิดว่าว่า สาธารณชนจะเปิดใจยอมรับเจ้าหญิงผมแดง ถึงกับเตรียมผลิตตุ๊กตาเงือกน้อยผมสีstrawberry blonde (ผมทองที่มีเหลือบน้ำตาลแดง)ไว้รอเป็น plan B แต่กลายเป็นว่าเตรียมไว้เก้อ เพราะแฟนๆ ต่างก็ต้องการตุ๊กตาเงือกน้อยผมแดงตรงกับanimation ชื่อดัง

Ron Clements ผู้สร้าง animationเบื้องหลังความสำเร็จของเงือกน้อยยังเปิดเผยว่า ผู้บริหารใน Disney ยุคนั้นได้แสดงความต้องการให้Ariel มีผม blonde และภาพสเก็ทช์แรก ก็ยังเป็นผม blonde แต่เมื่อผู้ออกแบบนึกได้ว่า มีเจ้าหญิงผม blonde ไปแล้วจึงความคิดใหม่  ทำให้Ariel กลายเป็นเจ้าหญิงผมแดงของค่ายDisney ในที่สุด


Stereotype ผมแดง =  เลือดร้อน หัวดื้อ
มีคำกล่าวในรัสเซียที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณว่า 'ไม่เคยปรากฏว่ามีนักบุญผมแดง' ที่สื่อความหมายว่า คนผมแดงมีนิสัยดุร้าย  และยังมีบทประพันธ์ยุคประวัติศาสตร์หลายผลงานได้ระบุให้แคแรคเตอร์ที่มีผมแดงแสดงความเลือดร้อน บันดาลโทสะเพียงเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ต่างจากสีผมที่ดูร้อนแรง แต่ก็มีผู้ให้ความเห็นโต้แย้งว่า ตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ สีแดงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความปรารถนา และความอันตราย จึงไม่น่าแปลกใจที่คนผมแดงจะถูกเหมารวมในแง่อารมณ์รุนแรง อีกประการสำคัญก็คือ สีผมโดดเด่นหายากของพวกเค้ามักดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องได้ยินคำพูดยั่วยุให้ไม่พอใจนั่นเอง







ชาวผมแดงในยุคโมเดิร์นยังต้องเผชิญกับปัญหา bully

Ed Sheeran, Jessica Chastain, Julianne Moore, Rupert Grint  และ Madelaine Petsch  ต่างก็เคยถูก bully เพราะสีผมมาก่อน    แม้ทุกวันนี้จะโด่งดังเป็นที่จดจำจากผมแดง  แต่ก็ได้เผยถึงความเจ็บปวดจากสมัยเด็กที่ยากจะผูกมิตรกับคนอื่น เพราะถูกมองว่าเป็นตัวตลก   ชาวผมแดงมักถูกล้อเลียนสองแง่สองง่ามถึงขนอวัยวะเพศ และคำกล่าวหาไร้สาระว่าเป็นพวกหัวแดงไร้วิญญาณ  รวมไปถึงความขาวซีดที่บอบบางไวต่อแสงจนแสบไหม้และลอกหลังจากถูกแดด ไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวให้เข้มขึ้นจากการอาบแดดเหมือนกับคนอื่น
ผมแดงอาจะเป็น trademarkที่สร้างความโดดเด่นให้กับคนดังเรียกว่าเห็นทีเดียวก็จำได้    แต่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า  ผมแดงตามธรรมชาติของพวกเค้าทำให้หลีกเลี่ยงเรื่อง bullyไปไม่ได้เลย


Lily Cole supermodel ผู้เป็นเจ้าของรูปลักษณ์ที่สวยน่ารักราวกับตุ๊กตาได้เล่าว่า รูปลักษณ์ที่แตกต่างจากคนอื่นทำให้เธอเจ็บปวดมากมาก โดยเฉพาะประสบการณ์วัยเยาว์ที่เด็กๆใช้คำพูดแรงๆเกี่ยวกับผมสีแดงของเธอ โดยที่คุณครูไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะมันดูจะไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องความถูกต้องทางการเมือง อย่างเรื่องสีผิว เชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมที่แตกต่าง

"มันไม่ใช่คำพูดเหยียดหยามจากเชื้อชาติ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง  เพราะเด็กๆไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์นี้ได้ด้วยตัวเอง จะย้อมผมหรือสั้นให้สั้นกุดก็ไม่ได้"




คุณคงจำคำพูดของDraco Malfoy ที่ bully เด็กบ้านWealey กันได้ นอกจากจะเหยียดเรื่องฐานะทางการเงินแล้ว คำว่าผมแดงจากปากนายตัวร้ายฟังดู negative อย่างไม่ปิดบัง

"ผมแดง เสื้อคลุมใช้แล้วส่งต่อกัน นายต้องมาจากครอบครัวWeasley แหงๆ"

"พ่อของฉันบอกว่าพวกWeasleyทุกคนต่างก็มีผมแดง ตกกระ และมีลูกดกเกินไปมากกว่าที่จะมีปัญญาส่งเสียไหว"


 
 


ผิวบอบบางที่มาพร้อมกับกระ


 แม้ผู้คนในตะวันตกดูจะเปิดใจกับผิวตกกระมากกว่าฝั่งเอเชียที่นิยมความขาวเรียนไร้จุดใดๆ   เนื่องจากเป็น trait ที่ปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะมีสีผม หรือมีเชื้อชาติใดก็ตาม   นางเอกสาว blonde  Jennifer Lawrence หรือนางแบบสาวbrunet   Kendall Jenner ก็เคยเผยใบหน้าที่มีกระตามธรรมชาติมาแล้ว    แต่หลายคนมองว่าปริมาณและความเข้มของกระที่เด่นชัดของคนผมแดงคือปมด้อยที่ดึงดูดพวก bully ให้คอยตามระราน
แม้จะมีการรณรงค์ให้คนในสังคมยอมรับตัวตนที่แตกต่างของผู้อื่น และโฟกัสในการอบรมสั่งสอนไม่ให้เด็ก bully กันจากรูปลักษณ์ภายนอก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะใส่ใจเรื่องนี้   ที่น่าหนักใจไปกว่านั้นคือ ไม่ได้มีแต่เด็กที่ล้อเลียนกัน ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังเห็นผมแดงเป็นเรื่องตลก  และเมื่อใดก็ตามที่เห็นเป้าหมายชาวผมแดงอยู่ใกล้ๆก็ไม่รีรอที่จะใช้คำพูดเย้ยหยัน  แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่รู้จักกันเลยก็ตาม     เหยื่อ bully หลายคนชี้ว่า  ทั้งผู้ปกครองและครูหลายคนเมินเฉยในสถานการณ์นี้จากความเชื่อว่า การเหยียดผมแดงคือเรื่องปกติที่ยอมรับกันได้ ไม่รีบแก้ไขตักเตือนเหมือนกับสถานการณ์ที่เด็กใช้คำพูดเหยียดผิว bully กัน

ผมแดงที่ทำให้เจ้าชายผู้โด่งดังถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องชาติกำเนิด



เมื่อปรากฎแน่ชัดแล้วว่า เจ้าชายHarry มีผมสีแดงส้ม* บรรดาแทบลอยด์ก็ร่วมประโคมข่าวกันไม่หยุดยั้งว่า เจ้าชายเป็นทายาทของชู้รักของเสด็จแม่ที่มีสีผมคล้ายกัน ทำให้สังคมเฝ้าตั้งคำถามว่า เจ้าชายมีสายสูงศักดิ์ของราชวงศ์หรือไม่?!


*ผู้คนเชื้อสาย European จำนวนมากมีผมสีblonde ในวัยเด็ก และค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีอื่นเมื่อเริ่มโตขึ้น  

แต่มีผู้ที่คัดค้านว่า  ผมสีแดงคือ trait ประจำตระกูล Spencer  ญาติสนิทหลายคนมีผมแดงเด่นชัด  เห็นได้ชัดจาก George McCorquodale ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องฝั่ง Spencer ซึ่งมีวัยไล่เลี่ยกับเจ้าชายHarry    ยิ่งวันเวลาผ่านพ้นไป แม้จะมีผู้หยิบยกประเด็นผมแดงที่พบได้ไม่บ่อยในเชื้อพระวงศ์  Windsor มาโจมตี   เจ้าชายในวัยผู้ใหญ่ก็ยิ่งดูคล้ายกับเสด็จพ่อและเสด็จปู่   คำครหาดังกล่าวจึงค่อยๆเบาบางลง 

สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าginger

แม้จะถูกแซะเรื่องสีผมมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ออร่าของเจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์ได้ดึงดูดเหล่าผู้ปกครองให้พาลูกหลานมาชื่นชมเมื่อเจ้าชายได้ปฏิบัติกรณียกิจ รวมถึงเด็กๆผมแดงที่มาพร้อมกับป้ายให้กำลังใจชาว ginger  และสามารถเรียกความสนใจจากเจ้าชายให้หยุดทักทายอย่างใกล้ชิดมาแล้วหลายครั้ง


ผมแดงที่ทำให้นักแสดงพ่อลูกถูกมองว่าดูดีไม่พอจะเป็นพระเอก


หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินว่า นักแสดงผู้รับบทบาทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันนักใน Harry Potterเป็นพ่อลูกแท้ๆ และอาจจะประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่า ในโลกความเป็นจริง ผมแดงเจิดจ้าของ Bill Weasleyได้รับการถ่ายทอดมาจากมือปราบมาร "Mad-Eye Moody!



Brendan Gleeson ผู้เป็นพ่อได้เล่าประสบการณ์ในการพยายามคว้าบทหนังในHollywood ไว้ว่า ถูกเหยียดมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น

" ผมเคยพูดกับเพื่อนว่า  จะมีผู้หญิงคนไหนที่ได้รู้จักตัวจนจริงๆของผมบ้างรึเปล่า  เพราะมีสีผมมาเป็นอุปสรรค  ผู้หญิงทุกคนที่ผมรู้จักไม่ชอบผมแดง ตอนที่เข้าไปเจอเอเจนท์ที่อเมริกาเป็นครั้งแรก เขาก็บอกเลยว่าผมดู่ขี้เหร่เกินไปจะทำงานวงการนี้"

แต่เขาไม่ได้ถอดใจกับคำพูดเย้ยหยันและโลดแล่นสร้างชื่อในวงการแสดงทั้งที่บ้านเกิดไอร์แลนด์, อังกฤษ และอเมริกา





ส่วน Domhnall ที่รับผมแดงจากพ่อมาเต็มๆ ก็เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เขาโด่งดังในฐานะดาราฮอลลีวู้ดอย่างเต็มตัวด้วยบทหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Star Warsและผลงานที่คุ้นเคยอีกหลายเรื่อง รูปลักษณ์แบบหนุ่มgingerแดงส้มสะดุดตานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่หายากสุดๆในหมู่นักแสดงชาย
เมื่อก้าวมารับบทพระเอกหนังรักโรแมนติค Domhnall ยอมรับว่า ตัวเองดูห่างจาก standard ความหล่อเหลาดึงดูดใจแบบ Hollywood ด้วยผิวขาวจัด รูปร่างผอม และแน่นอนคือผมสีแดง แม้แต่ออกเที่ยวกับเพื่อนที่บาร์ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากสาวๆได้มากนัก





นางเอก A List ที่ปลูกฝังให้ลูกๆและเด็กคนอื่นให้เปิดใจยอมรับผมแดง


เธออาจจะเป็นนางเอกที่ได้รับคำยกย่องว่ามีความงามอันเป็นอมตะ แต่ก็เคยถูก bully เมื่อยังเป็นเด็กเพราะผมสีแดงที่ทำให้ดูแตกต่างจากเด็กที่โรงเรียน เธอเคยอยากจะให้ตัวเองมีผมสีเข้มหรือสี blonde เหมือนกับคนอื่น แต่ในที่สุดก็ทำใจไม่ให้คอยวิตกกังวลได้


เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ลูกทั้งสองของ Julianne รับถ่ายทอดผมสีแดงเจิดจ้าของเธอไปเต็มๆ แต่เธอไม่คิดว่ามันคือปมด้องที่ควรเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป
  "ฉันคิดว่าสีผมของลูกสวยมากค่ะ"
ไม่เพียงแต่จะปลูกฝังให้ลูกๆภูมิใจกับความเป็นคนผมแดง  Julianne ยังเขียนนิทานเด็กประกอบภาพ Freckleface Strawberry  ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กหญิงผมแดงตกกระที่เข้าสู่เรียนรู้เพื่อยอมรับตัวตนที่แตกต่างจากผู้อื่น   จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยจิตตกกับกระเต็มตัว  Julianne แต่งตัวเผยผิวและถ่ายแบบโดยไม่ต้องรีทัชกระได้แบบสบายใจ  แม้ว่าตอนที่ลูกสาวยังเด็กจะเคยบอกกับเธอว่า  "ชอบแม่แบบรีทัชจนผิวไร้กระมากกว่า"  เธอก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด

"ตอนที่ฉันอ่านหนังสือให้กรุ๊ปเด็กๆ ฉันเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า พวกหนูเคยเห็นใครตกกระมากเท่าฉันรึเปล่า   เด็กๆต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคย"




candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE