ถึงโลกจะเปลี่ยนไป แต่คนดังกลุ่มนี้ยังคงอุดมการณ์เดิม

47 14

Adele



ถึงทีมจะ request  แต่ขอปฏิเสธทำงาน TikTok

เรื่องราวความสำเร็จของศิลปินชั้นนำระดับโลกหลายคนน่าจะพิสูจน์ให้พวกเราได้เชื่อมั่นในพลังสนับสนุนของ fandom สำหรับธุรกิจโลกดนตรีแล้ว การสร้าง fanbase ที่ทั้งแข็งแกร่งและภักดีต่อศิลปินไปอย่างยาวนานย่อมเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การสร้างผลงานเพลงคุณภาพ ศิลปินคนใดที่สามารถคว้าใจแฟนๆได้เหนียวแน่นแม้เวลาจะเปลี่ยนผันไป แม้จะทิ้งช่วงการปล่อยผลงานคราวละนานๆ แต่คุณก็แทบไม่ต้องเดาว่า ทั้งยอดขาย streaming และทัวร์คอนเสิร์ตจะพุ่งสูง บ้างก็ทำลายสถิติและกลายเป็น trending ที่ใครๆก็พูดถึง

เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าศิลปินดังทุกคนจะทำได้ s]kpคนก็เคยพบกับสภาวะ 'ขาลง' จากกระแสตอบรับที่ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนในอดีต อันเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาในวงการ pop โดยเฉพาะเมื่อแฟนๆวัยรุ่นที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเติบโตขึ้น ทำให้รสนิยมทางดนตรีเปลี่ยนแปลงไป popstar ที่เคยสร้างปรากฏการณ์คลั่งไคล้ก็กลายมาเป็นศิลปินที่หวนคิดถึง แต่ก็ไม่ได้คอยเฝ้าสนับสนุนติดตามเหมือนเดิม


กาลเวลาคืออุปสรรคสุดท้าทายของศิลปินทั่ววงการ พวกเค้าจะรักษาความนิยมได้ยืดยาว หรือจำต้องค่อยๆถอยห่างออกไปทำมาหากินห่างจากแสงสปอทไลท์ แน่นอนว่าจะต้องร่วมมือกับทีมงานเพื่อรักษาพลังสนับสนุนจากแฟนๆไว้ให้ยาวนานที่สุดด้วยการตลาดแบบใหม่ๆ

แต่สำหรับเจ้าของสถิติอัลบั้มขายดีที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21 เธอมีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไปค่ะ


TikTok คือ platform สุดร้อนแรงที่ไม่นานมานี้ยังถูกมองว่าจะโด่งดังจนทำให้ SnapChat สั่นสะเทือน     เมื่อมาถึงจุดนี้    หลายคนน่าจะยอมรับแล้วว่า  นี่คือ  app สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เหล่า superstar ไม่สามารถมองข้าม   พวกเค้าสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับรากฐานแห่งความโด่งดังด้วยไวรัลวีดีโอและคอนเทนท์ต่างๆ      ความสำเร็จอันหอมหวลไม่ได้ดึงดูดแต่ดารานักร้องวัยหนุ่มสาวให้มาเข้าร่วมเท่านั้น  คนดังระดับ A -List ก็ยังไม่พลาด  ( อย่าง Will Smith นั่นไง)  ส่วนวงการดนตรีก็มีทั้ง DJ  โพรดิวเซอร์  ศิลปินนักแต่งเพลง นู่นนี่นั่น      กระแสในตอนนี้บอกได้เลยว่าของมันต้องมี!


เทรนด์กำลังแรงแบบนี้ ทีมงานของ Adele จึงขอร้องให้เธอไตร่ตรองเรื่องการโพรโมทผลงานผ่าน TikTok ไม่ต่างจากศิลปินคนอื่น






"ตอนที่เรากำลังเตรียมมิกซ์ดนตรีอะไรแบบนั้น ทีมก็ยกเรื่องTikTok มาพูดคุยกันบ่อยมากค่ะ  ฉันถามว่าTikTok ใครเหรอ?    พวกเค้าก็แจงว่า  เราต้องทำให้เด็กๆวัย 14 ขวบรู้จักว่าคุณเป็นใครนะ     ฉันก็ตอบไปเลยสิว่า   แต่เด็กพวกนั้นต่างก็มีแม่นี่นา ตอนที่กำลังเติบโต เค้าก็คงได้ยินดนตรีของฉันมาบ้างล่ะ"

"ถ้าใครๆต่างก็ทำดนตรีสำหรับTikTok   แล้วใครจะทำดนตรีเพื่อคนวัยฉันล่ะคะ?   ใครจะทำดนตรีให้คนในกลุ่มเดียวกับฉัน?    ฉันขอรับอาสาทำมันด้วยความยินดีเลยค่ะ"


"ฉันไม่ต้องการให้เด็กๆวัยแค่ 12 ฟังอัลบั้มนี้เพราะมันลึกซึ้งเกินไป     แต่อาจจะเหมาะกับคนวัย30และ 40 ที่มุ่งมั่นรับผิดชอบกับตัวเองและกำลังเยียวยาใจ  เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่  ฉันให้ความสำคัญว่าอัลบั้มนี้จะสามารถช่วยแฟนๆรุ่นนี้ได้เช่นไรมากกว่า"





แต่ที่จริงแล้ว   แม้จะไม่ใช่ความตั้งใจของ  Adele  ผลงานของเธอก็เคยเป็น viral บน TikTok มาแล้ว    เมื่อสองปีที่แล้ว ก่อนที่ app นี้จะดังเปรี้ยงปร้างจนฉุดไม่อยู่ จาก  Someone Like you  Challenge ด้วยการถ่ายวีดีโอจำลองภาพคอนเสิร์ตของ Adele ตอนที่กำลังครวญเพลง Someone Like You แล้วผู้ชมร้องตามอย่างซาบซึ้งใจ   มีทั้งการครีเอทภาพจาก Minecraft หรือ ใช้กัมมี่แบร์ ตัวตุ๊กตุ่น ถุงชา ขวดยาทาเล็บ ตุ๊กตามาเรียงกันเป็นคนดู   และคนที่ทำวีดีโอเหล่านั้นก็คนรุ่นใหม่ทั้งนั้น ไม่ใช่แม่หรือป้าของใคร

ยืนกรานให้ Spotify นำปุ่ม shuffle ออกจากapp จนสำเร็จ

  หลายคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจกับปุ่ม shuffle บน music streaming app  ที่เล่นเพลงแบบสุ่มไปเรื่อยๆโดยเราไม่ได้เป็นผู้เลือก

แต่สำหรับ Adele เมื่อลำดับเพลงสะเปะสะปะแตกต่างจากลำดับที่วางไว้แต่เดิม มันกลายเป็นสิ่งที่รบกวนการถ่ายความศิลปะดนตรีจากการกลั่นกรองความรู้สึกภายในที่เธอตั้งใจร้อยเรียงออกมา เธอจึงเจรจากับ appดัง เพื่อหาข้อตกลงถอดปุ่ม shuffle ออกไป และเมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ก็ตอบรับคำขอของเธอ Adele จึงได้ชี้แจงจุดประสงค์ที่ไม่ต้องการให้มีการสุ่มเพลงในอัลบั้มเธอไว้ว่า

"เราไม่ได้สร้างอัลบั้มนี้ขึ้นมาจากความห่วงหาใส่ใจในการเรียงลำดับเพลงโดยไม่ได้ใช้เหตุผลนะคะ"

"ผลงานศิลปะของเราได้บอกเล่าเรื่องราว และเรื่องราวเหล่านี้ควรจะถูกรับฟังตามที่เราตั้งใจเรียงลำดับไว้  ขอบคุณSpotify ที่รับฟังค่ะ"




อาจจะรวยขึ้นอีกหลายสิบล้านดอลลาร์  หากตอบรับทำสัญญากับbrandดัง  แต่ยืนยัน ขอสร้างผลงานดนตรีเพียงอย่างเดียว



คุณอาจจะจินตนาการรอยยิ้มของ creative director ของ Louis Vuitton ได้ชัดเจน เมื่อ Adele สวมโค้ทและถือกระเป๋าแบรนด์ดังนี้เข้าไปชมบาวสเก็ตบอลกับแฟนหนุ่ม เมื่อใครบางคนเปิดเพลงของเธอลั่นสนาม เธอก็ได้ยกกระเป๋ามาบังหน้าด้วยความกระดากอาย ดูแล้วเป็นจังหวะที่เหมาะเหม็งราวกับการทำหน้าที่ brand ambassador (เพราะหลังจากนั้น ลุคสวยเริ่ดของเธอก็สร้างเสียงฮือฮาจากสื่อแฟชั่น)

แต่ที่จริงแล้ว ในระยะเวลายาวนานเกินทศวรรษที่โลดแล่นในวงการในฐานะ superstar Adele ปฏิเสธ deal กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ไปแล้วมากมาย อย่างรายงานที่ว่าเธอเชิดใส่ข้อเสนอจากL’Oreal ที่มีมูลค่าถึง $19 ล้าน (เป็นเงินไทยปัจจุบันราวๆ 634 ล้านบาท) ส่วนห้องเสื้อชั้นสูงก็ส่งตัวแทนจีบเธอไม่ว่างเว้น

แต่เธอยืนยันว่า  ขอสร้างชื่อด้วยงานดนตรีเพียงเท่านั้น!

ด้วยออร่าความ A-List และชื่อเสียงเรื่องความหวงprivacyของ Adele ทำให้ผู้คนติดตามด้วยความสนใจว่าเธอจะมี lifestyle แบบใด ใครบ้างที่เพื่อนฝูงคนดังที่เธอสนิทสนม รวมถึงเรื่องรสนิยมการแต่งกาย การดูแลความงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอทุ่มเทออกกำลังเพื่อสุขภาพจนน้ำหนักลดลงผิดหูผิดตา แน่นอนว่า เธอยิ่งเนื้อหอมในหมู่บริษัทผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก จากข่าวสะพัดว่า เธอบอกปัดข้อเสนอมูลค่า$70ล้านไป (ราวๆ2,335 ล้านบาท)


"ฉันบอกปฏิเสธสินค้าอะไรไปบ้างน่ะเหรอ   ทุกอย่างที่คุณคิดหามาได้นั่นแหละ เยอะแยะไปหมด  หนังสือ เสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม ฟิตเนส  ซึ่งมันเป็นสิ่งที่โคตรตลก   พวกนั้นอย่างให้ฉันประชาสัมพันธ์รถยนต์ ของเล่น app เทียนหอม   แบบว่า ฉันไม่อยากจะมาโฆษณาน้ำยาเคลือบเงาเล็บหรอก แต่ขอบคุณที่ติดต่อมานะ    ให้เงินเป็นล้านเพื่อไปร้องเพลงในงานฉลองวันเกิดคุณเหรอ   ถ้าอยากทำจริง ฉันจะทำให้ฟรีๆเลยค่ะ ขอบคุณ"


 มีผู้ประเมินไว้ว่า ทรัพย์สินในปัจจุบันของ Adele อยู่ที่ราวๆ  $190-200ล้าน  (6,340-6,674 ล้านบาท)  แต่หากเธอเลือกเดินทางbrand ambassadorเหมือนกับกับsuperstar คนอื่นๆ  เธอจะทำเงินได้อีกมากมายไม่แพ้รายได้จากงานดนตรีด้วยซ้ำ


Keanu Reeves


The Internet Boyfriend  ที่ไม่ใช้ social media​​



บรรดาพระเอกหนุ่มใหญ่แห่งวงการ Hollywood มักจะได้รับเสียงชื่นชมถึงความหล่อเหลาแบบสุุขุมนุ่มลึกแบบชายผู้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์

แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ขึ้นรับการยกย่อง(เข้าขั้นบูชา)ว่าเป็น Internet Boyfriend แห่งปวงชนในวัยที่มีเลข 5 นำ


เสน่ห์ของ Keanu Reeves ทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ต้องเขิน  ผู้ชายด้วยกันยังปลาบปลื้ม   เรื่องผลงานแสดงนั้นไม่ต้องห่วง  ยังครองใจแฟนๆหนัง action ได้ไม่แตกต่างจากเมื่อสร้างปรากฏการณ์ในยุค 90s    แต่สิ่งที่เราขอโฟกัสในคราวนี้คือชื่อเสียงในโลกออนไลน์ของพี่ขี้หนู  แหมก็ช่างดีงามจนหาที่จิกกัดไม่ได้   คนที่เคยเจอตัวจริงก็ร่วมแชร์ประสบการณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือ superstar ที่ทั้งติดดินและนิสัยน่ารักจนต้องยอมให้หมดใจ  เสียงอวยยศนั้นเกรียวกราวไปหมด  ในขณะที่เจ้าตัวตามไม่ค่อยทัน  เพราะหวงความส่วนตัวมากจนไม่แตะต้อง social media


account ทั้งหลายคือการแอบอ้าง รวมถึง quote ที่กลายเป็น viral ฟังคุ้นหู แต่พี่ขี้หนูไม่ได้พูด
คนดังจำนวนไม่น้อยต้องเข็ดขยาดกับ hacker ตัวแสบที่ขโมยเอาภาพส่วนตัวมาประจาน  บางคนอาจจะสร้าง account  แบบลับๆเพื่อ connect กับเพื่อนฝูงคนใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยจากการการถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว    

ในกรณีของพี่ขี้หนู โดยมากจะถูกแอบอ้างไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ทั้งมีคนสร้าง account ปลอม แล้วหลอกให้คนหลงเชื่อว่าพระเอกดังจริงๆ ถึงขั้นปลอมใบขับขี่ส่งทางข้อความเพื่อใช้เป็นหลักฐานให้อีกฝ่ายตายใจ แต่ Alex Winter ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานจากหนัง Bill&Ted และคบหาสนิทสนมกันมายาวนานเห็นแล้วเบื่อหน่ายแทน จึงใช้ Twitter ประกาศว่า เรื่อง Keanu ตัวปลอมทำให้ผู้คนรู้สึกเซ็ง แต่ทุกคนต้องทำความเข้าใจว่า เขาผู้นี้มี social media account เป็นศูนย์ และที่เห็นกันนั้นเป็นของปลอมทั้งหมด




ส่วนเรื่อง quote ปลอมนั้น เราคงไม่ทราบเลยว่าคนทำขึ้นด้วยเหตุผลอะไร แต่กว่าจะมีคนรู้ว่าไม่ใช่ของจริง ก็แชร์กันไปไม่รู้เท่าไรแล้ว การแสดงความเห็นต่างๆของพี่ขี้หนูนั้นเป็นของจริงรึเปล่า ดูได้ง่ายๆค่ะ เพียงแค่ตามหา reference ว่าพูดกับสื่อใด ไม่ว่าจะเป็นรายการ TV นิตยสาร ก็มีหลักฐานชัดเจน ด้วยความี่พี่เค้าสันโดษมากก็จะไม่ได้ให้สัมภาษณ์บ่อยนัก เน้นโผล่ออกสื่อตอนโพรโมทผลงานเป็นส่วนใหญ่ หากเป็นคำพูดยืดยาวเล่าประวัติตัวเอง หรือสอนใจคนอื่นราวกับเป็น life coach ให้ตีไปก่อนเลยว่า ไม่น่าจะใช่ของจริง ยกตัวอย่าง quote ที่คนแชร์กันมากมายพวกนี้ พี่ขี้หนูไมไ่ด้พูด!

เริ่มต้นประโยคว่า
  • Most people know me, but don't know my story... เล่าเรื่องโศกนาฏกรรมชีวิตตัวเอง อย่างเพื่อนสนิทและคนรักที่กำลังตั้งครรภ์เสียชีวิต)
  • You see these people behind me?  แนะนำให้ผู้คนปลดปล่อยตัวเองจากชีวิตที่เร่งรีบมาให้ความสำคัญกับสิ่งสวยงามของชีวิต และยังเล่าว่าเคยเป็นโรคซึมเศร้า แต่หลุดพ้นมาได้จากการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เหมือนกับวันนี้คือวันสุดท้าย
  • My friend's mom has eaten healthy all her life. Never ever consumed alcohol or any "bad" food, exercised every day เล่าเรื่องแม่ของเพื่อนที่รักษาสุขภาพอย่างเต็มที่แต่ก็ป่วยเป็นมะเร็งร้ายแรง ส่วนพ่อเพื่อนไม่เคยใส่ใจสุขภาพกินของมัน  ไม่เคยออกกำลังกายใดๆ แต่อายุยืนแข็งแรง
(เพียงมีคนนำภาพของพระเอกดังที่แฟนถ่ายจากท้องถนนมาประกอบบทความก็ทำให้คนอีกเยอะที่เชื่อว่า ไวรัลพวกนี้เป็นคำที่เขาพรรณนาออกมาจริงๆ)

เหล่าแฟนพันธุ์แท้ จะสัมผัสได้เลยว่า คำพูดยืดยาวพวกนี้ไม่ได้มาจากพี่ขี้หนู  เพราะการสั่งสอนคนอื่นยืดยาวแบบ life coach ไม่ได้ฟังดูเป็นสไตล์ของพระเอกขวัญใจผู้คนเลย  เจ้าตัวยังพูดเรื่องส่วนตัวน้อยมาก  แต่มันก็กลายเป็นไวรัล   ขนาดว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่มีนักข่าวอ้างว่า พี่ขี้หนูให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งโสดและเหงา และหวังว่าจะได้พบรักสักที   ตัวแทนของเขาต้องออกมาแจงว่า  ไม่เคยพูดออกมาตามที่นักข่าว (มโน) จนตัวนักข่าวรายนั้นต้องออกมายอมรับว่า  จับแพะชนแกะเขียนขึ้นมาเอง  เขาไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือถูกถามเรื่องนี้  ซึ่งถ้าจะให้นับ Timeline  เมื่อสองปีก่อนที่ข่าวนี้โด่งดังขึ้นมา  คนวงในและแฟนตาไวต่างก็รู้แล้วว่า พี่ขี้หนูกำลังคบหากับ Alexandra แบบเงียบๆ (ศิลปินสาวผู้เป็นหวานใจมาถึงทุกวันนี้)   มันจึงไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิงที่จะมาประกาศถึงสถานะโสดที่แสนเหงาหงอย  และไม่น่าแปลกใจที่พี่ขี้หนูจะรีบส่ง rep ออกมาตอกกลับสื่อเจ้านี้ว่าปั้นแต่งเรื่อง  ทั้งๆที่ปกติมีข่าวลือเกี่ยวกับเขามากมาย แต่ก็ไม่ได้แก้ข่าวให้เห็นบ่อยนัก


แต่เพื่อการกุศล  แฟนสามารถประมูลเพื่อเดทกับพี่เค้าผ่าน Zoom  (ราคาประมูลพุ่ง$17,400เหรียญสำหรับการเดท 15 นาที)


แม้จะขึ้นชื่อลือชาเรื่องการเก็บเรื่องส่วนตัวไว้อย่างลึกลับ แต่เพื่อมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง พี่ขี้หนูก็อาสาตัวเป็นคู่เดททางzoomกับผู้ประมูลสูงสุด แม้จะเป็นการพูดคุยผ่านจอเพียง 15 นาที แต่เพื่อจะได้ใกล้ชิดหับพระเอกดังแบบ virtual ก็มีคนทุ่มเงินราวๆ $17,400 เลยทีเดียว

ส่วนเหตุผลที่ไม่ใช้ social media  เขาอธิบายสั้นๆว่า  ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมาก และเขาก็ไม่มีหัวข้อใดเลยที่อยากจะพูดผ่าน social media 



แฟนๆอาจจะตั้งฉายา Respectful King ในยุค 2020s แต่ไม่เคยเปลี่ยนพฤติกรรมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร


ไม่เพียงแต่นางเอกชื่อดังที่เคยร่วมงานจับคู่ประชันบทบาทกับKeanu จะกล่าวชื่นชมเรื่องความน่ารักของเขา แต่สังเกตได้ว่า เมื่อต้องออกงานโพรโมทหนังด้วยกัน พวกเธอมีท่าทีผ่อนคลาย ดูเป็นมิตรเต็มที่ สำหรับชาว Hollywood เรื่องการสัมผัสเนื้อตัวกันบนพรมแดงถือเป็นเรื่องปกติของพระนางที่จะมีกอดหรือโอบกันบ้าง เพราะอยู่ในวงการมาเนิ่นนาน พระเอกดังจึงโอบนางเอกเมื่อต้องออกงานคู่กันมาแล้วหลายคน แต่ก็เป็นการโอบแบบหลวมๆ บาวคนก็สังเกตได้ว่า หากเป็นนางเอกที่ไม่โสดแล้ว เขาจะยิ่งระมัดระวังตัวด้วยการเว้นระยะห่างอย่างพอดีๆ อาจจะโอบบ้างหากต้องถ่ายรูปลงนิตยสาร แต่ไม่แสดงท่าทางล้ำเส้น ท่าทางการโอบเอวนางเอกเพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้ต่างจากตอนที่เขาโอบพี่สาวหรือแม่เลย


แต่เมื่อไม่นานมานี้ ชาวเน็ทได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อต้องโพสถ่ายรูปกับเพศตรงข้าม เขาเลือกจะไม่แตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายไปตรงๆ วางตำแหน่งมือไว้เหมือนกับโอบ แต่มีอากาศกั้นกลาง ไม่ว่าจะเป็นแฟนที่เช้ามาขอถ่ายรูปด้วยหรือเพื่อนร่วมวงการ


แต่เมื่อย้อนกลับไปในยุค 90s   เขาก็เคยทำแบบเดียวกันกับ Winona Ryder  เพื่อนนางเอกที่เข้าขากันเป็นอย่างดี     ถึงจะสนิทกันจนดูเหมือนจะไม่ต้องเกรงใจกันมาก ก็ดูจะติดนิสัยไปแล้ว



ไม่ใช่ว่าพี่ขี้หนูจะเลิกโอบดาราที่ออกงานคู่กันอย่างเด็ดขาดนะ   หลายสถานการณ์ก็โอบตามคำเรียกร้องของช่างภาพ หรือแสดงท่าทางของคู่เดทที่สุภาพพอเหมาะ   แต่ถ้าเป็นแฟนๆผู้โชคดีที่มีโอกาสถ่ายรูปคู่กันเพื่อเป็นที่ระลึก  ก็ดูเหมือนว่าเขาจะระมัดระวังตัวจนเป็นที่มาของฉายา respectful king

แม้แต่การออกงานในยุโรปที่พิธีกรเจ้าภาพแทักทายแบบคลุกวงใน  ตะปบคางแล้วจูบแก้มเขาไปเต็มฟอด     แม้จะดูตั้งตัวไม่ทัน แต่พี่ขี้หนูก็ยัวคง concept  เดิม  มือไม่วางที่เอวไปตรงๆ    บางคนอาจจะวิเคราะห์ว่า  เขาอาจจะเหมือนกับคนดังชายที่ต้องเกร็งกับการถูกกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศนับตั้งแต่มีการเคลื่อนไหว MeToo  

มาถึงจุดนี้อาจจะทำให้หลายคนมั่นใจว่า แม้เขาจะอายุขึ้นเลข 6 - 7 หรือ 8 ก็ยังจะได้รับความรักจากแฟนๆมากมายไม่เปลี่ยน


Taylor Swift


ปล่อยเพลงเวอร์ชั่น10 นาทีสั่นสะเทือน The Internet!




เมื่อหลายคนได้ยินคำว่า เพลงที่มีความยาวถึง 10 นาทีก็อาจจะเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ แม้จะเป็นเพลงที่ติดหูสักเพียงไหน แต่หากต้องฟังไปเรื่อยๆยาวถึงขนาดนี้ อารมณ์ที่จะกดฟังซ้ำอาจจะเหือดหายไป แม้แต่เพลงในตำนานอย่าง Bohemian Rhapsody ที่คิดว่ายืดยาวสะใจก็ยังมีความยาวเกือบๆ 6 นาที หากเป็นเพลงที่ต้องฟังกันนานเกินสิบนาที แฟนๆดนตรี classic rock อาจจะยกมาได้หลายผลงาน หากเป็นฝั่งดนตรี pop ก็มีเพลงดังย้าวยาวอยู่บ้าง แต่ก็เป็นผลงานเก่าขึ้นหิ้ง

แต่สำหรับเจ้าหญิงเพลงpopอย่าง Taylor Swift (แม้แต่Madonna ก็ยกย่องเธอด้วยฉายานี้) เพลงความยาว 10 นาทีเป็นผลงานที่เธอแต่งขึ้นมาร่วมสิบปี แต่ตัดสินใจตัดทอนความยาวออกไปครึ่งหนึ่งเพราะแม้แต่ตัวเองก็คิดว่า มันยาวเกินไปจริงๆ



"ฉันว่าตอนที่แต่งเพลงนี้ตอนอายุ21 ปีค่ะ ฉันกำลังซ้อมดนตรีกับวงที่จะเดินสายทัวร์ Speak Now ฉันโผล่มาที่การซ้อมแล้วสภาพก็คือเศร้าเสียใจมาก ทุกคนต่างก็สัมผัสได้เลยว่า มันไม่สนุกเท่าไรหากมาอยู่วนเวียนใกล้ตัวฉัน ฉันเริ่มเล่นกีตาร์แล้วก็เล่นสี่คอร์ดซ้ำไปมา วงดนตรีก็เข้าร่วมเล่นด้วยกัน แล้วฉันก็เริ่มด้นสดเรื่องที่เจอออะไรมา รู้สึกยังไงบ้าง เพลงก็เริ่มมีความกินใจหนักหน่วงขึ้นทุกที ความยาวของเพลงก็ประมาณ10-15 นาทีเห็นจะได้ เสร็จแล้วเราก็ซ้อมเพลงตามปกติต่อ"

"พอซ้อมอะไรกันเสร็จ แม่ของฉันก็ไปหาฝ่ายดูแลเรื่องซาวนด์แล้วถามเขาว่า คุณได้บันทึกเพลงนั้นไว้รึเปล่า แล้วเขาก็ตอบมาว่า ใช่เลย เขายื่นCD มาให้แม่ มันเป็นเพลงเวอร์ชั่นดั้งเดิมของ All Too Well ที่มีความยาว 10 นาที ฉันต้องตัดให้มันมีความยาวตามเพลงปกติ เพราะ 10 นาทีมันเหลือเชื่อค่ะ เป็นความยาวที่ฟังดูบ้ามากสำหรับเพลงหนึ่ง ใครกันที่จะส่งเพลงยาว 10 นาทีออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ก็ฉันนี่ไง"

All Too Well สร้างประวัติศาสตร์ด้วยสถิติเพลงที่มีความยาวที่สุดที่ขึ้น Billboard Hot 100 นั่นทำให้ Taylor รีบส่งข้อความแฟนๆอย่างตื่นเต้นยินดีที่พวกเค้าผลักดันให้เธอตัดสินใจปล่อยเพลงเวอร์ชั่น 10 นาทีออกมาจนขึ้นอันดับ 1 ของ Hot 100




ไม่ได้เปลี่ยนแผนการตลาด  แต่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามทุกครั้ง

Taylor อาจจะถูกโจมตีมาโดยตลอดว่าใช้วิธีทางการตลาดแบบเดิมๆ การบอกเล่าเรื่องราวความรักที่ร้อยเรียงผ่านบทเพลงจะกลายมาเป็นกระแสเกรียวกราวจากความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้คน เมื่อเสริมพลังกับ music video ที่เต็มไปด้วย Easter Egg ที่ท้าฝีมือคนตาไวให้ค้นหาความหมายว่า บุคคลปริศนาที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงคือใครกันแน่ คนที่ไม่ปลื้มเธอนักอาจจะปักใจว่า เธอสร้างความโด่งดังด้วยการใช้ดนตรีโจมตีคู่อริหรือคนที่ที่เคยทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ บ้างก็ยกให้เธอเป็นอัจฉริยะทางธุรกิจที่สั่นสะเทือนโลกออนไลน์ได้ทุกครั้งที่ส่งผลงานเพลงออกมากอบโกยยอดขาย เธอมี connection สุดเริ่ด พิสูจน์ได้จากคนดังที่มาร่วมงานกัน แม้แต่ Katy Perry ที่ขัดแข้งขัดขากลายเป็นศัตรูมาหลายปีก็ยังจับมือสร้างสันติผ่านmusic video มาแล้ว ถึงเธอจะเปลี่ยนสไตล์ดนตรี หรือแฟนๆที่ติดตามกันมาตั้งแต่แรกเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายคนก็เชื่อว่า ทุกครั้งที่ Taylor ปล่อยเพลงใหม่ออกมาก็จะยึดครองอันดับ 1 ได้เสมอ



ในขณะที่มีเสียงวิจารณ์หนักหน่วงว่าเธอเป็นเจ้าแม่ดราม่าที่เอาเรื่องราวความขัดแย้งกับคนอื่นมาสร้างความสำเร็จล้นหลาม แต่จากความสำเร็จของ Folklore อัลบั้มที่ทั้งยอดขายและ streaming พุ่งสูงแซงหน้าศิลปินคนอื่นกลายมาเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดแห่งปี 2020 และได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมของเธอ     ทั้งยังเปิดเผยว่า แฟนหนุ่มที่คบหากันมายาวๆ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมแต่งเพลงตามที่แฟนๆตั้งข้อสงสัยไว้    แม้จะมีผู้สังเกตว่า มีบางเพลงที่เธอนำเรื่องความรักครั้งเก่ามาเป็นแรงบันดาลใจไม่ต่างจากอัลบั้มเก่า แต่ก็เหมือนกับการหวนคิดถึงความหลัง ไม่ได้จิกกัดอีกฝ่ายจนสร้างความฮือฮา  กระแสสังคมดูมุ่งไปสนใจที่การยกประสบการณ์ที่แตกหักกับผู้บริหารค่ายเพลงเก่าและความขัดแย้งเรื่องลิขสิทธิ์มาสเตอร์ที่ตกไปอยู่กับ Scooter Braunมาเปรียบเปรยกับการหย่าร้าง ทั้งๆที่ไม่เคยแต่งงาน ทั้งยังระบายความโกรธที่ถูกหักหลังและล้อเลียนจนดูเหมือนกับผู้หญิงจอมเกรี้ยวกราด นั่นทำให้เธอได้รับเสียงสนับสนุนว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินที่ต่อสู้กับเรื่องสัญญาไม่เป็นธรรมกับค่ายเพลง


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE